วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Isuzu D-Max MY2019 เน้นปรับที่รุ่น Hi-Lander และ V-Cross Max

  สำหรับการเปิดตัว Isuzu D-Max MY2019  นอกจาก Isuzu D-Max STEALTH รุ่นพิเศษใหม่ของ Isuzu ที่ออกมากระตุ้นตลาดแล้ว ยังมีการปรับปรุงอุปกรณ์ในรุ่นอื่นๆของ D-Max ด้วย


  การปรับปรุงครั้งนี้จะเน้นการปรับในตัวยกสูงขับเคลื่อน 2 ล้อ Hi-Lander และขับเคลื่อน 4 ล้อ V-Cross เป็นส่วนใหญ่ โดย Hi-Lander Z-Prestige ทุกตัวถัง และ V-Cross Z ทุกตัวถัง จะได้ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วลายใหม่ พร้อมด้วยกันชนท้ายดีไซน์ใหม่ 

  ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อระดับท็อปอย่าง V-Cross Max ก็ได้มีการปรับปรุงการตกแต่งใหม่/เพิ่มออปชั่นหลายรายการ
-  ชุดตกแต่งกระจังหน้า Bumper Garnish โทนเทาดำ
-  ชุดตกแต่งกันชนหน้า Front Bumper Guard ทูโทนดีไซน์ใหม่
- ล้ออัลลอยแบบทูโทน ขนาด 18 นิ้ว Matt Black
- กันชนท้ายดีไซน์ใหม่พ่นสีดำ
- เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สไตล์ทูโทน น้ำตาล-ดำ เดินด้ายสีส้มรอบตัวเบาะ พร้อมปักสัญลักษณ์ V-Cross สีส้ม
- กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติพร้อมกล้องบันทึกภาพหน้ารถ (ครั้งแรกในวงการปิคอัพเมืองไทย!)

   สำหรับรุ่นย่อยที่ติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วทุกรุ่น ทุกตัวถัง ได้มีการปรับปรุงระบบ Isuzu iConnect ในส่วนของการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย Wireless Mirroring ให้สามารถเชื่อมต่อได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

  ทางด้านขุมพลังยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
- เครื่องยนต์ดีเซลรหัส RZ4E-TC 1.9 ลิตร ความจุ 1898 ซีซี. พละกำลัง 150 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตรที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
เครื่องยนต์ดีเซลรหัส 4JJ1-TCX 3.0 ลิตร ความจุ 2999 ซีซี. พละกำลัง 177 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด 

  ระบบความปลอดภัย ใครที่หวังอยากได้ถุงลมนิรภัย 6-7 ใบ ตอนนี้ยังไม่มาครับ แต่ก็ได้มีการเพิ่มระบบใหม่เข้ามา
- ไฟ LED Daytime Running Lights
- ไฟตัดหมอกหน้า
- ไฟเลี้ยวแบบ LED ที่กระจกมองข้าง
- ไฟเบรกดวงที่ 3
- กล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะ (รุ่นที่มีหน้าจอสัมผัส)
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
- ระบบป้องกันล้อล็อค ABS พร้อม EBD และ BA
- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ที่เบาะนั่งด้านหลัง
- สัญญาณกันขโมย
ในรุ่น 1.9 Ddi Z และ 1.9/3.0 Z-Prestige ทุกตัวถัง และ V-Cross Max จะได้ระบบความปลอดภัยเพิ่มเติมคือ
ใหม่! ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก BOS 
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESC 
- ระบบป้องกันการลื่นไถล TCS 
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA 

 ราคาจำหน่าย Isuzu D-Max MY2019
ตัวถังตอนเดียว Spark
1.9 Ddi Cab-Chassis ราคา 502,000 บาท 

1.9 Ddi Cab-Chassis (ตู้เย็น) ราคา 507,000 บาท 
1.9 Ddi B ราคา 538,000 บาท
1.9 Ddi B (ABS) ราคา 547,000 บาท
1.9 Ddi S ราคา 563,000 บาท 
1.9 Ddi S (ABS) ราคา 572,000 บาท
3.0 Ddi S ราคา 581,000 บาท
3.0 Ddi S 4x4 ราคา 656,000 บาท 

