วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ชมภาพ Spyshot ของ MG3 Minor Change ปรับหน้าตามแนวการออกแบบใหม่

   รถเล็กอย่าง MG3 นั้นอยู่ในตลาดโลกมากว่า 6 ปีแล้ว แต่เพิ่งเปิดตัวและวางขายในไทยในเวลาเกือบๆ 2 ปีเท่านั้น และทาง SAIC ก็มีแผนที่จะปรับโฉมอีกรอบเพื่อเพิ่มความสดใหม่ ล่าสุดไม่นานมานี้ก็มีภาพแอบถ่ายรถทดสอบ MG3 Minor Change ออกมาให้เห็นกันแล้ว

   งานดีไซน์ภายนอกโดยเฉพาะในส่วนด้านหน้า ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จนแทบไม่เหลือเค้าหน้าตาเดิม มีแนวการออกแบบใหม่ที่คล้ายคลึงกับ MG ZS โดยจะมากับไฟหน้าทรงใหม่แบบโปรเจคเตอร์ กระจังหน้าใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น รวมทั้งกันชนหน้าใหม่ที่มีดีไซน์ดูสปอร์ตกว่าเดิม ในส่วนของด้านท้ายจะมากับกันชนท้ายใหม่และออกแบบรายละเอียดไฟท้ายใหม่ให้ดูดีขึ้น

   สำหรับภายในห้องโดยสารนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงพวงมาลัย 3 ก้านทรงใหม่ที่ดูดีกว่าเดิม ปรับปรุงปุ่มปรับอากาศใหม่ให้ดูทันสมัยขึ้น และดูเหมือนว่าจะมีการย้ายวิทยุไปไว้เหนือช่องแอร์กลางคอนโซลด้วย นอกจากนั้นก็จะมีการปรับปรุงลายเบาะภายในใหม่

  เครื่องยนต์ในตลาดจีนนั้นก็จะมีเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร และ 1.5 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และ เกียร์อัตโนมัติ AMT

   คาดว่าตลาดจีนน่าจะมีการเปิดตัวในเร็วๆนี้ ส่วนเมืองไทยนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะเปิดตัวให้ทันภายในปี 2017 นี้เช่นกันครับ ต้องรอติดตามต่อไป

ภาพจาก Autohome.cn

มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 

Suzuki Swift RX-II อีกหนึ่งรุ่นพิเศษ ก่อนโฉมใหม่จะมา

  แม้ว่าในต่างประเทศนั้นจะมีการเปิดตัว All-New Suzuki Swift กันไปแล้ว แต่ในไทยก็ยังคงขายรุ่นปัจจุบันอยู่เหมือนเดิมและคาดว่าโฉมใหม่น่าจะเปิดตัวไม่ปลายปีนี้ก็ต้นปีหน้า แต่ก่อนที่โฉมใหม่จะมานั้นทาง Suzuki เมืองไทยก็ได้เปิดตัวรุ่นพิเศษอีกหนึ่งรุ่นส่งท้ายโฉมปัจจุบัน โดยมาในชื่อ Suzuki Swift RX-II 

   Suzuki Swift RX-II ถือเป็นการผสมผสานความสมบูรณ์แบบของรุ่นพิเศษทั้ง 2 รุ่นที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น Swift RX และ Swift Sai โดยนำ 2 รุ่นนี้มาผสมกันกลายเป็น Swift RX-II นั่นเอง

  ภายนอกจะมากับไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ HID รมดำ พร้อมไฟ LED illumination Lamps บริเวณกันชนหน้า นอกจากนี้จะมากับล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว 5 ก้านคู่เหมือนรุ่น Sai แต่พ่นสี Gun Metallic เพิ่มความสปอร์ตมากขึ้น ส่วนด้านท้ายมีการออกแบบสปอยเลอร์ท้ายใหม่และติดตั้งเสาอากาศแบบ Shark Fin มาให้ นอกจากนี้ท้ายรถยังมีการแปะโลโก้ RX-II เพื่อบ่งบอกว่าเป็นรุ่นพิเศษ 

