วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560

ต้นแบบ "Nissan Z" เจเนเรชั่นใหม่อาจเตรียมเปิดตัวภายในงาน Toyko Motor Show 2017

  รถสปอร์ตตัวแรงอย่าง Nissan 370Z ถือว่าอยู่ในตลาดมานานมากแต่ดีไซน์ตัวรถยังดูสวยและร่วมสมัยอยู่ อย่างไรก็ตามมันก็ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนโฉมใหม่แล้ว และล่าสุดก็มีข่าวว่าจะมีการเผยโฉมต้นแบบตัวตายตัวแทนของสปอร์ตตระกูล Z ภายในงาน Toyko Motor Show 2017 เดือนตุลาคมนี้

   คาดว่าต้นแบบของ Nissan Z นั้นจะมากับแนวการออกแบบที่ใช้ Design Language ยุคใหม่ของ Nissan และอาจจะนำแรงบันดาลใจบางส่วนของการออกแบบรุ่นพี่ Nissan GT-R Minor Change 2017 เข้ามาใช้ด้วย สัดส่วนตัวรถน่าจะใกล้เคียงกับ 370Z และน่าจะรักษาดีไซน์การออกแบบของรุ่นเดิมอันเป็นเอกลักษณ์ไว้เพื่อให้ดูรู้เลยว่าเป็นสปอร์ตตระกูล Z แน่นอน แต่ก็จะต้องมีการปรับให้ดูล้ำสมัยมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

   สำหรับขุมพลังนั้นมีรายงานว่าน่าจะมากับเครื่องยนต์ที่ยืมมาจากค่ายรุ่นพี่รุ่นน้อง Infiniti Q60 ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร V6 พละกำลัง 300 แรงม้า ตามด้วยเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร V6 พ่วงเทอร์โบ ที่จะมากับพละกำลัง 400 แรงม้า และอาจจะมีเวอร์ชั่นไฮบริดตามมา โดยใช้ขุมพลังเดียวกันนี้พ่วงกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่น่าจะรีดสมรรถนะได้ถึง 460-500 แรงม้าเลยทีเดียว

  Nissan Z เจเนเรชั่นใหม่ รุ่นจำหน่ายจริงน่าจะมีการเปิดตัวสู่สายตาชาวโลกในปี 2019 ครับ

ที่มา Carscoops
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 

ชมรถทดสอบ All-New Hyundai Veloster แฮตซ์แบ็คคูเป้ทรงเฟี้ยว

  สาวกค่ายเกาหลีอย่าง Hyundai น่าจะรู้จักรถแฮตซ์แบ็คทรงสปอร์ตอย่าง Veloster ที่มีดีไซน์ประตูรถสุดแนว ซึ่งตอนนี้รถรุ่นนี้ใกล้จะเปลี่ยนโฉมใหม่แล้ว เราเลยนำภาพรถทดสอบล่าสุดของแฮตซ์แบ็คทรงสปอร์ตคันนี้มาให้ทุกท่านได้ชมกันครับ
   จากภาพรถทดสอบนั้นก็พอยืนยันได้ว่าตัวรถจะลดโทนความโค้งมนจากรุ่นปัจจุบันพอสมควร แต่ก็ยังไม่ทิ้งความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวออกไป และแน่นอนเอกลักษณ์ประตูข้างหนึ่ง 2 ประตูและอีกข้าง 1 ประตูยังคงมีในรถโฉมใหม่นี้อยู่ โดยข้างที่มีประตูหลังเพิ่มเข้ามาจะเป็นข้างฝั่งผู้โดยสารนั่นเอง

   คาดว่าดีไซน์ภายนอกจะมากับแนวการออกแบบยุคใหม่ของค่าย Hyundai นึกไม่ออกบอกไม่ถูกไปดูดีไซน์ของ Hyundai i30 เจเนเรชั่นล่าสุด คาดว่าเราน่าจะได้เห็นไฟหน้าที่ดูสวยและเพรียวกว่าเดิม รวมทั้งกระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยมและตะแกรงหน้าทรงใหม่ เส้นสายด้านข้างดูเรียบง่ายธรรมดา รวมทั้งชุดไฟท้ายทรงใหม่แบบ LED ที่ดูเพรียวสวยงามมากยิ่งขึ้น โดยรวมแล้วตัวรถน่าจะดูสวยและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และมีความเป็นยุโรปมากขึ้นเช่นกัน ส่วนภายในห้องโดยสารยังไม่มีภาพหลุดออกมา

