วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Ford Focus ST Minor Change เพิ่มดีกรีความหล่อ พร้อมขุมพลังดีเซลใหม่

  ค่าย Ford เผยโฉม Focus ST Minor Change เวอร์ชันตัวจิ๊ดของแฮตซ์แบ็คสุดฮิตที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ตามรุ่นปกติที่เปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตากันได้สักพักหนึ่งแล้ว ซึ่งตัวจิ๊ดคันนี้จะนำไปโชว์ตัวที่ Goodwood Festival of Speed ประเทศอังกฤษในอีกไม่นานนี้ด้วย

   หน้าตาของรถได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับตัวปกติที่ปรับโฉมก่อนหน้านี้ มากับไฟหน้าชุดใหม่ กระจังหน้าสไตล์ Aston Martin สีดำลายตะแกรงรังผึ้งที่เพิ่มความเข้มข้นขึ้น กรอบไฟตัดหมอกทรงดุดัน มีมิติกว่าเดิม เสริมด้วยล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว ด้านท้ายก็เปลี่ยนไฟท้ายใหม่ตามรุ่นปกติและปรับกันชนท้ายให้หล่อกว่าเดิมด้วย


   ภายในนั้นไม่ต่างอะไรจากรุ่นปกติมาก มีจอสัมผัสขนาดให้ติดตั้งมาให้ พวงมาลัยแบบตัดตรง ปรับดีไซน์คอนโซลกลาง เพื่อเพิ่มความสดใหม่ซึ่งมาพร้อมกับช่องชาร์จไฟ USB และปรับปรุงระบบควบคุมอากาศใหม่ด้วยครับ และมากับเบาะนั่งทรงสปอร์ตเพื่อความแตกต่างในบุคลิกของ Focus ST กับตัวปกติ


   ด้านเครื่องยนต์นั้นมีให้เลือก 2 ขุมพลัง ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ EcoBoost 2.0 ลิตร มากับพละกำลัง 250 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตัน-เมตร มากับอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ภายใน 6.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 247 กม./ชม. ผลพวงจากระบบสตาร์ท-ดับเครื่องยนต์อัตโนมัติทำให้ขุมพลังเบนซินรุ่นจิบน้ำมันเฉลี่ยเพียง 17.6 กม./ลิตร ปล่อยไอเสีย 158 กรัม/กม.

   ถัดมาที่เครื่องดีเซลบล็อกใหม่ 2.0 ลิตร TDCi  มากับพละกำลัง 185 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 8.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 217 กม./ชม. จิบน้ำมันเฉลี่ย 22.7 กม./ลิตร ปล่อยไอเสียแค่เพียง 114 กรัม/กม.เท่านั้นครับ

   ด้านการขับขี่นั้น Ford Focus ST Minor Change ได้รับการปรับปรุงช่วงล่าง ทั้งสปริงหน้าและช็อกอัพที่สปอร์ตยิ่งขึ้น ขณะที่ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าก็ได้รับการอัพเกรด ตลอดจนการปรับระบบช่วยการขับขี่ทั้ง torque vectoring control และ Electronic Transitional Stability ใหม่ ซึ่งช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่สูงสุด

   Ford Focus ST Minor Change จะเปิดให้ลูกค้าชาวยุโรปจับจองกันในสิ้นปีนี้ และจะวางขายกันในปีหน้า ตลาดไทยหมดสิทธิ์!!!!
 แนะนำ ติชม พูดคุย ติดตามข่าวสารรถใหม่ฉับไวก่อนใครกับ Cars New Update ที่นี่!!


 

Ford เปิดตัวม่านถุงลมนิรภัยสำหรับรถที่นั่ง 5 แถวครั้งแรกในวงการยานยนต์

  ค่าย Ford ยังคงไม่หยุดที่จะพัฒนารถของตนให้ก้าวล้ำกว่าใครโดยที่ไม่ยึดติดกับบรรทัดฐานเดิมๆอีกต่อไปแล้ว ล่าสุด Ford ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกในอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยการติดตั้งระบบความปลอดภัย ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับรถตู้เพื่อการพาณิชย์ 5 แถวเป็นครั้งแรกในวงการยานยนต์เลยก็ว่าได้

   Ford ได้ทำการติดตั้งระบบนี้ในรถตู้เพื่อการพาณิชย์ Ford Transit ตั้งแต่รุ่นปี 2015 เป็นต้นไป โดยมากับม่านถุงลมนิรภัยที่มีขนาดยาว 4.5 เมตรและสูงเกือบ 1 เมตร ซึ่งทาง Ford ได้ติดตั้งระบบแก๊สแบบพิเศษเพื่อให้ม่านนิรภัยขนาดยักษ์นี้สามารถระเบิดออกมาได้ภายในเสี้ยววินาทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุด้วย

