ขุมพลังที่ว่าก็คือเครื่องยนต์ดีเซล 2.3 dCi ที่คนไทยโหยหากันอยู่ มากับพละกำลัง 190 แรงม้าในรุ่นเทอร์โบคู่ และ 160 แรงม้าในรุ่นเทอร์โบลูกเดียว และยังปรับปรุงค่าการปล่อยก๊าซ CO2 ให้เหลือแค่ 159 กรัม/กม. ซึ่งลดลงจากเดิม 8 กรัม/กม. และยังปรับให้รองรับมาตรฐาน EURO6 อีกด้วย จากเดิมอยู่ที่ EURO5 เท่านั้น อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยทำได้ที่ 16.5 กม./ลิตร
นอกจากนี้ Nissan ยังได้ทำการติดตั้งอุปกรณ์กรองไอเสียใหม่ Selective Catalytic Reduction system (SCR) และยังมีช่องใส่สาร AdBlue ซึ่งจะอยู่ตรงข้ามกับถังน้ำมันรถเพื่อป้องกันการสับสน โดยช่องใส่สาร AdBlue จะมีความจุ 17 ลิตร รองรับการเดินทางได้สูงสุดถึง 11,500 กม. ซึ่งจะแจ้งเตือนหากเหลือสารน้อยลง ผ่านการทำงานบนหน้าจอสี TFT ระหว่างมาตรวัดความเร็ว
อีกทั้งยังมีการติดตั้งระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ Idle-Stop System (ISS) ใน Navara เกียร์ธรรมดาทุกรุ่น ซึ่งจะมาพร้อมกับหน้าจอสีแสดงข้อมูล ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ บลูทูธ และ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน โดยการปรับปรุงครั้งนี้ทำให้น้ำหนักตัวถังของรถเพิ่มขึ้นราวๆ 25-35 กก. บางรุ่นลดลง 5-38 กก. ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย และไฮไลต์เด็ดคือการติดตั้งระบบเบรกฉุกเฉิน Forward Emergency Braking และกล้องมองภาพรอบคัน Around View Monitor camera system
มารอดูดีกว่าครับว่า Nissan Navara ในไทยจะให้ระบบเจ๋งๆแบบในยุโรปหรือไม่ ติดตามต่อไป
ที่มา Carscoops
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย