วันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ข้อมูลเบื้องต้น Toyota Vios Minor Change

ข่าวดีสำหรับใครที่รอคอยการเปิดตัว Toyota Vios รุ่นปรับโฉมใหม่ปี 2016 ตอนนี้เราได้ความคืบหน้าล่าสุดมาแล้วครับ

ไฮไลต์สำคัญคือ เครื่องยนต์ใหม่รหัส 2NR-FBE 1.5 ลิตร Dual VVT-i ประจำการแทน 1NZ-FE ที่รับใช้ Vios มาทศวรรษกว่าๆแล้ว มากับพละกำลัง 108 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด พร้อม Sequential Shift รองรับเชื้อเพลิง E85

ส่วนระบบความปลอดภัยนั้น จะมีการติดตั้ง ABS EBD BA VSC ในทุกรุ่นย่อย เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้ทัดเทียมกับค่ายอื่นๆเสียที
   Toyota Vios รุ่นปรับโฉมใหม่ปี 2016  จะมี 4 รุ่นย่อยด้วยกัน โดยยกเลิกการทำตลาดเกียร์ธรรมดา ในรุ่น 1.5 J M/T และ 1.5 E M/T เหลือแค่
- 1.5 J A/T
- 1.5 E A/T
- 1.5 G A/T
- 1.5 S A/T

การเปิดตัว Toyota Vios รุ่นปรับโฉมใหม่ปี 2016 น่าจะมีขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมหรือเมษายนเป็นอย่างเร็วที่สุด ถ้ามีความคืบหน้าใหม่ๆ เราจะรายงานให้ทราบทันทีครับ

 มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 


   

หลุดภาพต้นแบบ Honda Civic Hatchback Concept ก่อนเปิดตัว Geneva Motor Show 2016

   หลุดภาพของ Honda Civic Hatchback Concept รถต้นแบบแสดงแนวทางของ Civic เวอร์ชั่นยุโรปแบบ 5 ประตูรุ่นใหม่ของ Honda เตรียมเผยโฉมอย่างเป็นทางการใน Geneva Motor Show 2016

   แม้ภาพที่ออกมาจะเป็นภาพความละเอียดต่ำ แต่ก็เป็นภาพทางการที่โผล่มาบนอินเทอร์เน็ต ดูจากรูปลักษณ์แล้ว จะเห็นว่าไม่ได้เป็นอะไรที่มากไปกว่าการเอา Civic Hatchback มาแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยสเกิร์ตรอบคัน ทำหน้าและท้ายโหดๆ ล้อขอบโตๆ เท่านี้ก็กลายเป็นต้นแบบแล้ว

   รูปลักษณ์ภายนอกจะเห็นได้ว่าช่วงครึ่งคันหน้าจะอ้างอิงมาจาก Honda Civic โฉมล่าสุดที่จำหน่ายในอเมริกา (และกำลังจะเปิดตัวในไทยเร็วๆนี้) เลย ช่วงครึ่งคันหลังจะถูกออกแบบใหม่หมด แนวหลังคาที่ลาดเอียงน้อยกว่าตัวซีดาน

    ดูจากรูปลักษณ์แล้ว รถคันนี้อาจจะมาเพื่อพรีวิว Honda Civic ในเวอร์ชั่นโหด ไม่น่าว่าอาจจะเป็นตัวตายตัวแทนของ Civic Type-R ที่จะมากับขุมพลังเบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ 4 สูบ ที่จะมากับพละกำลัง 230 แรงม้า เพื่อมาต่อกรกับ Ford Focus ST และ VW Golf GTi

  สำหรับเครื่องยนต์นั้น คาดว่าจะมีให้เลือกตั้งแต่ขุมพลังเบนซิน 1.0 ลิตร และ 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ สำหรับในตลาดอเมริกาน่าจะมีขุมพลังให้เลือกทั้งเบนซิน 1.5 ลิตร และ 2.0 ลิตรเทอร์โบ

   ็Honda Civic Hatchback ทั้งหมดจะผลิตในโรงงานสวินดอน ประเทศอังกฤษ ส่วนเมืองไทยและตลาดอาเซียนทั้งหลาย ดูๆแล้วน่าจะหมดสิทธิ์ครับ

ที่มา Carscoops

 มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 


   

วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ภาพเซตแรกของ Toyota C-HR โฉมผลิตจริง ก่อนเปิดตัวที่งาน Geneva Motor Show 2016

   หลังจากการเปิดตัวต้นแบบเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้ค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Toyota ก็เตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวรถครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ล่าสุดของพวกเขาแล้ว รถที่ว่าคือ Toyota C-HR ที่มีภาพเซตแรกออกมา ซึ่งเป็นภาพเวอร์ชั่นจำหน่ายจริงแล้ว เตรียมเปิดตัวภายในงาน Geneva Motor Show 2016 เดือนมีนาคมนี้

   เมื่อพิจารณาดูรูปร่างภายนอกแล้วจะเห็นว่าอ้างอิงจากต้นแบบ C-HR Concept ค่อนข้างพอสมควร แต่ลดโทนความล้ำสมัยจากต้นแบบเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบันมากขึ้น จะเห็นว่าภายนอกของรถโดยเฉพาะหน้าตามีกลิ่นอายจาก Rav4 เข้ามาเต็มๆ เส้นสายด้านข้างดูพลิ้วและสปอร์ตต่อเนื่องไปถึงด้านท้ายที่ล้ำสมัย ทรงไฟท้ายแอบนึกถึง Civic โฉมใหม่ โดยรวมแล้วน่าจะสวยโดนใจหลายคนไม่น้อย

   ครอสโอเวอร์คันใหม่นี้จะใช้โครงสร้างแพลตฟอร์มใหม่ TNGA แบบเดียวกับ Prius โฉมใหม่ล่าสุด โดยรถคันนี้จะมีขุมพลังแบบไฮบริดนั่นคือเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า แบบเดียวกับ Prius เข้ามาด้วย

   Toyota C-HR คันใหม่ล่าสุดนี้จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มตลาด Crossover ขนาดซับคอมแพกต์ ซึ่งมีคู่แข่ง ได้แก่  Fiat 500X, Jeep Renegade, Mazda CX-3, Nissan Juke, Honda HR-V และ Chevrolet Trax สำหรับในตลาดอเมริกานั้นจะทำตลาดภายใต้แบรนด์ Scion ส่วนการวางขายในตลาดโลกอย่างจริงจังน่าจะเริ่มได้ภายในปี 2017 ครับ ส่วนเมืองไทยอาจต้องร้องเพลงรอยาวกันถึงปี 2018 กันเลยทีเดียว

ที่มา Carscoops
 มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 


   

วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Volkswagen Up! Minor Change อัพหน้าและเทคโนโลยีใหม่ให้รถเล็กสุดน่ารัก

  ค่าย Volkswagen แม้จะโดนพิษจากปัญหาโกงค่าไอเสียเมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังฮึดสู้ เดินหน้าเปิดตัวรถใหม่อย่างต่อเนื่อง และล่าสุดพวกเขาเตรียมเผยโฉมรถซิตี้คาร์รุ่นปรับโฉมใหม่อย่าง Volkswagen Up! ภายในงาน Geneva Motor Show 2016 ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคมนี้

   ภายนอกมีการปรับปรุงโคมไฟหน้าใหม่ที่เพิ่มไฟ LED Daytime Running Lights เข้าไปด้วย และยังสามารถสั่งไฟตัดหมอกเป็นออปชั่นเพิ่มเติมได้ ชุดกันชนหน้าใหม่ที่ออกแบบรายละเอียดให้ดูทันสมัยกว่าเดิม ล้ออัลลอยลายใหม่ ส่วนด้านท้ายมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดไฟท้ายใหม่ให้กลมกลืนกับฝาท้าย นอกจากนี้ยังมีกระจกมองข้างขนาดใหญ่ขึ้น มีสีตัวถังให้เลือก 13 สี สติ๊กเกอร์คาดตัวถัง 9 แบบ สีหลังคา 3 แบบ สไตล์แดชบอร์ดที่แตกต่างกัน 10 แบบ