   ส่วนภายในห้องโดยสารก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเพิ่ม แต่มีการติดตั้งฟังก์ชั่นเด็ดๆเหมือนที่มีในรุ่น RX นั่นก็คือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control และ Paddle Shift

   ขุมพลังนั้นก็ยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.25 ลิตร พละกำลัง 91 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 118 นิวตัน-เมตรที่ 4,800 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อม Paddle Shift 7 สปีด ระบบความปลอดภัยยังคงเหมือนเดิมทั้งระบบเบรก ABS EBD ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมเข็มขัดนิรภัยและถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS ตรงที่นั่งคนขับและที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้า

   Suzuki Swift RX-II ยังคงมีราคาเท่า RX และ Sai นั่นคือ 599,000 บาทครับ
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 

วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

มาแล้ว Isuzu MU-X Minor Change ปรับหน้าสู้ศึกคู่แข่ง

  หลังจากที่อยู่ในตลาดมานาน 3 ปีกว่าๆแล้ว Isuzu MU-X ก็ได้ทำการปรับอุปกรณ์เพิ่มรุ่นพิเศษไปเรื่อยๆ แต่ด้วยคู่แข่งมากหน้าหลายตาที่ทยอยการปรับโฉมหรือเปลี่ยนโฉมใหม่จนทำให้บดบังรัศมีของ Isuzu ไปเสียเกือบหมด ดังนั้นค่ายใหญ่อย่าง Isuzu ก็ไม่พลาดที่จะทำการปรับโฉมหน้าใหม่รับศึกอย่างเต็มรูปแบบ

   ดีไซน์ภายนอกมีการปรับโฉมหน้าใหม่ให้ดูทันสมัยมากขึ้น ภายนอกมากับไฟหน้าแบบ Bi-LED พร้อมไฟ Daylight และเส้นนำแสง Guiding Light ภายในโคม กระจังหน้าออกแบบใหม่ให้ดูเฉียบคมและดุดันมากขึ้น นอกจากนี้ในส่วนกันชนหน้าก็ได้มีการออกแบบใหม่แต่ยังคงมีดีไซน์คล้ายๆรุ่นเดิม และยังเติมแต่งชิ้นส่วนโครเมียมรอบกรอบไฟตัดหมอกเพิ่มความหรูหรา ล้ออัลลอยมากับลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว 

ส่วนด้านท้ายมีการเปลี่ยนแปลงโคมไฟท้ายแบบ LED ออกแบบสปอยเลอร์ท้ายใหม่ กันชนท้ายออกแบบใหม่ให้ดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น และฝาท้ายนั้นมีการแปะโลโก้ฉลองครบ 60 ปีของการดำเนินธุรกิจของแบรนด์ Isuzu ในประเทศไทยด้วย

   สำหรับภายในห้องโดยสารก็กลับมาใช้โทนสีที่สว่างอีกครั้ง โดยการตกแต่งด้วยโทนสีดำและสีครีม มีการเสริมด้วยลายไม้และวัสดุ Piano Black รอบคัน กรอบช่องแอร์มีการล้อมกรอบ Piano Black ในส่วนของคอนโซลกลางก็มีการออกแบบใหม่เล็กน้อย บริเวณคอนโซลหน้าและตรงมาตรวัดมีการหุ้มหนังและเดินด้ายตะเข็บเพิ่มความหรูหรา 

ระบบอินโฟเทนเมนต์นั้นจะมากับ iConnect และ Built-in Navigator พร้อมชุดเครื่องเล่น DVD หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว มากับฟังก์ชัน Air Mirroring รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับ Smartphone มีจุดเชื่อมต่อ USB รองรับ Smartphone MP3 และ Flash Drive