  คาดว่า All-New Hyundai Veloster จะมีขุมพลังเบนซิน 1.6 ลิตร T-GDI พ่วงเทอร์โบ พละกำลัง 208 แรงม้า พร้อมแรงบิด 265 นิวตัน-เมตร ส่วนขุมพลังที่ต่ำกว่านั้นยังไม่มีข้อมูล และอาจจะมีรุ่นขุมพลังแรงที่ต่อท้ายด้วยรหัส "N" ตามมาในปี 2019

 คาดว่า All-New Hyundai Veloster จะได้รับการเปิดตัวอย่างเร็วที่สุดภายในงาน Geneva Motor Show 2017 ช่วงเดือนมีนาคม ส่วนเมืองไทยทาง Hyundai จะนำ All-New Hyundai Veloster มาขายหรือเปล่าก็ต้องติดตามชม

ที่มา Caradvice

มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 

มาดู Honda WR-V ที่อินเดียและภาพภายในห้องโดยสาร

   รถครอสโอเวอร์พื้นฐาน Honda Jazz อย่าง Honda WR-V ที่เผยโฉมที่บราซิลเมื่อปีก่อนนั้น มีข่าวว่าจะถูกนำมาจำหน่ายในอินเดียและจะเปิดตัวภายในช่วงเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งทาง Honda อินเดียได้เริ่มเปิดสายการผลิตแล้วที่โรงงานในเมือง Tapukara รัฐราชสถาน ประเทศอินเดียนั่นเอง

   Honda WR-V เป็นรถที่ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นโดยฝ่าย R & D ของ Honda ประเทศบราซิล ดีไซน์ภายนอกของเวอร์ชั่นอินเดียก็ไม่ได้ต่างจากบราซิลเลย ยังคงใช้แนวการออกแบบ Exciting H Design!!! ตัวรถถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ Honda Jazz แต่ได้ทำการออกแบบบริเวณด้านท้ายและด้านท้ายใหม่เพื่อให้แตกต่างจากต้นฉบับ ดีไซน์ไฟหน้าและกระจังหน้ามีดีไซน์ที่ค่อนข้างแปลกตาพอสมควร มีการเสริมกันชนหน้าและซุ้มล้อรอบคันเพื่อให้ดูบึกบึนยิ่งขึ้น ส่วนด้านท้ายมีการออกแบบโคมไฟท้ายใหม่ต่อเป็นแนวยาวทิ่มทะลุไปที่ฝากระโปรงท้าย 


   คราวนี้มีภาพภายในห้องโดยสารออกมาให้เราเห็นกันแล้ว คอนโซลหน้าจะเป็นชุดเดียวกับ Honda Jazz เลยก็ว่าได้ ซึ่งอาจจะมีการตกแต่งภายในให้แตกต่างจาก Honda Jazz อยู่บ้าง 

   สำหรับเครื่องยนต์นั้นจะได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร i-VTEC ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด หรือ เกียร์อัตโนมัติ CVT และ ดีเซล 1.5 ลิตร i-DTEC Turbo ที่จะมีทางเลือกแค่ระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีดเท่านั้น

  Honda WR-V จะถูกวางต่อเพื่อแข่งกับ Hyundai i20 Active, Fiat Avventura และ VW Cross Polo เช่นเดียวกับ Ford EcoSport และ Maruti Vitara Brezza วางตำแหน่งตลาดไว้ระหว่าง BR-V และ CR-V นั้นเอง

   และแน่นอนครับว่า Honda WR-V จะไม่มีมาจำหน่ายในประเทศไทยครับ...

ที่มา Gaadiwaadi / Team BHP

มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2560

All-New Ford Bronco จะสร้างบนพื้นฐานของ Ranger เปิดตัวในปี 2019

  หลายท่านอาจจะไม่คุ้นชื่อกับ Ford Bronco ในฐานะที่เป็นรถ 3 ประตูฐานล้อลั้นบกสูงที่เคยวางจำหน่ายในอเมริกาเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งไม่นานมานี้ก็มีข่าวว่าเจ้า Bronco จะกลับมาอีกครั้งในปี 2019 และจะสร้างขึ้นบนพื้นฐานของกระบะ Ranger นั่นเอง