   ภายในห้องโดยสารไม่ได้มีการปรับปรุงมากมายนัก ที่เพิ่มเข้ามาคือพวงมาลัยชุดใหม่แบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ช่องเชือมต่อ USB Bluetooth และ VW App พร้อมเครื่องเสียง 300 วัตต์ปิดท้ายด้วยการปรับปรุงเบาะผ้าให้ดีขึ้น

   สำหรับขุมพลังนั้น มากับเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร 3 สูบบล็อกใหม่สำหรับ Up! โดยยกมาจากรุ่นพี่อย่าง  Golf BlueMotion TSI แต่ตัดทอนขุมพลังจาก 115 แรงม้า เหลือ 90 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา  ซึ่งช่วยพาเจ้าตัวเล็ก 3 ประตูคันนี้จาก 0 ไปถึง 100 กม./ชม. ได้ในเวลา 10 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 185 กม./ชม.

   คนไทยที่อยากได้คงต้องหวังพึ่งเกรย์มาร์เก็ตแล้วครับ..

ที่มา Carscoops

 มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 


   

วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Bentley Mulsanne Minor Change อัครยานยนต์มาดใหม่ พร้อมเวอร์ชั่นฐานล้อยาว

  ค่ายรถหรูแห่งอังกฤษ Bentley พร้อมแล้วที่จะเผยโฉมหน้าของ Bentley Mulsanne Minor Change อัครยานยนต์ระดับเรือธงได้ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ให้หรูหราและทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ยังได้เพิ่มตัวถังแบบใหม่เข้าไป นั่นก็คือรุ่น Extended Wheel Base หรือเวอร์ชั่นฐานล้อยาวนั่นเอง


   จะเห็นว่าภายนอกของรถมีการปรับเปลี่ยนหน้าตาใหม่ โคมไฟหน้าใหม่ดูสะดุดตากว่าเดิม กระจังหน้าของรถปรับปรุงลายตะแกรงหน้าให้ดูหรูหราขึ้น ออกแบบกันชนใหม่ให้สอดคล้องกับกระจังหน้าของรถ ด้านข้างไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ล้ออัลลอยมีลายใหม่ให้เลือก ส่วนด้านท้ายมีการเปลี่ยนชุดไฟท้ายใหม่ และรายละเอียดบนกันชนท้ายใหม่

   ภายในห้องโดยสารยังคงไว้ซึ่งความหรูหราเช่นเคย มีการปรับปรุงเบาะนั่งใหม่ทีมีสีให้เลือกด้วยกัน 24 สี Trim ตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบใหม่ ปรับปรุงที่วางแขน และสวิตซ์เกียร์ที่ทำจากแก้ว นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหน้าจอระบบอินโฟเทนเมนต์ให้ทันสมัยและอัพเดตระบบใหม่

   ไฮไลต์การเผยโฉมครั้งนี้คือการเปิดตัวเวอร์ชั่นฐานล้อยาว Extended Wheel Base ซึ่งได้รับการขยายฐานล้อให้ยาวขึ้นอีก 250 มม. พร้อมกับพื้นที่โดยสารด้านหลังที่สะดวกสบายราวกับโดยสารบนเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาส และมีหลังคาซันรูฟซึ่งช่วยเพิ่มความสุขที่สมบูรณ์แบบอีกด้วย

   สำหรับขุมพลังของรถคันนี้ ยังคงมากับเครื่องยนต์เบนซิน 6.75 ลิตร V8 มากับพละกำลัง 512 แรงม้า แรงบิดมหาศาลถึง 1,020 นิวตัน-เมตร อัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ในเวลา 5.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 296 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 6.85 กม/ลิตร ปล่อยก๊าซ CO2 เฉลี่ย 342 กรัม/กม.