   เครื่องยนต์นั้นยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง มีให้เลือก 2 แบบได้แก่
- เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร RZ4E-TC พละกำลัง 150 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตรที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที
- เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร 4JJ1-TCX พละกำลัง 177 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที  แรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที
ส่งกำลังด้วย เกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อม Genius Sport Shift และ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Rev Tronic ระบบขับเคลื่อนก็มีให้เลือกทั้ง 2 ล้อและ 4 ล้อตามเคย


  ส่วนระบบความปลอดภัยนั้นทุกรุ่นจะทำการติดตั้งระบบดังนี้ครับ
- ระบบป้องกันล้อล็อค ABS EBD และ BA
- ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESC
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว TCS
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า Dual SRS
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC ใหม่

    Isuzu MU-X Minor Change มีสีให้เลือกทั้งหมด 5 สีด้วยกัน และมีการนำเสนอสีใหม่ นั่นคือ สีน้ำตาลฮาวานา Havana Brown  และสีอื่นๆอีก 4 สี ได้แก่ สีเงินไอซ์เบิร์ก Iceberg Silver สีบรอนซ์เงินอาร์กติก Arctic Silver สีขาวมุกเอเวอร์เรสต์ Everest Pearl White และสีดำออสเตรเลียนโคล (Australian Coal Black)

     Isuzu MU-X Minor Change แบ่งการจำหน่ายทั้งหมด 6 รุ่นย่อย ดังนี้
- 1.9 CD 6AT 2WD ราคา 1,099,000 บาท (+5,000 บาท)
- 1.9 DVD 6MT 2WD ราคา 1,214,000 บาท (+10,000 บาท)
- 1.9 DVD 6AT 2WD ราคา 1,264,000 บาท (+ 10,000 บาท)
- 1.9 DA-DVD 6AT 2WD ราคา 1,329,000 บาท (+ 5,000 บาท)
- 3.0 DA-DVD 6AT 2WD ราคา 1,374,000 บาท (+10,000 บาท)
- 3.0 DA-DVD 6AT 4WD ราคา 1,474,000 บาท (+10,000 บาท)

   Isuzu MU-X Minor Change ใหม่จะเริ่มลงโชว์รูมตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคมเป็นต้นไป
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 

วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

All-New Ford Fiesta ST ซับคอมแพกต์ตัวแรงจากแบรนด์วงรีฟ้า

  ค่าย Ford ได้ทำการเผยโฉม Ford Fiesta ST โฉมใหม่ล่าสุดเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะนำรถไปโชว์ตัวในงาน Geneva Motor Show 2017 ช่วงเดือนมีนาคม หลังจากที่ก่อนหน้านี้เมื่อปลายปีได้ทำการเผยโฉมหน้าของเจเนเรชั่นใหม่สู่สายตาชาวโลกไปแล้ว

   ดีไซน์ภายนอกมีการออกแบบตะแกรงกันชนหน้าให้ดุดันกว่ารุ่นธรรมดา พร้อมกันชนหน้าและหลังที่ตกแต่งให้ดูสปอร์ตขึ้น มีการติดตั้งสเกิร์ตด้านข้างมาให้ และล้ออัลลอยลายสปอร์ตขนาด 18 นิ้ว ที่ขาดไม่ได้เลยคือสปอยเลอร์ท้าย รวมทั้งโลโก้ ST สีแดงอันโดดเด่น โดย Fiesta ST จะมีให้เลือกทั้งแบบตัวถัง 3 และ 5 ประตู

   ภายในห้องโดยสารจะทำการติดตั้งเบาะนั่งแบบ Recaro พวงมาลัยฐานด้านล่างตัดตรงหุ้มหนังพร้อมโลโก้ ST อันโดดเด่น นอกจากนี้ภายในยังมีการเดินตะเข็บรอบคัน และตกแต่งด้วยโทนสีดำ-ขาว ตรงกลางจะเป็นที่ตั้งของระบบอินโฟเทนเมนต์ SYNC3 ของ Ford พร้อมหน้าจอขนาด 8 นิ้วที่สามารถสั่งการด้วยการจิ้มสัมผัส หรือเคลื่อนไหวมือ รวมทั้งการสั่งการด้วยเสียง อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple CarPlay ติดตั้งเครื่องเสียงคุณภาพเยี่ยมจาก Bang & Olufsen