ภาพตัดต่อจากเว็บไซด์ของเมืองนอก ไม่ใช่คันจริงแต่อย่างใด
  โดยจากข้อมูลที่มีสื่ออเมริกาพูดคุยกันนั้น มีการพูดถึงกระบะ Ford Ranger ใหม่สเปคอเมริกาที่จะอยู่บนพื้นฐานของ Ranger เวอร์ชั่นตลาดโลก (แบบเดียวที่เมืองไทยใช้อยู่) และรถอเนกประสงค์ Bronco ที่จะสร้างบนพื้นฐานของ Ranger ตลาดโลก แต่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรต่างๆเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายของสหรัฐและเข้าตาลูกค้าในประเทศมากขึ้น 

  สำหรับแนวการออกแบบของ Bronco โฉมใหม่นั้นมีข้อมูลว่ารูปลักษณ์จะเดินตามแนวของรุ่นก่อนๆในอดีตที่วางขายในช่วงยุค 1960s -กลางๆ 1990s อีกทั้งผสมผสานการออกแบบจาก Design Language ล่าสุดของค่าย และด้วยแพลตฟอร์มจาก Ranger ทำให้รถคันนี้จะมากับพื้นตัวถังแบบ Body-On-Frame และอาจจะมี 4 ประตู ในราคาที่ถูกกว่า F-150 โดยอาจจะมากับแข่งขันกับ Chevrolet Colorado ในอเมริกา

  All-New Ford Bronco น่าจะเปิดตัวในอเมริกาภายในปี 2019 วางจำหน่ายเป็นรุ่นปี 2020 ครับ


ภาพจาก Autoevolution
   
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 

วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2560

มาดูต้นแบบ Nissan Vmotion 2.0 Concept แสดงทิศทางการออกแบบรถรุ่นใหม่ของค่าย

   ในงาน Detroit Auto Show 2017 ที่ผ่านไปแล้วนั้น ทาง Nissan ได้มีการเปิดตัวรถต้นแบบอย่าง Nissan Vmotion 2.0 Concept อันเป็นรถต้นแบบที่จะบ่งบอกถึงแนวการออกแบบรถซีดานของค่ายในอนาคต

  ด้านหน้าของรถมากับดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ นั่นคือ กระจังหน้า V-Motion ขนาดใหญ่โตกว่า Nissan รุ่นไหนๆ ออกแบบให้ดูมีมิติกว่า Nissan รุ่นอื่นๆ พร้อมกันนี้ยังมากับไฟหน้าทรงโฉบเฉี่ยว กันชนหน้าทรงสวย ในส่วนเส้นสายด้านข้างค่อนข้างมีความโค้งมน ปราดเปรียวและดูสปอร์ต ในส่วนของตัวถังรถค่อนข้างดูมีมิติและมีมัดกล้าม ในส่วนของประตูท้ายมีการออกแบบแนว Floating Roof คล้ายคลึงกับ Nissan Maxima ต้นแบบคันนี้จะทำการติดตั้งระบบการขับขี่อัตโนมัติ Autonomous Driving Technology โดยโลโก้ Nissan หน้ารถจะเรืองแสงเมื่อรถอยู่ในโหมดการขับขี่ ProPilot

   ภายในห้องโดยสารค่อนข้างมีความล้ำสมัยแบบสุดๆ ก็ไม่แปลกอะไรเพราะมันคือรถต้นแบบนั่นเอง ติดตั้งหน้าจอขนาดใหญ่อันเป็นที่ตั้งของมาตรวัดและระบบอินโฟเทนเมนต์ และมีที่นั่งภายใน 4 ที่นั่ง

  Nissan ไม่ได้บอกว่ารถคันนี้จะเป็นแนวการออกแบบของรุ่นไหนในอนาคต ซึ่งตอนนี้เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะแทงหวยไปที่ All-New Nissan Teana ก็ต้องรอดูครับว่า Teana โฉมใหม่จะได้แนวการออกแบบจากรถต้นแบบคันนี้หรือไม่

มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 

วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2560

เปรียบเทียบสเปคและออปชั่น Toyota Vios 2017 VS. Honda City 2017

   ในช่วงเดือนมกราคม 2017 ที่กำลังจะผ่านไปนั้น มีการเปิดตัวรถยนต์นั่ง B-Segment 2 รุ่นย่อยด้วยกัน และเป็นรุ่นปรับโฉม Minor Change ทั้งคู่ และที่สำคัญ 2 คันนี้ถือเป็นคู่สร้างคู่สม เอ๊ย! คู่ปรับกันมาตลอดหลายปีแล้ว รถที่ว่าก็คือ Toyota Vios และ Honda City ซึ่งทั้งคู่ได้รับการปรับโฉมเพิ่มเติมออปชั่นใหม่ๆในช่วงเวลาที่ห่างกันแค่ 11 วันเท่านั้น

  และเชื่อว่าหลายคนก็คงอยากจะรู้ว่าทั้งสองคันนี้จะมีความแตกต่างกันและต่างค่ายค่างมีอะไรเด็ดๆบ้าง ผมเลยเอาสองคันนี้มาเปรียบเทียบสเปคและออปชั่นกัน โดยนำรุ่นท็อปสุดของทั้งสองค่ายมาเปรียบเทียบกันนั่นเอง

  ทางด้านหน้าตาภายนอกนั้น Toyota จะมาในแนวทางสปอร์ตเต็มตัว ด้วยหน้าตาที่ค่อนข้างดุดันและโฉบเฉี่ยวในสไตล์ Keen Look อันเป็น Design Language ของ Toyota ในยุคปัจจุบันนี้ ในส่วนของ Honda City นั้นจะมาในแนวเรียบหรูและแฝงความสปอร์ตอย่างลงตัว มีกลิ่นอายจากรุ่นพี่ Civic มาไม่น้อยเหมือนกัน

  ส่วนภายในห้องโดยสารนั้นทั้งคู่ไม่ได้มีการปรับการออกแบบ แต่มีเพียงการปรุงแต่งวัสดุภายในห้องโดยสารให้ดูดียิ่งขึ้น ภายในของ Vios จะเน้นการตกแต่งที่สปอร์ต มีการใช้โทนสีแดงดำรอบคัน ส่วนภายในของ City จะมาแนวเรียบหรูทันสมัย ภายในสีดำล้วน ซึ่งถ้าชอบแบบไหนก็แล้วแต่ทุกท่านครับ

ส่วนด้านล่างจะเป็นการเปรียบเทียบสเปคและออปชั่นของทั้งคู่และหวังว่าข้อมูลทั้งหมดน่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านที่กำลังมองหารถ B-Segment อยู่ไม่มากก็น้อยครับ

ภายนอก
ภายใน

มิติภายนอก

มิติภายนอก

Toyota Vios 1.5 S CVT
Honda City 1.5 SV CVT
Honda City 1.5 SV+
ความยาว (มม.)
4,420
4,440
4,440
ความกว้าง (มม.)
1,700
1,695
1,695
ความสูง (มม.)
1,475
1,477
1,477
ระยะฐานล้อ (มม.)
2,550
2,600
2,600

อุปกรณ์มาตรฐาน
อุปกรณ์มาตรฐาน

Toyota Vios 1.5 S CVT
Honda City 1.5 SV CVT
Honda City 1.5 SV+
ไฟหน้า

แบบโปรเจคเตอร์พร้อม Light Guiding
แบบ LED
แบบ LED
ไฟ Daytime Running Lights
มี
มี
มี
ไฟตัดหมอก
มี
แบบ LED
แบบ LED
ไฟท้ายแบบ LED
มี
-
-
เสาอากาศ
แบบธรรมดา
ครีบฉลาม
ครีบฉลาม
เบาะนั่ง
เบาะหนัง
เบาะผ้า
เบาะผ้า
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
มี
แบบสัมผัส
แบบสัมผัส
เบาะนั่งด้านหลังพับแบบ 60:40
-
มี
มี
Push Start
มี
มี
มี
กุญแจอัจฉริยะ
มี
มี
มี
พวงมาลัย
ปรับระดับสูง-ต่ำ
ปรับระดับ 4 ทิศทาง
ปรับระดับ 4 ทิศทาง
Cruise Control
-
มี
มี
Paddle Shift 7 สปีด
-
มี
มี
กระจกบังลมหน้าแบบกันเสียงรบกวน Acoustic Glass
มี
-
-
มาตรวัด
แบบสปอร์ต
เรืองแสงสีขาว
เรืองแสงสีขาว
ปุ่ม ECON
-
มี
มี
ไฟแสดงผลการขับขี่ ECO
มี
มี
มี
จอ MID
มี
มี
มี
ระบบเครื่องเสียง