ตัวถังตอนครึ่ง 2 ประตู
Spacecab 1.9 Ddi S ราคา 595,000 บาท 
Spacecab 1.9 Ddi S (ABS) ราคา 605,000 บาท
Spacecab 1.9 Ddi L ราคา 663,000 บาท 
Spacecab 1.9 Ddi L (ABS) ราคา 673,000 บาท 
Spacecab 1.9 Ddi Z ราคา 719,000 บาท
Hi-Lander 1.9 Ddi L ราคา 700,000 บาท
Hi-Lander 1.9 Ddi Z ราคา 756,000 บาท 
Hi-Lander 1.9 Ddi Z AT ราคา 796,000 บาท 
Hi-Lander 1.9 Ddi Z DVD ราคา 771,000 บาท
Hi-Lander 1.9 Ddi Z-Prestige ราคา 835,000 บาท 
Hi-Lander 1.9 Ddi Z-Prestige AT ราคา 875,000 บาท 
Hi-Lander 3.0 Ddi Z-Prestige AT ราคา 860,000 บาท 
V-Cross 3.0 Ddi Z DVD ราคา 832,000 บาท 

ตัวถัง 4 ประตู
Cab4 1.9 Ddi S ราคา 676,000 บาท
Cab4 1.9 Ddi S (ABS) ราคา 686,000 บาท
Cab4 1.9 Ddi Z ราคา 813,000 บาท 
Hi-Lander 1.9 Ddi L ราคา 803,000 บาท
Hi-Lander 1.9 Ddi Z ราคา 855,000 บาท
Hi-Lander 1.9 Ddi Z AT ราคา 900,000 บาท 
Hi-Lander 1.9 Ddi Z DVD ราคา 875,000 บาท 

Hi-Lander STEALTH 1.9 Z DVD MT ราคา 887,000 บาท (รุ่นย่อยใหม่)
Hi-Lander 1.9 Ddi Z-Prestige ราคา 945,000 บาท 
Hi-Lander STEALTH 1.9 Z-Prestige ราคา 957,000 บาท (รุ่นย่อยใหม่)
Hi-Lander 1.9 Ddi Z-Prestige AT ราคา 990,000 บาท
Hi-Lander STEALTH 1.9 Z-Prestige AT ราคา 999,000 บาท (รุ่นย่อยใหม่)
Hi-Lander 3.0 Ddi Z-Prestige ราคา 971,000 บาท 
Hi-Lander 3.0 Ddi Z-Prestige ราคา 1,016,000 บาท 
V-Cross 3.0 Ddi Z DVD ราคา 957,000 บาท
V-Cross Max 3.0 Ddi Z-Prestige ราคา 1,064,000 บาท (+10,000 บาท)
V-Cross Max 3.0 Ddi Z-Prestige AT ราคา 1,109,000 บาท 
(+10,000 บาท)

ที่มา Isuzu

วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เปิดตัวในไทยแล้ว! All-New Toyota Camry รูปโฉมใหม่ที่โฉบเฉี่ยวหรูหราขึ้น

  สิ้นสุดการรอคอยแล้วสำหรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ All-New Toyota Camry ถือเป็นรถรุ่นที่ 2 ของ Toyota ที่จำหน่ายในประเทศไทยที่พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม TNGA (Toyota New Global Architecture) โดย Camry เจเนเรชั่นใหม่เปิดตัวในไทยภายใต้สโลแกนว่า "SOUL STRIKING LUXURY"



   รูปโฉมภายนอกนั้นจะคล้ายคลึงกับเวอร์ชั่นญี่ปุ่น , อเมริกาและอีกหลายประเทศ ส่วนใครที่หวังอยากได้อีกหน้าตาหนึ่งที่ดุๆสปอร์ต ตอนนี้ยังไม่มีแผนทำออกมาขายครับ ภายนอกของรถจะติดตั้งไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟ Daytime Running Lights ภายในโคม , ไฟตัดหมอกแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED กระจกบานหน้าของรถจะเป็นแบบ Acoustic High Solar Energy Absorb ทางด้านหลังคาตามที่หลายคนอยากได้กัน คราวนี้ได้มีการเพิ่มหลังคาแบบ Moonroof ซึ่งจะมีให้ตั้งแต่รุ่น 2.5 G ขึ้นไป ส่วนล้ออัลลอยจะมีตั้งแต่ขนาด 16-18 นิ้วตั้งแต่รุ่น