   โดยตัวม่านถุงลมนิรภัยนี้ ทำจากผ้าที่ใช้วัสดุโพลีเอสเตอร์เคลือบผิวแบบพิเศษ มีระบบรักษาความดันแก๊สเพื่อให้ตัวม่านนั้นยังคงพองตัวและปกป้องผู้โดยสารอยู่หลายวินาทีหลังจากเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะกรณีการพลิกคว่ำ

   และม่านนิรภัยดังกล่าวนี้ ได้รับการพัฒนาโดย Ford และบริษัทวิศวกรรมยานยนต์อย่าง TRW Automotive ซึ่งถูกติดตั้งในรถ Ford Transit รุ่นใหม่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานควบคู่กับถุงลมนิรภัยคู่หน้า เข็มขัดนิรภัยสามจุดทุกเบาะที่นั่ง พร้อมระบบช่วยขับขี่อย่าง AdvanceTrac with Roll Stability Control และ SOS Post-Crash Alert System
   ระบบความปลอดภัยของรถตู้ไทยกับรถตู้เมืองนอก มันช่างต่างจากรถตู้ไทยซะจริงๆครับ ถ้าเป็นรถตู้บ้านเราละก็ .....

 แนะนำ ติชม พูดคุย ติดตามข่าวสารรถใหม่ฉับไวก่อนใครกับ Cars New Update ที่นี่!!


 

Rainy Season : ดูแลรถยังไงในช่วงหน้าฝน?

   ในช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่เข้าสู่ฤดูฝนกันแล้วนะครับ เป็นฤดูหนึ่งที่ผู้เขียนทั้งชอบและเกลียด ชอบเพราะอากาศเย็นสบาย น่านอน แต่ที่เกลียดก็ตรงเวลาตกหนัก ฟ้าร้องดังๆนี่ละครับ เฉยๆกับฟ้าร้องแต่ก็รำคาญ จะร้องจะตกไปไหน เมื่อไหร่จะหยุดตก แน่นอนในฤดูฝนอันแสนลำบากนี้ ผู้ใช้รถขับขี่บนท้องถนนก็ต้องลำบากกันไม่น้อยครับ 




   ทุกๆปี ต้องมีการเตือนอย่างสม่ำเสมอในช่วงหน้าฝน ซึ่งการขับขี่รถในยามฝนตกหรือฤดูฝนจำต้องระวังเป็นอย่างมาก เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาได้หลายอย่างและทำให้ผู้ใช้รถไม่สามารถใช้ความเร็วได้ตามปรารถนาเลย อันเป็นผลมาจากเส้นทางที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำอันส่งผลให้พื้นผิวการจราจรเกิดการลื่นไถล ส่งผลให้ความสามารถในการควบคุมรถลดลง หรืออาจทำให้เราเสียการทรงตัวได้ง่าย ซึ่งเราก็เห็นกันอยู่บ่อยครั้งว่ามีการเกิดอุบัติเหตุง่ายในช่วงฝนตก ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของตัวรถและความระมัดระวังในการขับขี่ซึ่งสำคัญมากเลย จึงอยากให้ผู้ใช้รถคำนึงถึงเรื่องสมรรถนะของรถที่สามารถใช้งานได้อย่างปกติในช่วงฝนตก ทัศนวิสัยในการมองเห็น และไม่อยู่ในความประมาทระหว่างการขับขี่รถยนต์ด้วยครับ
   หลักๆในส่วนของรถที่เราดูแลเป็นพิเศษก่อนจะเข้าหน้าฝนก็มี ระบบเบรก ช่วงล่าง ยางรถยนต์ ลมยาง ใบปัดน้ำมัน น้ำฉีดกระจก ไฟส่องสว่างและไฟสัญญาณต่างๆ ทั้งหน้าและหลัง ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าของรถอย่างเราที่ต้องดูแลรักษาให้มีประสิทธิภาพดีอยู่เสมอ


   ระบบเบรก สำคัญมากในการขับขี่บนถนนแห้งๆหรือถนนเปียกๆ ระบบต้องมีประสิทธิภาพในการห้ามล้อ และชะลอความเร็วโดยไม่ทำให้รถเสียการทรงตัวขณะเบรก โดยเฉพาะตอนขับบนถนนลื่นหรือที่มีน้ำขัง ผู้ใช้รถควรหมั่นตรวจสอบและสังเกตอาการรถเวลาเบรกว่า รถมีอาการด้านหน้าดึงในทางซ้ายหรือขวา ท้ายเป๋หรือมีแนวโน้มไปทางใดทางหนึ่งหรือไม่ อาการดังกล่าวอาจต้องออกแรงเบรกมากกว่าปกติจึงจะออกอาการพวกนี้ แต่ยังไงถ้าหากเราจะทดสอบเองก็ต้องระมัดระวัง และต้องมีถนนที่กว้างพอ รวมถึงไม่มีรถวิ่งผ่านใกล้ๆ แต่ทางที่ดี ให้ช่างผู้ชำนาญทดสอบจะดีที่สุดครับ ไม่ว่าจะเป็นผ้าเบรก ประสิทธิภาพการเบรกด้วยจะดีมาก

   ช่วงล่าง-มุมล้อต่างๆก็มีผลต่อการทรงตัวของรถ ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเบรกหรือไม่ ระบบช่วงล่างกันสะเทือนมีอยู่มากมายหลายชิ้น บางชิ้นอาจหมดอายุการทำงานหรือเสื่อมสภาพ เช่น โช้คอัพรั่วหรือเสื่อมสภาพในข้างใดข้างหนึ่ง ส่งผลให้การดูดซับการเต้นขึ้นลงชองรถไม่ดี รถอาจเสียการทรงตัวได้ เมื่อเจอถนนที่ไม่เรียบ เป็นเนิน หลุม พร้อมกับการเบรก ยิ่งถนนเปียกยิ่งทำให้เสียการทรงตัวได้ง่ายเลยทีเดียว

   ดังนั้นระบบช่วงล่างต่างๆไม่ว่าจะเป็น โช้คอัพ ลูกหมาก บุชยางต่างๆ รวมถึงมุมล้อ ควรตรวจสอบให้อยู่ในสภาพปกติ ถ้ามีจุดต่างๆของช่วงล่างมันหลวม มุมล้อที่เคยอยู่ในค่ามาตรฐานจะผิดตามด้วย ส่งผลต่อหน้าสัมผัสของยางกับพื้นถนน ทำให้สมรรถนะในการยึดเกาะถนนไม่ดีพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นข้างใดข้างหนึ่ง และยังส่งผลให้ยางมีการสึกหรอที่ผิดปกติและอายุการใช้งานสั้นลง หากไม่รีบตรวงสอบและแก้ไข


   ยางรถยนต์ที่มีอายุการใช้งาน 3 ปีขึ้นไป เนื้อยางจะเริ่มเสื่อมสภาพลง ความยึดหยุ่นน้อยลง การเกาะถนนก็จะลดตามด้วย เนื่องจากเนื้อยางแข็งไปจนอาจส่งผลต่อการลื่นไถลได้เมื่อมีการเบรกที่แรง ความสูงดอกยางควรมีความสูงไม่ต่ำกว่า 2.5 มม. เป็นอย่างน้อย ซึ่งยังสามารถรีดยางได้ ซึ่งหากดอกยางสูงน้อย ประสิทธิภาพในการรีดน้ำจะลดลงจนทำให้เกิดการโหนน้ำได้ ในกรณีที่วิ่งผ่านถนนที่มีน้ำเจิ่งนอง ทำให้รถเสียการทรงตัว โดยเฉพาะเมื่อวิ่งตอนความเร็วสูง

    การเติมแรงดันลมยางที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม อาจส่งผลให้การยึดเกาะถนนไม่ดี จึงควรเช็คลมยางให้ถูกต้องเสมอ และถ้าเราเติมลมยางถูกก็จะทำให้การรีดน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่เกิดการเหินน้ำด้วย





   ใบปัดน้ำฝนและน้ำฉีดกระจก ควรตรวงสอบให้ดีๆครับ เพราะไม่ได้มีแค่ใช้อย่างเดียว เพราะหน้าฝนทัศนวิสัยสำคัญมากโดยเฉพาะฝนตกหนัก โดยเฉพาะฝนตกหนัก หากระบบปัดน้ำฝนไม่ดี อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ การปัดของใบปัดน้ำฝน จะต้องเรียบสนิท ไม่เป็นลอนคลื่น และไม่มีเสียงดัง หากพบว่ายางปัดน้ำฝนเสื่อมก็เปลี่ยนของใหม่ได้ทันที และควรตรวจสอบการฉีดของน้ำฉีดกระจกด้วย ซึ่งควรฉีดให้ตรงตำแหน่งและมีน้ำเต็มกระปุกเสมอ

   ไฟส่องสว่าง ควรตรวจเช็คให้มีการทำงานครบถ้วน โดยเฉพาะไฟหน้า และไฟต่างๆด้านหลัง ซึ่งหมายถึง ไฟต่ำ ไฟสูงและไฟเบรก ไฟตัดหมอกหน้า หลัง ไฟฉุกเฉิน ไฟเลี้ยว ไฟถอยหลัง ทุกหลอดล้วนสำคัญหมด ความสว่างของไฟหน้าควรและการปรับสูงต่ำของไฟ ควรปรับให้ถูกตำแหน่ง เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้ร่วมใช้รถบนถนนมองเห็นเราชัดเจน หากพบว่าไฟดวงหนึ่งไม่ทำงาน หรือทำงานไม่สมบูรณ์ ก็ควรให้ช่างแก้ไขด่วนครับ