เครื่องเล่น DVD MP3 MP4 WMA หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว
หน้าจอสัมผัสขนาด 6.8 นิ้ว
หน้าจอสัมผัสขนาด 6.8 นิ้ว
Bluetooth
มี
มี
มี
ช่องต่อ USB
มี
มี
มี
ช่องต่อ HDMI
-
มี
มี
รองรับการเชื่อมต่อ Smart Phone
-
มี
มี
ลำโพง (ตัว)
4
8
8

ขุมพลัง/แซสซีส์/ระบบเบรก
ขุมพลัง/แซสซีส์/ระบบเบรก

Toyota Vios 1.5 S CVT
Honda City 1.5 SV CVT
Honda City 1.5 SV+
แบบเครื่องยนต์

แถวเรียง DOHC 4 สูบ16 วาล์ว Dual VVT-i
SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC
SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC
ความจุ CC.
1,496
1,497
1,497
พละกำลัง (แรงม้า)/รอบต่อนาที
108 / 6,000
117 / 6,000
117 / 6,000
แรงบิด (นิวตันเมตร)/รอบต่อนาที
140 / 4,200
146 / 4,700
146 / 4,700
ระบบส่งกำลัง


เกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Shift Lock
เกียร์อัตโนมัติ CVT
พร้อมระบบ Shifting Control of Cornering Gravity & G Design Shift
เกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบ Shifting Control of Cornering Gravity & G Design Shift
ระบบกันสะเทือนหน้า

แม็กเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง
แม็กเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง
แม็กเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบกันสะเทือนหลัง

ทอร์ชั่นบีม และคอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ทอร์ชั่นบีมแบบ H-shape
ทอร์ชั่นบีมแบบ H-shape
ระบบเบรกหน้า
ดิสก์เบรก
ดิสก์เบรก
ดิสก์เบรก
ระบบเบรกหลัง
ดิสก์เบรก
ดรัมเบรก
ดรัมเบรก

ระบบความปลอดภัย
ระบบความปลอดภัย

Toyota Vios 1.5 S CVT
Honda City 1.5 SV CVT
Honda City 1.5 SV+
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
มี
มี
มี
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง
-
-
มี
ม่านถุงลมด้านข้าง
-
-
มี
ระบบป้องกันล้อล็อค ABS
มี
มี
มี
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
มี
มี
มี
ระบบควบคุมการทรงตัว VSC / VSA
มี
มี
มี
ระบบป้องกันการลื่นไถล TRC
มี
มี
มี
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
-
มี
มี
ไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS
-
มี
มี
กล้องมองภาพด้านหลัง
มี
ปรับได้ 3 ระดับ
ปรับได้ 3 ระดับ
ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมสัญญาณกันขโมย
มี
มี
มี

ราคา
ราคา

Toyota Vios 1.5 S CVT
Honda City 1.5 SV CVT
Honda City 1.5 SV+
ราคา (บาท)789,000
736,000
751,000
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 

All-New Nissan Juke อาจจะไม่มีทางเลือกเครื่องยนต์ดีเซล

  รถครอสโอเวอร์ทรงเฟี้ยวอย่าง All-New Nissan Juke นั้นกำลังอยู่ในช่วงการพัฒนาอยู่ แต่ล่าสุดมีข่าวที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือว่า Juke เจเนเรชั่นใหม่จะไม่มีทางเลือกเครื่องยนต์ดีเซลมาให้ (รุ่นปัจจุบันในยุโรปมีทางเลือกเครื่องยนต์ดีเซล)

   รายงานจากสำนักข่าวรถยนต์ของสเปนบอกว่าเจเนเรชั่นใหม่ของ Juke จะมากับเครื่องเบนซินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม ทว่าอาจจะไม่มีขุมพลังดีเซลมาให้เลือกอีก แต่ไม่ได้หมายความว่ารถ B-SUV คันนี้จะไม่มีโอกาสได้ใช้ขุมพลังไฟฟ้า หรือไม่ก็ขุมพลังไฮบริด

  สำหรับขุมพลังไฮบริดนั้นว่ากันว่าจะยืมแบตเตอรี่ไฮบริดมาจาก Mitsubishi Outlander PHEV ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ซึ่งก็รวมถึงเวอร์ชั่นพลังงานไฟฟ้า 100% ที่ต้องรอการตัดสินใจจากเจ้าหน้าที่ของ Nissan