   ส่วนรุ่น Speed และ Extender Wheelbase จะใช้ขุมพลังแบบเดียวกับรุ่นปกติ คือ เครื่องยนต์เบนซิน 6.75 ลิตร V8 แต่ปรับจูนให้มีพละกำลัง 537 แรงม้า พร้อมแรงบิด 1,100 นิวตัน-เมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 305 กม./ชม.

   สำหรับราคาค่าตัวนั้นยังไม่มีการประกาศออกมา แต่อย่างไรก็ตาม บอกเลยว่าแพงแน่นอนครับ

ที่มา Carscoops

 มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 


   

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ส่องข้อมูลเบื้องต้น All-New Honda Civic ก่อนเปิดตัววันที่ 11 มีนาคมนี้

   เชื่อว่าใครๆหลายคนน่าจะรอคอยการเปิดตัวของ Honda Civic โฉมใหม่ โดยการเปิดตัวนั้นจะมีขึ้นในช่วงกลางเดือนมีนาคมที่กำลังจะถึงครับ 
[Update : ล่าสุดได้ข่าวแล้วว่า Honda จะเปิดตัว Civic โฉมใหม่ในเมืองไทยวันที่ 11 มีนาคมที่จะถึงนี้ครับ]

   และที่กำลังจะกล่าวต่อไปก็คือสเปคคร่าวๆของ Honda Civic โฉมใหม่ ที่มีการแบ่งการจำหน่ายออกเป็น 4 รุ่นย่อย และ 2 ขุมพลังด้วยกัน 

- เครื่องยนต์เบนซิน R18A ความจุ 1.8 ลิตร มากับพละกำลัง 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 174 นิวตัน-เมตรที่ 4,300 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT

- เครื่องยนต์เบนซิน L15B7 ความจุ 1.5 ลิตรเทอร์โบ มากับพละกำลัง 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด220 นิวตันเมตร ที่ 1,700 – 5,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT

มีสีตัวถังให้เลือก 5 สีด้วยกัน ได้แก่ สีขาวออร์คิด (มุก) , สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) , สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) , สีดำคริสตัล (มุก) และ สีน้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก)

อุปกรณ์มาตรฐานที่น่าสนใจในแต่ละรุ่น
รุ่น 1.8 E ราคาไม่เกิน 900,000 บาท
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมระบบปรับอากาศด้วยรีโมท ENGINE REMOTE START
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า
- ระบบ Auto Brake Hold 

รุ่น 1.8 EL ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท
- ระบบเครื่องเสียงพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วแบบ Advance Touch รองรับ Apple CarPlay
- เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

รุ่น 1.5 Turbo ราคา 1 ล้านต้นๆ
- เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
- ระบบปรับน้ำฝนแบบอัตโนมัติ

รุ่น 1.5 Turbo RS ราคาไม่เกิน 1,200,000 บาท
- ไฟหน้าแบบ LED
- ชุดแต่งสไตล์สปอร์ตแบบ RS
- ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Honda Lanewatch

   ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่หลุดออกมาคร่าวๆ เอาเป็นว่ารอชมข้อมูลเต็มๆของ Honda Civic โฉมใหม่ในช่วงกลางเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ครับ

ขอบคุณภาพบางส่วนจาก Honda Thailand

 มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 


   

Mazda CX-5 Minor Change หน้าตาหล่อเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ Safety เพียบ

   การรอคอยของแฟนคลับสิ้นสุดลง เมื่อค่าย Mazda ได้ทำการเปิดตัว Mazda CX-5 ใหม่ ที่ได้รับการปรับปรุงโฉมแบบ Minor Change ภายใต้สโลแกน "Achievement in Control ทุกความสำเร็จ...คุณควบคุมได้" ถึงหน้าตาจะเปลี่ยนไม่มาก แต่ความน่าสนใจคือการเพิ่มเติมระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็ม พร้อมกับราคาที่หลายคนเข้าถึงได้ 

   นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร มาสด้า เซลล์ ประเทศไทย กล่าวว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับมาสด้านั้น มาจากความมุ่งมั่นทุ่มเทอย่างจริงจังในการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดประเทศไทย ในปีนี้มาสด้าเตรียมเปิดตัวรถใหม่อีก 7 รุ่น และยังมีเป้าหมายคือ ครองส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้ 5.5% ซึ่งเป็นเป้าที่สูงที่สุดที่เคยมีมา ตั้งเป้ายอดขายรวมปีนี้ 44,000 คัน เพิ่มขึ้น 10% ในขณะที่เดือนมกราคมปี 2559 นี้ ยอดขายมาสด้ายังคงร้อนแรง พุ่งสูงถึง 3,491 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 27% ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดถึง 7% ส่งผลให้วันนี้มาสด้าสามารถจำหน่ายรถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟทุกรุ่นไปแล้วมากกว่า 52,000 คัน" ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องนี้ ถือเป็นอีกบทพิสูจน์ความแข็งแกร่ง มาสด้าเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ คือนวัตกรรมที่ดีที่สุดของโลกยานยนต์ในปัจจุบัน ที่จะสามารถตอบสนองทุกความต้องการของผู้ขับได้อย่างแท้จริง ซึ่งมาสด้าก็ได้นำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใส่ไว้ในรถอเนกประสงค์เอสยูวี CX-5 ใหม่ จนกลายเป็นรถยนต์เพียงรุ่นเดียวที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่มากที่สุดในคลาส ถือเป็นผู้นำและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการถยนต์เมืองไทย

   นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า การเปิดตัว New Mazda CX-5 ในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถอเนกประสงค์ ด้วยรูปลักษณ์ความเป็นสปอร์ต อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยต่างๆ ที่ไม่เคยมีในรถยนต์ประเภทนี้ และการเปิดตัวมาสด้า CX-5 ใหม่ในวันนี้ ถือเป็นรุ่นที่หลอมรวมทุกองค์ประกอบเด่นๆ ซึ่งประกอบด้วย เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ, รูปลักษณ์ที่ถูกออกแบบได้อย่างงดงามโดยโคโดะ ดีไซน์, ลงตัวทุกช่องการติดต่อสื่อสารด้วยระบบ MZD Connect อันเป็นเอกลักษณ์ของสายพันธุ์มาสด้า พร้อมแนวคิดใหม่ "Achievement in Control ทุกความสำเร็จ...คุณควบคุมได้" ให้คุณได้ขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จในทุกมิติด้วยคำจำกัดความที่คุณกำหนดเองได้

   ภายนอกของรถมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ไฟหน้าชุดใหม่แบบโปรเจคเตอร์ LED ปรับระดับสูงต่ำอัตโนมัติทำให้ตัวรถดูดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่จากเดิมเป็นลายรังผึ้ง กลายเป็นลายเส้นตรง นอกจากนี้แล้วยังมีการปรับรายละเอียดบริเวณกรอบไฟตัดหมอกใหม่เป็นแบบ LED ส่วนด้านท้ายนั้นมีการเปลี่ยนโคมไฟท้ายแบบ LED ส่วนล้ออัลลอยของรถยังคงลายเดิมที่มีขนาด 17 และ 19 นิ้วตามแต่ละรุ่นย่อย

   ภายในห้องโดยสารมีการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างชัดเจนสุดๆ ทุกรุ่นจะได้หน้าจอสี Center Display แบบสัมผัส พร้อมปุ่มควบคุม Center Commander และที่สำคัญคือระบบอินโฟเทนเมนต์ MZD Connect ที่เชื่อมต่อได้หลากหลาย ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านบลูทูธ (Bluetooth) ระบบสั่งการด้วยเสียง (Voice Recognition) ช่องต่อ USB AUX  ส่วนเครื่องเล่น DVD กับระบบนำทางจะมีให้เฉพาะรุ่นท็อปเท่านั้น และในรุ่นท็อปสุดยังสามารถเต็มอิ่มความบันเทิงได้กับระบบเสียง BOSE รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 9 ตำแหน่ง