   ทั้งหมดนี้ก็คือ การดูแลรถในช่วงหน้าฝน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ที่เรากล่าวมา 4-5 อย่างนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย ควรตรวจสอบให้ดี หากมีจุดไหน จุดใดบกพร่อง ก็ควรให้ช่างรีบแก้ไขโดยเร็วที่สุด และที่สำคัญ ในหน้าฝนแบบนี้ ถนนเปียก ก็ควรขับด้วยความระมัดระวังและไม่ประมาทด้วยนะครับ

เรียบเรียงข้อมูลจาก นิตยสาร Autobild ฉบับที่ 213 Vol.10 No.13 ประจำวันที่ 1 ก.ค. 2013
 แนะนำ ติชม พูดคุย ติดตามข่าวสารรถใหม่ฉับไวก่อนใครกับ Cars New Update ที่นี่!!


 

วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เปรียบเทียบมวยคู่เดือด ตอนที่ 22 : Toyota Hilux Vigo Champ VS. Isuzu D-Max Super Daylight

  ตลาดรถกระบะกำลังเป็นทีน่าจับตามองมากในปีนี้ หลังจากที่ Nissan ได้เปิดตัว NP300 Navara ที่สร้างความตื่นตัวและความเคลื่อนไหวต่อตลาดกระบะไทยไม่น้อยเลยละครับ และยังสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการกระบะไทยได้ในหลายหัวข้อ ค่ายอื่นๆที่จะเปิดตัวตามมา คงต้องทำการบ้านหนักๆหน่อยแล้วละครับ ถ้ามาแล้วมีดีไม่เท่าหรือแย่กว่า ก็ม้วนเสื่อกลับบ้านได้เลย เว้นเสียแต่จะเป็นขาใหญ่

   ในการเปรียบเทียบกระบะครั้งนี้ เราจะนำสองกระบะขาใหญ่ในตลาด สองคู่แข่งคู่ฟัดคู่เหวี่ยงตลอดกาล อย่าง Toyota Hilux Vigo Champ และ Isuzu D-Max Super Daylight ที่ขับเคี่ยวกันมาตั้งแต่เจเนเรชั่นก่อนๆแล้ว อันที่จริงก่อนหน้านี้ Isuzu นั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นเจ้าครองตลาดกระบะมาโดยตลอด แต่หลังจากที่ Toyota คลอด Hilux Vigo ออกมา ทำให้ประวัติศาสตร์กลับพลิกผันทำให้ Toyota ครองอันดับ 1 ขึ้นมาได้เป็นเวลานานโข แม้ว่าตัวถังจะมีอายุจะครบ 10 ปีแล้ว แต่มันก็ยังขายได้เยอะมาตลอด และยังเป็นที่หนึ่งในตลาดกลุ่มนี้ ดูเหมือนว่า กำแพงของค่าย Toyota ทั้งสูงและหนาจนแม้แต่ Isuzu หรือค่ายไหนๆยังไม่มีใครทลายลงมันได้เลย เอาละครับ เรามาดูกันดีกว่าว่าสองค่ายนี้มีอะไรที่เหมือนหรือต่างกัน ดีหรือแย่ตรงไหน ไปชมกัน

รูปร่างหน้าตา
   จะว่าไปแล้วค่าย Toyota ก็มองถึงอนาคตเหมือนกัน เราไม่ได้จะเข้าข้างอะไรมันเลยครับ อยากจะบอกว่า เส้นสายของตัวรถ Toyota นั้น ยังคงดูทันสมัยและยังดูไม่ตกยุคเมื่อเทียบกับกระบะร่วมค่าย เพราะ หลายค่ายรถยนต์ก็รับสไตล์หัวเก๋งมาจาก Toyota มากโขเหมือนกันนะครับ แม้ว่าอายุจะ 10 ปีแต่รถคันนี้ยังดูหล่อล่ำและดูไม่เบื่อตาเหมือนเดิม 
   ส่วนค่าย Isuzu ที่หลังจากปฏิวัติโฉมใหม่แทบจะหมดเปลือก ฉีกแนวเดิมไปโดยสิ้นเชิง มากับหน้าตาที่เท่เอามากๆ เหมือนหลุดมาจากอวกาศยังไงไม่ทราบ  แต่ไม่ถึงกับหลุดโลกเหมือน Mitsubishi Triton หรือเวิ่นว้อแบบ Mazda BT-50 Pro หน้าตารถโฉบเฉี่ยวดุจรถไฟหัวกระสุน เส้นสายตัวรถที่ดูโค้งมนและดูทันสมัย ล้ออัลลอยออกแบบให้เข้ากับตัวรถได้เป็นอย่างดี ไฟ Daylight อาจจะขัดตาหน่อย แต่ไฟท้าย LED ที่ Isuzu เป็นมาตรฐานใหม่นั้น บอกเลยชอบมาก