    All-New Nissan Juke จะถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม CMF-B ซึ่งใช้ร่วมกับ Renault Clio และ Nissan Micra เจเนเรชั่นล่าสุด คาดว่าตัวรถน่าจะกว้างขึ้นและเตี้ยลงจากรุ่นปัจจุบัน รวมทั้งมีรูปร่างตัวรถที่โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นและที่สำคัญน่าจะมีการปรับปรุงพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางขึ้น ติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนต์ใหม่ล่าสุดที่รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน

   สำหรับชาวไทยนั้นอาจจะไม่ได้มีโอกาสได้สัมผัส Nissan Juke เจเนเรชั่นใหม่แล้ว แต่จะได้สัมผัสรถครอสโอเวอร์น้องใหม่อย่าง Nissan Kicks แทนซึ่งน่าจะได้เจอกันอย่างเร็วที่สุดปี 2018 ครับ

ที่มา Carscoops 

  
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560

ทีเซอร์แรกของคอมแพ็กต์ SUV โฉมใหม่จาก Mitsubishi ก่อนเปิดตัวที่เจนีวา

  ค่ายสามเพชร Mitsubishi ได้เผยภาพทีเซอร์แรกของคอมแพกต์ SUV รุ่นใหม่ที่จะเป็นตัวตายตัวแทนของ ASX ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงงาน Geneva Motor Show 2017 ต้นเดือนมีนาคม


   จากทีเซอร์จะเผยให้เห็นในส่วนด้านข้างตัวรถ ที่จะมากับเส้นสายตัวถังที่ลาดเอียงขึ้นไปจนไปถึงด้านท้าย โดยตัวรถจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากต้นแบบ XR-PHEV II Concept และแน่นอนว่าด้านหน้าก็น่าจะมากับแนวการออกแบบ Dynamic Shield เหมือนเช่นใน Mitsubishi Outlander หรือไม่ก็ Pajero Sport 

   สำหรับเรื่องชื่อนั้น ว่ากันว่ารถคันนี้อาจจะมาในชื่อ "Eclipse" ซึ่งเคยเป็นชื่อของรถสปอร์ตในค่ายเมื่อนานมาแล้ว และที่สำคัญรถคันนี้จะมาเป็นคู่แข่งของ Honda HR-V , Mazda CX-3 หรือไม่ก็ Toyota C-HR นั่นเอง 

   เครื่องยนต์นั้นน่าจะมากับขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD แบบ S-AWC และ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และนอกจากนี้อาจจะมากับเพลาล้อหลังแบบมัลติลิงก์

   ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ต้องรอชมกันเต็มๆในเดือนมีนาคม ในงาน Geneva Motor Show 2017 ครับ

ที่มา Carscoops
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 

วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560

เปิดตัวแล้วในไทย Mazda 3 Minor Change ปรับหน้าใหม่ อัดเซฟตี้สู้คู่แข่ง

  หลังจากเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา ทาง Honda ได้เปิดตัว Honda Civic โฉมใหม่ล่าสุดออกสู่ตลาด ตามด้วย Toyota ที่ขอปรับโฉม Minor Change ให้กับ Corolla Altis เพื่อรับมือกับ Civic และล่าสุดในปี 2017 นี้ทาง Mazda ก็พร้อมแล้วสำหรับการเปิดตัว Mazda 3 Minor Change หลังจากที่ถูกเลื่อนการเปิดตัวเมื่อปีที่แล้วเพราะอยู่ในช่วงการไว้อาลัยให้กับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 นั่นเอง


   เมื่อมองผิวเผินแล้วดีไซน์ภายนอกยังคงเดิมๆ ด้วยความที่รถสวยอยู่แล้วจึงไม่ได้ออกแบบให้เพี้ยนไปจากรุ่นเก่ามากนัก ภายนอกจะมากับไฟหน้าทรงใหม่ที่ดูมนขึ้น มีทั้งแบบ LED และฮาโลเจนขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย ออกแบบกระจังหน้าใหม่ให้ดูมนกว่าเดิม กรอบไฟตัดหมอกออกแบบดูเพรียวขึ้น โดยมากับไฟตัดหมอก LED (ตั้งแต่รุ่น 2.0 C ขึ้นไป) 