  สำหรับขนาดตัวถังของรถจะมีความยาว 4,885 มิลลิเมตร (+35 มิลลิเมตร) กว้าง 1,840 มิลลิเมตร (+15 มิลลิเมตร) สูง 1,445 มิลลิเมตร (-25 มิลลิเมตร) และมีฐานล้อยาว 2,825 มิลลิเมตร (+50 มิลลิเมตร)


   ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบให้มีความทันสมัยน่าใช้งานมากขึ้น มีฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า (Lumbar Support) , หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ (MID) ขนาด 4.2-7 นิ้วแล้วแต่รุ่น , เบรกมือไฟฟ้า EPB , ระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ ABH , อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) , ระบบกรองอากาศแบบ Nanoe (เฉพาะรุ่นขุมพลังไฮบริด) , เบาะนั่งด้านหลังปรับเอนไฟฟ้า  (เฉพาะรุ่น 2.5 HV Premium)
, ที่วางแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำพร้อมแผงควบคุมแบบดิจิตอล  (เฉพาะรุ่น 2.5 HV Premium) ,  หน้าจอ HUD แสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี (เฉพาะรุ่น 2.5 HV Premium) และอีกมากมาย

ระบบอินโฟเทนเมนต์จะทำการติดตั้ง เครื่องเล่น DVD จอระบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่งเป็นมาตรฐาน , ระบบ T-Connect Telematics จะติดตั้งให้ในรุ่นขุมพลังไฮบริด ส่วนรุ่นท็อปสุด 2.5 HV Premium จะได้เครื่องเล่น DVD จอระบบสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง (In-car Navigator) และลำโพง JBL 9 ตำแหน่ง

ระบบ T-Connect Telemetics

* Find My Car เช็คตำแหน่งรถคุณผ่านแอพพลิเคชั่น
* Stolen Vehicle Tracking ตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์เมื่อถูกโจรกรรมพร้อมช่วยเหลือคุณตลอด 24 ชั่วโมง
* SOS ประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในบางกรณี
* Packing Alert ระบบแจ้งเตือนผ่าน Notificationเมื่อรถถูกสตาร์ท หรือเคลื่อนที่
* Navigator ระบบนำทางพร้อมแสดงข้อมูลจราจร
* Pay As You Drive ประกันภัย "ขับน้อย จ่ายน้อย" ให้คุณจ่ายตามการใช้งานจริง สำหรับการทำประกันภัยกับบริษัทฯ ที่กำหนดไว้เท่านั้น
* My TOYOTA Wi-Fi กระจายสัญญาณ Wi-Fi ได้พร้อมกันสูงสุด 9 อุปกรณ์ ตามเงื่อนไขที่กำหนดในแพ็กเกจ
* OPS (Operator Service) ผู้ช่วยค้นหาเส้นทางตลอด 24 ชั่วโมงพร้อมบริการจองร้านอาหารชั้นนำ

  ทางด้านเครื่องยนต์ยังคงมีให้เลือก 3 ขุมพลังเช่นเคย ได้แก่
- เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ใช้เครื่องยนต์เดิม หัส 6AR-FSE VVT-iW แบบฉีดตรง D-4S ให้พละกำลังสูงสุด 167 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 199 นิวตัน-เมตรที่ 4,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รองรับเชื้อเพลิง E85
-  เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ใช้เครื่องยนต์ใหม่ รหัส A25A-FKB VVT-iE & D4S แบบ Dynamic Force พละกำลังสูงสุด 209 แรงม้าที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตรที่ 5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด รองรับเชื้อเพลิง E85
- เครื่องยนต์ไฮบริด 2.5 ลิตร ใช้เครื่องยนต์ใหม่ รหัส A25A-FXS VVT-iE & D4S แบบ Dynamic Force พละกำลังสูงสุด 178 แรงม้าที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตัน-เมตรที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าชนิดมอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร พละกำลัง 120 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 202 นิวตัน-เมตร เมื่อรวมกำลังทั้งระบบจะได้ 211 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT รองรับเชื้อเพลิงถึง E20 ส่วนชุดแบตเตอรี่จะเป็นแบบนิกเกิลเมตัลไฮดราย ความจุไฟฟ้า 6.5 แอมแปร์-ชั่วโมง