การออกภายในและฟังก์ชัน
   ภายในของ Toyota นั้น หลังจากที่ปรับปรุงใหม่ตั้งแต่ปี 2011 ก็ออกแบบให้ดูเข้ายุคเข้าสมัยมากกว่าเดิม ดูดีขึ้น ยิ่งรุ่นที่ปรับปรุงเมื่อปี 2013 ยิ่งสมบูรณ์แบบเข้าไปอีก เพราะมีภายในสีดำให้เลือกด้วย ทำให้ยิ่งทวีความหรูเข้าไปอีก มาตรวัดแบบ Optitron ในรุ่นบนๆนั้นออกแบบมาได้สวยงาม มองชัดเจน อ่านค่าง่าย ดูดีกว่าไมล์กระดาษปริ๊น Vios เยอะ พวงมาลัยที่ปรับใหม่วงเดียวกับ Camry ตัวก่อน ในรุ่นท็อปนั้นจะมี Cruise Control มาให้เล่นด้วย ระบบปรับอากาศมาแบบอัตโนมัติ ระบบอินโฟเทนเมนต์ก็มีหน้าตาสัมผัส 6.1 นิ้ว เล่น DVD MP3 WMA รองรับแอป Smart G-Book ของ Toyota ได้ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อ Bluetooth พร้อมลำโพง 6 ตัว และระบบโทรออกด้วยเสียง และที่ขาดไม่ได้คือระบบนำทาง



   ส่วน Isuzu นั้นมากับภายในที่ดูทันสมัยและมีของเล่นให้เล่นเยอะพอสมควร มาตรวัดแบบ Super Vision สวยงาม ทันสมัย และมีจอ MID ที่แสดงค่าเป็นภาษาไทยได้ แต่ Toyota แสดงได้แต่ภาษาปะกิดคับ 555+ หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วที่ปรับเปลี่ยนให้เป็นแบบ Built-In จากเดิมที่อุดหนุน Kenwood มาใช้ ดูใหญ่ ชัดเจน เล่น DVD MP3 ได้ เชื่อมต่อ USB Iphone Ipod และ Smart Phone ได้ มาพร้อมลำโพง 8 ตัวรอบคัน พร้อมทวีตเตอร์คู่หน้า และที่สำคัญ ระบบนำทางอัจฉริยะไอ-จินนี่ของ Isuzu นั่นเอง แต่สิ่งที่ Isuzu ไม่มีก็คือ Cruise Control เท่านั้นเองครับ

เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง
    ด้านเครื่องยนต์นั้น Toyota เป็นขุมพลังเดิมที่เพิ่ง Update ใหม่เมื่อ 1-2 ปีมานี้เอง โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้ถึง 3 ขุมพลังด้วยกัน ได้แก่ เครื่อง ยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร มากับพละกำลัง 144 แรงม้าที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 343 นิวตัน-เมตรที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที เครื่องเบนซิน 2.7 ลิตร ให้กำลัง 160 แรงม้าที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 241 นิวตัน-เมตรที่ 3,800 รอบ/นาที และ เครื่องดีเซล 3.0 ลิตร พละกำลัง 171 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตรที่ 1,400-3,200 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์แบบธรรมดา 5 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด 

   ส่วนเครื่องยนต์ของ Isuzu  มีเครื่องยนต์ให้เลือก 3 ขุมพลัง ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร มากับพละกำลัง 2 แแบบคือ 116 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที และตัว VGS Turbo 136 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที ตามด้วยเครื่องดีเซล 3.0 ลิตร ให้พละกำลัง 177 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีดและอัตโนมัติ 5 สปีด