ด้านข้างรถยังคงดีไซน์เดิมไม่เปลี่ยน กระจกมองข้างรถจะติดตั้งไฟเลี้ยวให้เห็นชัดเจนขึ้น ล้ออัลลอยในรุ่น 2.0 S และ 2.0 SP จะได้ล้อขนาด 18 นิ้วลายใหม่รมดำ ส่วนรุ่นอื่นๆนั้นจะได้ล้อขนาด 16 นิ้วลายเดิม

ในส่วนด้านท้ายรุ่น Hatchback มีการเปลี่ยนแปลงกันชนท้ายใหม่ ส่วนรุ่นซีดานไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้านท้าย


   เข้ามาดูภายในห้องโดยสาร มีการตกแต่งภายในให้หรูหราและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาล-ดำ พวงมาลัยมีการเปลี่ยนทรงใหม่ที่ดูสวยงามยิ่งขึ้น ปรับเปลี่ยนมาตรวัดความเร็วชุดใหม่ จอ Head-Up Display แบบใหม่ที่แสดงผลแบบสีได้ หน้าจอ Touch Screen แบบใหม่ขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบ MZD Connect ที่ถูกอัพเกรดใหม่ พร้อมปุ่มควบคุมหน้าจอ Center Commander มาให้ตามเคย และคราวนี้สิ่งที่หลายคนอยากให้ติดตั้ง Cruise Control คราวนี้ก็มีมาให้แล้ว (รุ่น 2.0 C ขึ้นไป) นอกจากนี้ยังมีเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และช่องเก็บสัมภาระมาให้บริเวณฐานเกียร์

   เครื่องยนต์นั้นยังคงมากับขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน SkyActiv-G ความจุ 2.0 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว มากับพละกำลัง 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SkyActiv-Drive มากับอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 15.6 กม./ลิตร

   สำหรับระบบความปลอดภัยทาง Mazda ก็ได้จัดระบบความปลอดภัยมาครบครัน 
ระบบป้องกันล้อล็อค 4W-ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเบรก BA
ระบบควบคุมเกียร์ AAS (Active Adaptive Shift)
ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Signal System)
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS
ระบบช่วยการออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist)
ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง G-Vectoring Control
กล้องมองหลัง (รุ่น 2.0 C ขึ้นไป,รุ่น 2.0 S และ 2.0 SP จะมาพร้อมระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด)
ระบบไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติพร้อมระบบไฟหน้าปรับระดับอัตโนมัติ (Auto Leveling System)\เฉพาะรุ่น 2.0 S และ 2.0 SP

และในรุ่นท็อป 2.0 SP ทุกตัวถังจะได้ระบบความปลอดภัยเพิ่มเติม ดังนี้
ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps)
ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-keep Assist System)
ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ SCBS (Smart City Brake Support)
ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse)
ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (Smart Brake Support)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)

   Mazda 3 Minor Change มีสีให้เลือกทั้งหมด 7 สีด้วยกัน ได้แก่ 3 สีใหม่ เทา Meteor Gray, ดำ Jet Black และ น้ำเงิน Eternal Blue และสีเดิมอย่าง แดง Soul Red, น้ำตาล Titanium Flash, ขาว Snowflake White Pearl และเงิน Aluminum Metallic และมีทางเลือกทั้งหมด 8 รุ่นย่อยด้วยกัน ได้แก่

ตัวถังซีดาน 
2.0 E ราคา 847,000 บาท (ราคาเพิ่ม 9,000 บาท)
2.0 C ราคา 928,000 บาท (ราคาเท่าเดิม)
2.0 S ราคา 988,000 บาท (ราคาเท่าเดิม)
2.0 SP ราคา 1,119,000 บาท (ราคาเพิ่ม 20,000 บาท)

ตัวถัง Hatchback
2.0 E Sports ราคา 847,000 บาท (ราคาเพิ่ม 9,000 บาท)
2.0 C Sports ราคา 928,000 บาท (ราคาเท่าเดิม)
2.0 S Sports ราคา 988,000 บาท (ราคาเท่าเดิม)
2.0 SP Sports ราคา 1,119,000 บาท (ราคาเพิ่ม 20,000 บาท)
เฉพาะสี Soul Red เพิ่มเงินอีก 15,000 บาท
เฉพาะสี Snow Flake เพิ่มเงินอีก 10,000 บาท

มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 

Like Box