   สำหรับเครื่องยนต์นั้นจะทำการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร EcoBoost มากับพละกำลัง 200 แรงม้า PS แรงบิดสูงสุด 290 นิวตัน-เมตร  อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.7 วินาที และผู้ขับขี่ยังสามารถเลือกโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือก 3 แบบได้แก่ Normal, Sport และ Track ซึ่งระบบจะปรับเครื่องยนต์ พวงมาลัยและระบบควบคุมการทรงตัวตามโหมดที่เราเลือก

   Ford Fiesta ST จะเปิดตัวและวางขายจริงในตลาดยุโรปราวๆต้นปีหน้าครับ ส่วนเมืองไทยก็คงหมดสิทธิ์ตามระเบียบ

  ที่มา Carscoops
   
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Pagani Huayra Roadster ไฮเปอร์คาร์ตัวจี๊ดเวอร์ชั่นเปิดหลังคารับลม

   ปล่อยให้รอคอยกันมาเนิ่นนานสำหรับเวอร์ชั่นเปิดหลังคารับลมของไฮเปอร์คาร์สุดจี๊ดอย่าง Pagani Huayra Roadster ที่ล่าสุดได้เผยโฉมออกมาแล้ว ก่อนจะนำไปโชว์ตัวอย่างเป็นทางการในงาน Geneva Motor Show 2017 ช่วงเดือนมีนาคมนี้

   Pagani Huayra Roadster จะมากับตัวถังที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคัน เผยให้เห็นถึงตัวถังลายคาร์บอนสีฟ้าอันโดดเด่นและภายในห้องโดยสารที่มากับการตกแต่งโทนสีแบบ Three-Tone

   Pagani บอกว่า Huayra Roadster ไม่ได้เป็นแค่การหั่นหลังคาออกอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นการพัฒนาอะไรใหม่ๆหลายๆอย่างด้วยกัน ซึ่งทำให้น้ำหนักตัวรถเพิ่มขึ้นจากตัวถังคูเป้หลังคาแข็งราวๆ 6% ส่งผลให้มีน้ำหนักตัวถัง 1,280 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังมีการเสริมโครงสร้างตัวถังเพิ่มความแข็งแรงเพื่อลดการบิดงอ โดยการใช้วัสดุแบบคอมโพสิตเสริมเข้ามาด้วย

   ดีไซน์ภายนอกยังคงความดุดันล้ำสมัยในแบบของ Pagani มีการออกแบบในส่วนของกันชนหน้าและกันชนหลังให้ดุดันมากยิ่งขึ้น และนอกจากนั้นแล้วยังมีการออกแบบใหม่ในส่วนฝาท้ายที่ปิดตำแหน่งห้องเครื่องให้มีรูระบายอากาศเรียงแถวต่อกันช่วยเพิ่มความเกรี้ยวกราดขึ้น ล้อด้านหน้าจะมากับขนาด 20 นิ้วและด้านหลัง 21 นิ้วหุ้มด้วยยางของ Pirelli ที่พัฒนายางเป็นพิเศษเพื่อรถคันนี้โดยเฉพาะ 

   Pagani Huayra Roadster จะมีชุดหลังคาให้เลือก 2 แบบที่แตกต่างกัน แบบแรกก็คือหลังคาแข็งที่ทำจาก Carbon Fibre และกระจก เวลาปิดแล้วให้ความหรูหราเหมือนตัว Coupe และอีกแบบคือหลังคาผ้าใบที่สามารถพับเก็บได้อย่างง่ายดาย