ระบบความปลอดภัย
   ด้านระบบความปลอดภัยนั้น ยังไง Toyota คงต้องยอมแพ้ครับ หลังจากการเปิดตัวของ Toyota Hilux Vigo Champ นั้น Toyota ได้ทำการประหารระบบความปลอดภัยขั้นเทพชนิดไม่มีวันกลับมาในโฉมนี้อีก (แต่โฉมใหม่ไม่แน่มันอาจจะมา เพราะ ค่ายอื่นเขาก็มีใส่กันหมด) นั่นก็คือ ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบกระจายแรงเบรก EBD และ ระบบเสริมแรงเบรก BA สาเหตุที่ Toyota ตัดออกนั้น ก็เพราะว่า ลดต้นทุนนั่นเอง เนื่องจากต้องใส่ระบบอื่นอย่างจอ DVD และกล้องมองหลังซึ่งมีค่าตัวสูง แต่อย่างไรก็ตาม Toyota ก็ได้ปรับปรุงช่วงล่างใหม่แบบ DTS และระบบเบรกใหม่ที่หลายคนก็บอกว่าดีขึ้นกว่าเดิมไม่มากก็น้อยครับ ส่วน Isuzu นั้น บรรดาระบบที่ Toyota ตัดมีให้ครบไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมการทรงตัว ESC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS และระบบกระจายแรงเบรก EBD และ ระบบเสริมแรงเบรก BA ซึ่งกระจุกแค่รุ่นท็อปสุดเท่านั้น และที่สำคัญ Isuzu ก็มีกล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะ (Toyota ไม่เห็นใส่เส้นกะระยะเลย) แต่ในตัวถังก่อนนั้นก็มีกล้องหน้าด้วย ซึ่งในรุ่นหัวกระสุนตัวปัจจุบันก็โดนตอนออกไปแล้ว

ราคา
   ราคาของ Toyota Hilux Vigo Champ ทุกรุ่นย่อยนั้น มีดังนี้ครับ
รุ่น 2.5J Single Cab NON-PS ราคา 512,000.
รุ่น 2.5J Single Cab ราคา 532,000.
รุ่น 2.5J Single Cab NVT ราคา 542,000.
รุ่น 2.7J Single Cab ราคา 532,000.
รุ่น 2.7J Single Cab CNG ราคา 627,000.

รุ่น 2.5J STD Smart Cab ราคา 592,000.
ุรุ่น 2.5J
Smart Cab ราคา 637,000.
รุ่น 4×2 2.5E
Smart Cab ราคา 662,000.
รุ่น 4×2 2.5E TRD Sportivo
Smart Cab ราคา 702,000.
รุ่น 4×2 2.5J
Smart Cab ราคา 637,000.
รุ่น 4×2 2.5G VNT
Smart Cab ราคา 717,000.
รุ่น Prerunner 2.5E Smart Cab ราคา 687,000.
รุ่น Prerunner 2.5E
ABS Smart Cab  ราคา 727,000.
รุ่น Prerunner 2.5E
ABS Smart Cab TRD Sportivo ราคา 772,000.
รุ่น Prerunner 2.5G Smart Cab ราคา 767,000.
รุ่น Prerunner 2.5E
ABS AT Smart Cab ราคา 772,000.
รุ่น Prerunner 2.5G
Smart Cab AT ราคา 812,000.
ุรุ่น Prerunner 3.0G Smart Cab ราคา 802,000.
รุ่น 4×4 2.5E Smart Cab ราคา 762,000.
ุรุ่น 4×4 3.0G
Smart Cab ราคา 862,000.
รุ่น 4×2 2.5J Double Cab ราคา 687,000.
ุรุ่น 4×2 2.5E
Double Cab ราคา 747,000.
ุรุ่น 4×2 2.5G
Double Cab ราคา 777,000.  
รุ่น 4×2 2.7E Double Cab ราคา 737,000. รุ่น 4×2 3.0G AT Double Cab ราคา 867,000.
รุ่น Prerunner 2.5E Double Cab ราคา 772,000.
รุ่น Prerunner 2.5E ABS Double Cab ราคา 812,000.
รุ่น Prerunner 2.5G Double Cab ราคา 852,000.
รุ่น 2.5E AT ABS Double Cab ราคา 857,000.  
รุ่น 2.5E AT TRD Sportivo Double Cab ราคา 912,000.  
รุ่น Prerunner 2.5G AT Double Cab ราคา 892,000.
รุ่น Prerunner 3.0G Double Cab ราคา 887,000. รุ่น Prerunner 3.0G Double Cab AT ราคา 942,000.
รุ่น 4×4 2.5E Double Cab ราคา 842,000.
รุ่น 4×4 3.0G Double Cab ราคา 972,000.
รุ่น 4×4 3.0G AT Double Cab ราคา 1,012,000.
*สีเมทัลลิกเพิ่ม 7,000 บาท


   ส่วน Isuzu D-Max มีรุ่นย่อยดังนี้ครับ
SPARK Cab Chassis ขาว 475,000
SPARK Cab Chassis (Refrierator) ขาว 475,000
SPARK 2.5 Flat Deck ขาว 653,000

SPARK 2.5 B ขาว, น้ำเงิน 513,000
SPARK 2.5 B เงินอาร์กติก 520,000
SPARK 2.5 VGS – B (4×4) ขาว 620,000
SPARK 2.5 S ขาว, น้ำเงิน 523,000
SPARK 2.5 S เงินอาร์กติก 530,000
SPARK 2.5 VGS S ขาว, น้ำเงิน 538,000
SPARK 2.5 VGS S เงินอาร์กติก 545,000

Spacecab 2.5 S ขาว 577,000
Spacecab 2.5 S เงินแม็กซิกัน, เงินอาร์กติก 584,000
Spacecab 2.5 L เงินแม็กซิกัน, ดำ, เงินอาร์กติก 646,000
Spacecab 2.5 Z เงินแม็กซิกัน, ดำ, เงินอาร์กติก 676,000
Spacecab 2.5 VGS Z เงินแม็กซิกัน, ดำ, เงินอาร์กติก 696,000
 
SpacecabHi-Lander HR 2.5 Z ดำ, ฟ้า, เงินอาร์กติก 713,000 
SpacecabHi-Lander HR 2.5 VGS Z ดำ, ฟ้า, เงินอาร์กติก 728,000
Hi-Lander HR 2.5 VGS Z A/T ดำ, ฟ้า, เงินอาร์กติก 768,000
Hi-Lander HR 2.5 VGS Z DVD ดำ, ฟ้า, เงินอาร์กติก 743,000
Hi-Lander HR 2.5 VGS Z-Prestige DVD, Navi A/T ดำ, ฟ้า, เงินอาร์กติก 808,000
Hi-Lander HR 3.0 VGS Z-Prestige DVD, Navi ดำ, ฟ้า, เงินอาร์กติก 808,000

Cab 4 2.5 S ขาว 655,000
Cab 4 2.5 S เงินแม็กซิกัน, เงินอาร์กติก, 662,000
Cab 4
2.5 VGS Z เงินแม็กซิกัน, เงินอาร์กติก, ดำ 777,000

Cab 4 Hi-Lander HR 2.5 VGS Z ดำ, ฟ้า, เงินอาร์กติก 808,000
Cab 4 Hi-Lander HR 2.5 VGS Z ขาวมุก 815,000
Cab 4
Hi-Lander HR 2.5 VGS Z A/T ดำ, ฟ้า, เงินอาร์กติก 853,000

Cab 4
Hi-Lander HR 2.5 VGS Z A/T ขาวมุก 860,000

Cab 4
Hi-Lander HR 2.5 VGS Z DVD ดำ, ฟ้า, เงินอาร์กติก 825,000

Cab 4
Hi-Lander HR 2.5 VGS Z DVD ขาวมุก 832,000

Cab 4
Hi-Lander HR 2.5 VGS Z-Prestige DVD, Navi A/Tดำ, ฟ้า, เงินอาร์กติก 901,000

Cab 4
Hi-Lander HR 2.5 VGS Z-Prestige DVD, Navi A/T ขาวมุก 908,000

Cab 4
Hi-Lander HR 3.0 VGS Z-Prestige DVD, Navi ดำ, ฟ้า, เงินอาร์กติก 902,000

Cab 4
Hi-Lander HR 3.0 VGS Z-Prestige DVD, Navi ขาวมุก 909,000

Cab 4
Hi-Lander HR 3.0 VGS Z-Prestige DVD, Navi A/T ดำ, ฟ้า, เงินอาร์กติก 947,000

Cab 4
Hi-Lander HR 3.0 VGS Z-Prestige DVD, Navi A/T ขาวมุก 954,000

Space Cab V-CROSS 2.5 VGS Z แดง,ดำ, ฟ้า, เงินอาร์กติก 757,000.
Space Cab V-CROSS 3.0 VGS Z Prestige DVD, Navi แดง,ดำ, ฟ้า, เงินอาร์กติก 843,000.

Cab 4 V-CROSS 2.5 L แดง,ดำ, ฟ้า, เงินอาร์กติก 833,000.
Cab 4 V-CROSS 2.5 L ขาวมุก 840,000.
Cab 4 V-CROSS 2.5 VGS Z Prestige DVD, Navi แดง,ดำ, ฟ้า, เงินอาร์กติก 923,000.
Cab 4 V-CROSS 2.5 VGS Z Prestige DVD, Navi ขาวมุก 930,000.
Cab 4 V-CROSS 3.0 VGS Z Prestige DVD, Navi แดง,ดำ, ฟ้า, เงินอาร์กติก 952,000.
Cab 4 V-CROSS 3.0 VGS Z Prestige DVD, Navi ขาวมุก 959,000.
Cab 4 V-CROSS 3.0 VGS Z Prestige DVD, Navi AT แดง,ดำ, ฟ้า, เงินอาร์กติก 997,000.
Cab 4 V-CROSS 3.0 VGS Z Prestige DVD, Navi AT ขาวมุก 1,004,000. 
 