  ทางด้านระบบความปลอดภัยของรถก็ค่อนข้างจัดมาเต็มพอสมควร โดยทุกรุ่นจะได้ระบบเหล่านี้เป็นมาตรฐาน
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบเสริมแรงเบรก BA
- ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAC
- เข็มขัดนิรภัย ด้านหน้า 2 จุด, ด้านหลัง 3 จุด
- ถุงลมเสริมความปลอดภัยระบบ SRS คู่หน้า / ด้านข้าง
- ถุงลมเสริมความปลอดภัยระบบ SRS ม่านด้านข้าง / หัวเข่าด้านคนขับ
- กล้องมองภาพขณะถอยหลัง พร้อมแนะนำเส้นทางการถอย
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA
- สัญญาณไฟกระพริบเมื่อเบรกกะทันหัน ESS
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer และสัญญาณเสียงเตือนการโจรกรรม
ส่วนรุ่นท็อปสุด 2.5 HV Premium จะเพิ่มเติม
- ถุงลมเสริมความปลอดภัยระบบ SRS ด้านข้างเบาะหลัง
และยังเพิ่มชุดระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ที่ประกอบด้วย
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) พร้อมระบบ Dynamic Radar Cruise Control
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHB
- ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS
- ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ LKA


All-New Toyota Camry จะมีสีตัวถังให้เลือก 7 สีได้แก่
สีที่จับคู่กับภายในสีดำ 
- สีขาวมุก Platinum White Pearl 
- สีเงิน Siver Metallic
- สีดำ Attitude Black
- สีแดง Premium Red
สีที่จับคู่กับภายในสีเบจ
- สีน้ำตาล Platinum Brown Metallic
- สีเทา Graphite Metallic 
- สีดำ Burning Black (เฉพาะรุ่น 2.5 HV Premium)

  แบ่งการจำหน่ายทั้งหมด 4 รุ่นย่อย พร้อมราคารุ่น Hybrid ที่ถูกลงจากการถูกสนับสนุนจากภาครัฐทำให้ภาษีถูกลง ซึ่งถ้าหากไม่มีตรงนี้มาช่วย ราคาตัวท็อปอาจจะทะลุ 1.95 ล้านบาทได้ โดยราคาจำหน่ายจะเป็นไปตามนี้
- รุ่น 2.0 G ราคา 1,445,000 บาท (แพงขึ้น 46,000 บาท)
- รุ่น 2.5 G ราคา 1,589,000 บาท (ถูกลง 10,000 บาท)
- รุ่น 2.5 HV ราคา 1,639,000 บาท (ถูกลง 34,000 บาท)
- รุ่น 2.5 HV Premium ราคา 1,799,000 บาท (ถูกลง 64,000 บาท)

สำหรับรายละเอียดความต่างออปชั่นแต่ละรุ่นย่อย เชิญชมได้ด้านล่างครับ 


รุ่น 2.0 G ราคา 1,445,000 บาท
- เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร หัส 6AR-FSE VVT-iW แบบฉีดตรง D-4S ให้พละกำลังสูงสุด 167 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 199 นิวตัน-เมตรที่ 4,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รองรับเชื้อเพลิง E85
- ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 205/65 R16
- ไฟหน้า LED พร้อม LED Day Time Running Lights
- ไฟท้าย LED
- ไฟตัดหมอกหน้า LED
- ไฟตัดหมอกหลัง
- ไฟเบรกดวงที่ 3
- ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง LED
- กระจกหน้า AC HSEA (Acoustic High Solar Energy Absorb)\
- กระจกมองข้างแบบลดการเกาะตัวของหยดน้ำ (Hydrophilic) ปรับไฟฟ้า, ระบบบันทึก, Reverse Link และ Auto Retractable
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 2 โซน (ปรับอิสระแยกซ้าย, ขวา)
- เบาะนั่งหุ้มหนังและวัสดุสังเคราะห์
- เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- ปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า (Lumbar Support) ด้านคนขับ
- พนักพิงศีรษะผู้โดยสารด้านหน้าแบบพับลงต่ำได้
- ที่วางแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ
- ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-me-home
- ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ และระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Push Start and Smart Entry)
- ระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Stop and Start System) *มีเฉพาะรุ่นนี้ รุ่นย่อยอื่นไม่มี
- ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่และกระจกมองข้าง
- ที่ปัดน้ำฝนแบบตั้งเวลาหน่วง พร้อมระบบควบคุมการปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
- ม่านบังแดดผู้โดยสารด้านหลัง กระจกหลังปรับไฟฟ้า
- ม่านบังแดดผู้โดยสารด้านหลัง ประตูหลังปรับธรรมดา
- หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ (MID) ขนาด 4.2 นิ้ว
- สัญญาณเตือนกะระยะด้านท้ายและที่มุมกันชนทั้ง 4 มุม
- เบรกมือไฟฟ้า EPB
- ระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ ABH
- อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
- เครื่องเล่น DVD จอระบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง
- ช่องเชื่อมต่อ USB หน้า 1 จุด และหลัง 2 จุด
- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (ฺBluetooth)
- ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและควบคุมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ที่พวงมาลัย
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบเสริมแรงเบรก BA
- ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAC
- เข็มขัดนิรภัย ด้านหน้า 2 จุด, ด้านหลัง 3 จุด
- ถุงลมเสริมความปลอดภัยระบบ SRS คู่หน้า / ด้านข้าง
- ถุงลมเสริมความปลอดภัยระบบ SRS ม่านด้านข้าง / หัวเข่าด้านคนขับ
- กล้องมองภาพขณะถอยหลัง พร้อมแนะนำเส้นทางการถอย
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA
- สัญญาณไฟกระพริบเมื่อเบรกกะทันหัน ESS
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer และสัญญาณเสียงเตือนการโจรกรรม