ส่วนภายในห้องโดยสารก็ยังคงไว้ซึ่งแนวดิบเถื่อนและผสานกับความหรูหรา ปรับปรุงระบบการทำงานของระบบควบคุมการทรงตัว ESP ที่สามารถรองรับโหมดการขับขี่ได้ 5 ลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นพื้นลื่น,พื้นเปียก,Comport,Sport,Race หรือจะปิด ESP ก็แล้วแต่ผู้ขับขี่จะเลือก

   ขุมพลังนั้นยังคงใช้เครื่องยนต์จาก Mercedes-AMG ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 6.0 ลิตร V12 มากับพละกำลัง 764 แรงม้า PS ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดมากกว่า 1,000 นิวตัน-เมตรที่ 2,400 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดที่สร้างโดยบริษัท Xtrac

   นอกจากนี้ Pagani ยังได้ปรับเปลี่ยนช่วงล่างที่ทำจากวัสดุอลูมิเนียมน้ำหนักที่เรียกว่า HiForg ซึ่งได้รับการออกแบบะสำหรับรุ่น Roadster โดยเฉพาะ

   Pagani Huayra Roadster จะมีราคาค่าตัว 2,280,000 ยูโร หรือประมาณ 84,565,364 บาทยังไม่รวมภาษีครับ

ที่มา Carscoops

   
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 

ชม Mazda 6 MY2017 ของมาเลเซีย รุ่นใหญ่ที่ไทยไม่มีขาย

  Mazda ในเมืองไทยนั้นไม่ได้ทำตลาดรถระดับ D-Segment อย่าง Mazda 6 ก็ลองไปดูยอดขายรถกลุ่มนี้สิครับที่ในปัจจุบันที่ไม่ได้เยอะแยะอะไรมากมาย Mazda จึงไม่เสี่ยงที่จะขายในไทย แต่ในตลาดมาเลเซียนั้นก็เพิ่งมีการปรับอุปกรณ์ให้กับ Mazda 6 เป็นรุ่นปี 2017 เลยเอาข้อมูลมาให้อ่านกันเล่นๆครับ

   สำหรับรุ่นปรับโฉมและรุ่นปรับอุปกรณ์ก่อนหน้านี้นั้นก็ได้มีการปรับหน้าตาใหม่กันไปแล้ว โดยปรับเปลี่ยนโคมไฟหน้าใหม่แบบ LED และแนะนำสีตัวถังใหม่ Machine Grey Metallic และสำหรับรุ่นปี 2017 ก็เน้นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเท่านั้น นั่นคือการเปลี่ยนพวงมาลัยทรงใหม่ให้เหมือน CX-9 เจเนเรชั่นล่าสุดนั่นเอง

   นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงในส่วนของจอ Active Driving Display (ในรุ่น 2.2 ดีเซล และ 2.5 เบนซิน)ให้แสดงผลแบบสี ปรับความคมชัดและความสว่างให้ดียิ่งขึ้น และยังสามารถบันทึกตำแหน่งที่นั่งของขับของผู้ขับขี่แต่ละคนผ่านทางระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งคนขับที่อยู่บริเวณเบาะคนขับได้ด้วย

   ในรุ่นเริ่มต้นเบนซิน 2.0 ลิตรจะมากับไฟหน้าแบบฮาโลเจนและไฟตัดหมอก , ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ปุ่มสตาร์ท , ไฟหน้าอัตโนมัติและที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ , เบาะหนังรอบคัน , เบาะปรับไฟฟ้าที่คนขับพร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่ง , กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ , ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกโซนซ้าย-ขวา , ระบบอินโฟเทนเมนต์ MZD Connect พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว , ลำโพง 6 ตัว และกล้องมองหลัง

  ในรุ่นรองท็อป เบนซิน 2.5 ลิตรจะเพิ่มเติมไฟหน้าและไฟตัดหมอกแบบ LED , ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วรมดำ , กุญแจ Keyless Entry , หลังคาซันรูฟ ,  Paddle Shift , จอแสดงผล Active Driving Display ระบบสะสมพลังงานจากการเบรก i-Eloop , ระบบเครื่องเสียงและลำโพงรอบทิศทาง 11 ตัวจาก BOSE ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะมีในตัวท็อป ดีเซล 2.2 ลิตรเช่นกัน