   สำหรับขุมพลังของรถ คราวนี้ Mazda ได้ตัดตัวเลือกเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตรออกไป เหลือแค่เครื่องยนต์ 2 แบบ ได้แก่
- เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual-S-VT ให้กำลัง 165 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ประหยัดน้ำมันถึง 14.5 กม./ลิตร และรองรับน้ำมัน E85

- เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 2.2 ลิตร เทอร์โบชาร์จเจอร์แบบสองขั้น และอินเตอร์คูลเลอร์ ระบบวาล์วไอเสียแปรผัน VVL (Variable Valve Lift) ให้กำลัง 175 แรงม้าที่ 4,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตรที่ 2,000 รอบ/นาที ประหยัดน้ำมันถึง 17.5 กม./ลิตร และผ่านมาตรฐานข้อบังคับมลพิษ EURO6

   สำหรับระบบความปลอดภัยของรถนั้น คราวนี้ทาง Mazda ได้ติดตั้งระบบความปลอดภัยมาให้มากมายตั้งแต่รุ่นล่างๆกันเลยทีเดียว โดยทุกรุ่นจะได้ระบบความปลอดภัยดังนี้
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist)
- ระบบควบคุมเกียร์ AAS (Active Adaptive Shift)
- ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Signal System)
- ระบบเตือนแรงดันลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitoring System)
- กล้องมองหลัง
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย รวม 6 ตำแหน่ง

ส่วนระบบความปลอดภัยที่มีเฉพาะบางรุ่นย่อยก็จะมี
- ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด และด้านหลัง 4 จุด (รุ่น 2.0 S ขึ้นไป)
- ระบบล็อค และปลดล็อคประตูอัตโนมัติ (รุ่น 2.0 S ขึ้นไป)
- ระบบปรับมุมลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติตามการเลี้ยวของรถ AFS  (Adaptive Front-lighting System) (รุ่น 2.0 S และ 2.2 XD)

และระบบความปลอดภัยที่มีเฉพาะรุ่นท็อป 2.2 XDL 4WD ได้แก่
- ระบบปรับไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps) 
- ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System) 
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-keep Assist System) 
- ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ SCBS (Smart City Brake Support)
- ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse) 
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)

   Mazda CX-5 Minor Change มีสีตัวถังให้เลือก 5 สีด้วยกัน ได้แก่  ฟ้า Blue Reflex ซึ่งเคยเป็นรุ่นสีพิเศษใน Motor Expo 2015, สีเงิน Aluminum Metallic, สีดำ Jet Black, สีเทา Meteor Gray Mica และสีใหม่ ขาว White Arctic แบ่งการจำหน่ายออกเป็น 4 รุ่นย่อย
- รุ่น 2.0 C ราคา 1,220,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 20,000 บาท)
- รุ่น 2.0 S ราคา 1,330,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 30,000 บาท)
- รุ่น 2.2 XD ราคา 1,530,000 บาท (รุ่นย่อยใหม่)
- รุ่น 2.2 XDL 4WD ราคา 1,690,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 30,000 บาท)   

 มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 


   

วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Jaguar F-Type SVR เวอร์ชั่นฮาร์ดคอร์ของสปอร์ตผู้ดี

  ค่ายเสือกระโจนแห่งแดนผู้ดี Jaguar ได้ทำการเผยโฉมหน้าของ Jaguar F-Type SVR ที่ปรับแต่งหน้าตาให้ดุดันยิ่งขึ้น มาพร้อมสมรรถนะที่แรงขึ้น มีให้เลือกทั้งเวอร์ชั่นคูเป้และเปิดประทุน โดยเตรียมเปิดตัวภายในงาน Geneva Motor Show 2016