รุ่น 2.5 G ราคา 1,589,000 บาท (เพิ่มเงินจากรุ่น 2.0 G 140,000 บาท)
เบนซิน 2.5 ลิตรรหัส A25A-FKB VVT-iE & D4S แบบ Dynamic Force พละกำลังสูงสุด 209 แรงม้าที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตรที่ 5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด รองรับเชื้อเพลิง E85
- เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
- ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 235/45 R18
- หลังคามูนรูฟ
- ท่อไอเสียคู่
- ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift)
- ระบบ ECO Drive, Normal Drive, Sport Drive
- หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ (MID) ขนาด 7 นิ้ว

รุ่น 2.5 HV ราคา 1,639,000 บาท (เพิ่มเงินจากรุ่น 2.5 G 50,000 บาท)
เครื่องยนต์ไฮบริด 2.5 ลิตร ใช้เครื่องยนต์ใหม่ รหัส A25A-FXS VVT-iE & D4S แบบ Dynamic Force พละกำลังสูงสุด 178 แรงม้าที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตัน-เมตรที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าชนิดมอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร พละกำลัง 120 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 202 นิวตัน-เมตร เมื่อรวมกำลังทั้งระบบจะได้ 211 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT รองรับเชื้อเพลิงถึง E20 ส่วนชุดแบตเตอรี่จะเป็นแบบนิกเกิลเมตัลไฮดราย ความจุไฟฟ้า 6.5 แอมแปร์-ชั่วโมง
- เกียร์อัตโนมัติ E-CVT
- ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 215/55 R17
- ไฟหน้า LED แบบ HV พร้อม LED Day Time Running Lights
- ไฟท้าย LED แบบ HV
- กระจังหน้าโครเมียม
- คิ้วฝาท้ายโครเมียม
- เบาะนั่งหุ้มหนังแบบ Smooth Leather และวัสดุสังเคราะห์
- พวงมาลัยปรับตำแหน่งไฟฟ้า พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง
- ระบบ EV Drive
- ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร Nanoe
- ระบบ T-Connect TELEMATICS

รุ่น 2.5 HV Premium ราคา 1,799,000 บาท (เพิ่มเงินจากรุ่น 2.5 HV 160,000 บาท)


- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 3 โซน (ปรับอิสระแยกซ้าย, ขวา, หลัง)
- ปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า (Lumbar Support) ด้านคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้า
- เบาะนั่งด้านหลังปรับเอนไฟฟ้า
- ที่วางแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำพร้อมแผงควบคุมแบบดิจิตอล
- เบาะนั่ง Seat Ventilator คู่หน้า
- หน้าจอ HUD แสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี
-  เครื่องเล่น DVD จอระบบสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง (In-car Navigator) และลำโพง JBL 9 ตำแหน่ง
- ถุงลมเสริมความปลอดภัยระบบ SRS ด้านข้างเบาะหลัง
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) พร้อมระบบ Dynamic Radar Cruise Control
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHB
- ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS
- ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ LKA


Like Box