   เครื่องยนต์นั้นยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งก็จะมีเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร SKYACTIV-G 4 สูบ มากับพละกำลัง 153 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ตามด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร SKYACTIV-G พละกำลัง 185 แรงม้าที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตรที่ 3,250 รอบ/นาที  และเครื่องยนต์ดีเซลทวินเทอร์โบ 2.2 ลิตร SKYACTIV-D มากับพละกำลัง 173 แรงม้าที่ 4,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตรที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-Drive 6 สปีดทุกรุ่น

   ในส่วนของเครื่องยนต์ดีเซลมีการปรับปรุงให้เสียงรบกวนน้อยลง ด้วยระบบ High Precision DE Boost Control ที่ช่วยให้แรงบิดตอบสนองได้ดีกับอัตราเร่ง ตามด้วยระบบ Natural Sound Smoother และ Natural Sound Frequency Control ที่ช่วยให้เครื่องยนต์เงียบกว่าเดิม

   ทางด้านระบบความปลอดภัย ทุกรุ่นย่อยจะมากับถุงลมนิรภัย 6 ใบ,ระบบเบรก ABS/EBD/BA,ระบบควบคุมการทรงตัว,ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และสำหรับรุ่นเบนซิน 2.5 ลิตรและดีเซล 2.2 ลิตรจะมีระบบไฟหน้า Adaptive LED พร้อมชุดระบบความปลอดภัย i-ActivSense อันได้แก่ ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ SCBS,ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM,ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA ,ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS และ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS
   
   อีกสิ่งที่เพิ่มมาคือระบบช่วยควบคุมแรงบิด G-Vectoring Control ที่จะส่งแรงบิดไปยังแต่ละล้อของรถเพื่อให้การควบคุมและการขับขี่ในการเข้าโค้งเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังมีการปรับปรุงพวงมาลัยและช่วงล่างใหม่

   สำหรับราคาค่าตัว Mazda 6 MY2017 ในมาเลเซียมีดังนี้ครับ
- รุ่นเบนซิน 2.0 ลิตร ซีดาน ราคา 170,407 ริงกิต หรือประมาณ 1,340,051 บาทไทย
- รุ่นเบนซิน 2.5 ลิตร ซีดาน ราคา 206,869 ริงกิต หรือประมาณ 1,626,782 บาทไทย
- รุ่นเบนซิน 2.5 ลิตร แวกอน (Touring) ราคา 211,006 ริงกิต หรือประมาณ 1,659,315 บาทไทย
- รุ่นเบนซิน 2.5 ลิตร ซีดาน ราคา 215,264 ริงกิต หรือประมาณ 1,692,799 บาทไทย

มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

All-New Honda CR-V เวอร์ชั่นไทยจะมีเครื่องดีเซลให้เลือกด้วย

    นอกจาก Honda Civic Hatchback โฉมใหม่ที่หลายคนรอคอยแล้ว ก็ยังมีอีกคันให้เราติดตามนั่นก็คือ All-New Honda CR-V รถคอมแพกต์ SUV รุ่นขายดีที่เปิดตัวในอเมริกาไปก่อนหน้านี้แล้ว และก็ได้มีการนำรถมาวิ่งทดสอบในไทยได้สักระยะแล้วเช่นกัน

   และข่าวดีที่เชื่อว่าน่าจะได้ใจสาวก Honda หลายๆคนก็คือ CR-V โฉมใหม่เวอร์ชั่นไทยนั้นจะมีทางเลือกเครื่องยนต์ดีเซลมาให้ด้วย เชื่อว่าน่าจะนำมาฟาดฟันกับคู่แข่งตัวหลักอย่าง Mazda CX-5 ที่มีเครื่องดีเซลมาให้เป็นทางเลือก