สรุปผล

Function

Toyota Hilux Vigo Champ Double Cab 3.0V A/T 4x4
Isuzu D-Max Super Daylight V-Cross 3.0 Z-Prestige 4x4
มาตรวัดเรืองแสง
แบบ Optitron
แบบ Super Vision
พวงมาลัยพาวเวอร์แบบปรับระดับได้
มี
มี
กระจกไฟฟ้า
มี
มี
เซ็นทรัลล็อก
มี
มี
กุญแจรีโมท
มี
มี
ระบบเครื่องเสียง
วิทยุแบบ 2DIN DVD MP3 WMA พร้อมจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว รองรับแอปพลิเคชั่นSmart G-Book
วิทยุแบบ 2DIN DVD MP3 พร้อมจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว
ระบบนำทาง
มี
มี
ระบบโทรออกด้วยเสียง
มี
-
Bluetooth
มี
มี
ช่องเชื่อมต่อ USB AUX
มี
มี
ลำโพง
6 ตัว
8 ตัว (ทวีตเตอร์+Exciter)
ระบบปรับอากาศ
อัตโนมัติ
อัตโนมัติ พร้อมระบบลมไล่ฝ้า
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
มี
-
เบาะนั่งด้านหน้า
ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางเฉพาะด้านผู้ขับขี่
ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางเฉพาะด้านผู้ขับขี่
เบาะนั่งด้านหลังปรับพับแบบ 60 : 40
-
มี
Engine
รุ่นเครื่องยนต์
ดีเซล 1KD-FTV
ดีเซล 4JJ1-TCX
แบบเครื่องยนต์
4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VN Turbo Intercooler
4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ VGS Turbo
ความจุ (ซี.ซี.)
2982
2999
พละกำลัง (แรงม้า ที่ รอบ/นาที)
171 (3,600)
177 (3,600)
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร ที่ รอบ/นาที)
360 (1,400-3,200)
380 (1,800-2,800)
ระบบส่งกำลัง
เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด
เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด
ระบบขับเคลื่อน
ขับเคลื่อน 4 ล้อ
ขับเคลื่อน4 ล้อ
Safety
ระบบเบรก ABS
มี
มี
ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA
-
มี
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESC
-
มี
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS
-
มี
ระบบกันกระจกไฟฟ้าหนึบด้านผู้ขับขี่ Jam Protection
มี
มี
ถุงลมคู่หน้า SRS
มี
มี
สัญญาณกันขโมย
มี
มี
กุญแจ Immoblizer
มี
มี
กล้องมองหลัง
มี
มี
Price
ราคา
1,012,000 บาท
(สีเมทัลลิก 1,019,000 บาท)
997,000 บาท
(สีขาวมุก 1,004,000 บาท)

    สองกระบะค่ายนี้ล้วนมีดีทั้งคู่ ไม่แปลกที่หลายคนที่กำลังมองหากระบะ ล้วนคิดถึงสองค่ายนี้อยู่เสมอ ด้วยศูนย์บริการและ After Sale ที่ค่อนข้างไว้ใจได้ตามประสาค่ายใหญ่ๆ ทำให้หลายคนไปเลือกซื้อกระบะสองค่ายนี้ สำหรับ Toyota แม้จะมีอายุอานามมากโขแล้ว แต่รูปลักษณ์ก็ยังดูร่วมสมัยกับค่ายอื่นๆอยู่ และหลังจากผ่านการปรับปรุงมาหลายครั้ง ทำให้มันเป็นกระบะ Toyota ที่สมบูรณ์แบบสุดแล้วตอนนี้ แต่ยังไงออปชั่นหลายอย่างอาจยังมีไม่มากเท่าค่ายมวยรอง ส่วน Isuzu ยังมีอายุในตลาดใกล้จะ 3 ปีแล้ว หน้าตาก็ยังดูดีไม่สร่าง และในปีหน้าก็คงจะได้เห็นการไมเนอร์เชนจ์เพื่อรับขวัญ Hilux ใหม่ด้วย และกระบอีกหลายรุ่น ด้วยระบบความปลอดภัยที่มีให้มากกว่า รวมถึงให้อะไรหลายอย่างมากกว่า ฉะนั้นแล้วแชมป์ก็คงต้องให้ Isuzu เค้าละ ดูตามตารางเลยครับ


Score
รูปร่างหน้าตา 5
4
4
ฟังก์ชัน 5
4
4
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง 5
4
4
ระบบความปลอดภัย 5
3.5
4
ราคา 5
4
4.5
ศูนย์บริการ 5
5
5
รวม 30
24.5
25.5
 
 แนะนำ ติชม พูดคุย ติดตามข่าวสารรถใหม่ฉับไวก่อนใครกับ Cars New Update ที่นี่!!


 

Like Box