   ภายนอกของรถได้รับการออกแบบให้สปอร์ตและดุดันขึ้นยิ่งกว่าเก่า ชุดกันชนหน้าใหม่ที่ดูดุกว่าเดิม ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ซึ่งสามารถลดแรงต้านได้ ฝากระโปรงหน้ามีช่องระบายอากาศสไตล์ดุดัน ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 20 นิ้วที่เข้ากับเวอร์ชั่นฮาร์ดคอร์ สวมยางขนาด 265/30 ที่ด้านหน้าและ 305/30 ที่ด้านหลัง สำหรับรุ่น Coupe จะได้หลังคาสีดำเพิ่มความดิบเข้าไปด้วย ส่วนด้านท้ายนั้นมีการออกแบบกันชนให้ดุขึ้นมมาพร้อมท่อคู่ซ้าย-ขวา เติมความหล่ออีกนิดด้วยสปอยเลอร์ท้าย นอกจากนั้นแล้วยังมีการปรับปรุงช่วงล่างด้านหลังให้มีการไหลเวียนของอากาศดีขึ้น สปอยเลอร์หลังถูกออกแบบให้ยกตัวขึ้นที่ความเร็ว 96 กม./ชม. ในรุ่น Convertible และ 112 กม./ชม.ในรุ่น Coupe
 
   รถคันนี้มาพร้อมดิสก์ล้อหน้าขนาดใหญ่ 380 มม. และ376 มม. ที่ล้อหลัง นอกจากนี้ยังสามารถเลือกออปชั่นดิสก์แบบคาร์บอนเซรามิกที่ล้อหน้า 398 มม. และล้อหลัง 380 มม. ได้ด้วยเช่นกัน

   ภายในห้องโดยสารยังมาพร้อมกับความหรูหราเคียงคู่กับความสปอร์ตดิบ ตกแต่งด้วยวัสดุ Alcantara รอบคัน สะดวกสบายกับเบาะสปอร์ตปรับไฟฟ้าได้ 14 ทิศทาง พวงมาลัยห่อหุ้มหนังคุณภาพสูง หน้าจอสัมผัสตรงกลางพร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์  InControl Touch และ InControl Touch Plus อีกทั้งยังมีออปชั่นเครื่องเสียงรอบทิศทางจาก Meridian มีให้เลือกทั้งแบบ 380 วัตต์ หรือ 770 วัตต์ ก็ได้

   สำหรับขุมพลังของรถคันนี้มากับเครื่องยนต์เบนซิน 5.0 ลิตร V8 Supercharged มากับพละกำลัง 575 แรงม้า PS พร้อมแรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Quickshift 8 สปีด ซึ่งถูกปรับแต่งให้เปลี่ยนเกียร์ให้เร็วขึ้น มากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.5 วินาทีโดยประมาณ ทำความเร็วได้สูงสุด 320 กม./ชม.ในรุ่น Coupe และ 313 กม.ชม. ในรุ่น Convertible

   F-Type SVR มีน้ำหนักที่เบาจากเดิมเล็กน้อย เป็นผลมาจากการใช้ท่อไอเสียไททาเนียมที่มีน้ำหนักเบาและใช้วัสดุแบบเดียวกับรถแข่ง F1 สามารถลดน้ำหนักลงได้ 16 กก. โดยรวมนั้น F-Type SVR มีน้ำหนักเบากว่า 16 กก. เมื่อเทียบกับ F-Type R เวอร์ชั่น AWD และเมื่อเพิ่มออปชั่นเบรกคาร์บอนเซรามิกและหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์จะทำให้เบากว่าอีก 50 กก.

  อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น Jaguar F-Type SVR มี 2 เวอร์ชั่นด้วยกัน ได้แก่ รุ่น Coupe ราคา 126,945 ดอลลาร์ หรือราวๆ 4,548,494 บาทไทย และ Convertible ตัวเปิดประทุน ราคา 129,795 ดอลลาร์ หรือราวๆ 4,650,611 บาทไทย ยังไม่รวมภาษีครับ

ที่มา Carscoops

 
 มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 


   

Like Box