   ข่าวจากเว็บไซด์ใหญ่ๆที่น่าเชื่อถืออย่าง Headlightmag ระบุว่า CR-V โฉมใหม่ที่จะเปิดตัวในไทยจะมีทางเลือกเครื่องยนต์ดีเซลมาให้กับลูกค้าแน่นอน โดยจะมากับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบความจุ 1.6 ลิตร i-DTEC Turbo พละกำลัง 160 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที โดยเครื่องตัวนี้ไม่ใช่เครื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะเป็นเครื่องดีเซลที่ทำตลาดในยุโรปราวๆ 2 ปีแล้วครับ

ระบบส่งกำลังจะมากับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด และมีทางเลือกระบบขับเคลื่อนทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

   ส่วนขุมพลังอื่นๆนั้นยังไม่มีข้อมูลชัดเจน และการเปิดตัว All-New Honda CR-V จะมีขึ้นในไทยประมาณปลายเดือนมีนาคมครับ ต้องติดตามให้ดี
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ชม Mazda CX-3 MY2017 ของมาเลเซีย เปิดตัวนำร่องก่อนพี่ไทย

   ทาง Mazda Thailand เพิ่งเปิดตัว Mazda 2 MY2017 ไปไม่นาน ทางมาเลเซียก็มีการเปิดตัว Mazda CX-3 MY2017 ก่อนประเทศไทยแล้ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงหลักๆก็จะมีแค่การปรับอุปกรณ์เพิ่มระบบนิดหน่อย

   ภายนอกไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้นจะแต่เน้นไปที่การปรับปรุงห้องโดยสารที่ถูกเปลี่ยนพวงมาลัยทรงใหม่ 3 ก้านแบบเดียวกับรุ่นพี่ CX-9 (และก็ใส่ใน 3 Minor Change และ 2 MY2017 บ้านเราด้วย) จอแสดงผล Head-Up Display ปรับให้แสดงผลแบบสี ให้ความสว่างและคมชัดมากขึ้น และยังมากับเบาะไฟฟ้าด้านคนขับ 8 ทิศทางพร้อมปุ่มบันทึกตำแหน่ง 2 จุด จอก็เปลี่ยนใหม่ยังคงใช้ระบบ MZD Connect และมากับขนาด 7 นิ้วเหมือนเดิมกับลำโพง 6 ตัว 

   ส่วนรายละเอียดอื่นๆก็ยังคงเดิมสำหรับเวอร์ชั่นมาเลเซีย ซึ่งก็จะมีไฟหน้าแบบ LED ปรับระดับสูงต่ำอัตโนมัติด้านหน้าและด้านท้าย ไฟตัดหมอกแบบ LED ปุ่มสตาร์ทและ Keyless Entry เบาะหนังผสมหนังกลับ หลังคาซันรูฟ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Paddle Shift Cruise Control 

  ระบบความปลอดภัยก็จะมีถุงลมนิรภัย 6 ใบ ระบบ ABS EBD และ BA ระบบควบคุมการทรงตัว และ ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และจุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX

   อีกสิ่งที่เพิ่มมาคือระบบช่วยควบคุมแรงบิด G-Vectoring Control ที่จะส่งแรงบิดไปยังแต่ละล้อของรถเพื่อให้การควบคุมและการขับขี่ในการเข้าโค้งเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังมีการปรับปรุงพวงมาลัยและช่วงล่างใหม่ เพิ่มความหนาของกระจกหลังและบุวัสดุซับเสียง

   เครื่องยนต์นั้นจะมากับเครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร SKYACTIV-G 4 สูบ พละกำลัง 154 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตัน-เมตรที่ 2,800 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-Drive 6 สปีด

   Mazda CX-3 MY2017 ในตลาดมาเลเซียมีราคาค่าตัวอยู่ที่ 138,373 ริงกิต หรือประมาณ 1,087,403 บาทไทยครับ

ที่มา Paultan

มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 

Like Box