วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563

Hummer เตรียมกลับมาอีกครั้ง! ในรูปแบบปิคอัพไฟฟ้า 1,014 แรงม้า ภายใต้แบรนด์ GMC

  แบรนด์ Hummer ทุกคนคงรู้จักในฐานะแบรนด์ที่ทำรถ SUV ทรงเหลี่ยมสุดแข็งแกร่งและเลิกจำหน่ายไปหลายปี ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือจากทาง General Motors ว่า Hummer เตรียมกลับมาอีกครั้ง และดูเหมือนว่าข่าวลือที่ว่านี้จะเป็นจริง

   บริษัทยังคงเก็บงำรายละเอียดไว้อยู่ แต่ก็พอทราบมาว่า Hummer ใหม่คันนี้จะมารูปแบบรถปิคอัพพลังงานไฟฟ้า ที่สร้างพละกำลังสูงถึง 1,014 แรงม้า (PS) และแรงบิดอันมหาศาลถึง 15,574 นิวตันเมตร สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้กระบะคันนี้พุ่งจาก 0-96 กม./ชม.ในเวลาเพียงสามวินาทีเท่านั้น

  โดยกระบะดังกล่าวนั้นจะทำตลาดภายใต้แบรนด์ GMC ในชื่อว่า "GMC Hummer EV" และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 พฤษภาคม ในขณะเดียวกันทางบริษัทได้ปล่อยภาพทีเซอร์ซึ่งแสดงให้เห็นว่าด้านหน้าจะมีช่องตะแกรงหน้า 6 แถว 6 ช่องและไฟหน้า LED ที่เพรียวบาง กันชนหน้าออกแบบให้ดูแข็งแกร่งพร้อมโลโก้ GMC นอกจากนี้ยังมีฝากระโปรงหน้าแบบนูน กระจกมองข้างทรงเหลี่ยมและไฟติดหลังคาคล้ายๆใน Hummer H2 

   นอกเหนือจากภาพทีเซอร์ที่ปล่อยออกมายั่วแล้ว GMC ประกาศแผนการที่นำรถปิคอัพคันนี้ไปใส่ในโฆษณา Super Bowl ภายใต้สโลแกน "Quiet Revolution" ตัวโฆษณามีความยาว 30 วินาที จะออกอากาศในช่วงไตรมาสที่ 2 นี้ บริษัทยังกล่าวอีกว่า โฆษณาจะแสดงถึง “การผสมผสานกันระหว่างประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมของกระบะพลังงานไฟฟ้าล้วนคันแรกจาก GMC   กับความเงียบสงบที่น่าทึ่งซึ่งมีอยู่ในรูปแบบการขับขี่ของรถยนต์ไฟฟ้า” GMC ยังบอกอีกด้วยว่ามันจะแสดงให้เห็นถึง "ความสามารถที่น่าทึ่งทั้งออนโรดและออฟโรด”

   Duncan Aldred รองประธานของ Buick และ GMC ทั่วโลกกล่าวว่า “GMC สร้างรถกระบะและ SUV ที่พรีเมียมและมากความสามารถ รถ GMC Hummer EV จะนำสิ่งเหล่านี้ไปสู่จุดสูงสุดใหม่ เราตื่นเต้นที่จะเปิดตัวรถบรรทุกไร้มลพิษ ในคืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโฆษณาทางทีวี” 

   กระบะ GMC Hummer EV จะถูกสร้างขึ้นที่โรงงาน Detroit-Hamtramck และเปิดตัวในฤดูใบไม้ร่วงหรือราวๆเดือนกันยายนปี 2021

ที่มา Carscoops

ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ

วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2563

Lotus Evora 410 สปอร์ตหรูอังกฤษคันใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น

  ค่ายรถสปอร์ตอังกฤษ Lotus หลังจากมาอยู่ภายใต้ชายคาของบริษัทจีน Geely ก็มีการแนะนำไฮเปอร์คาร์ Evija ไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา อ่านข้อมูลที่นี่ ในส่วนสปอร์ตรุ่นเล็กที่ขายอยู่นั้นก็ยังคงลากขายเรื่อยๆจนกว่าจะพัฒนารุ่นใหม่เสร็จ และล่าสุดก็เพิ่งออกรุ่นย่อยใหม่ของตระกูล Evora ในชื่อ "Lotus Evora 410"

  Lotus Evora GT410 ใหม่จะเน้นการตกแต่งที่เป็นมิตรกับผู้ใช้จริงบนถนนมากขึ้น จากแต่เดิมนั้นที่เน้นแต่งเอาใจนักแข่ง ภายในห้องโดยสารจะติดตั้งเบาะนั่งสปอร์ต Sparco, ระบบปรับอากาศ, ระบบ Infotainment ใหม่ที่มีวิทยุดิจิตอล DAB รวมทั้งรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay ได้ มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control, ระบบอุ่นเบาะ, เซ็นเซอร์กะระยะถอยจอดด้านหลัง รวมถึงฉนวนกันเสียงรบกวนจากถนนภายนอกเพิ่มเติม

   นอกจากนี้ห้องโดยสารของ Evora GT410 ใหม่ยังมาพร้อมกับแผงประตูใหม่ที่ตอนนี้มีที่วางแขนมาให้และช่องเก็บของ ถือว่าเป็นมิตรกับผู้ขับขี่ที่ต้องการใช้งานสปอร์ต Lotus ในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังมีฝาท้ายใหม่พร้อมส่วนกระจกขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มมุมมองการเห็นด้านหลังได้ดีขึ้น

   เมื่อเปรียบเทียบกับ GT410 Sport ไลน์อัพใหม่ของ Evora จะติดตั้งโช้คอัพที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อการขับขี่ที่สบายขึ้นในขณะที่ยังคงไว้ซึ่งลักษณะการขับขี่อันโดดเด่นของ Lotus ทางด้านการเปลี่ยนแปลงภายนอกจะมากับล้อใหม่ขนาด 19 นิ้วที่ด้านหน้าและ 20 นิ้วที่ด้านหลังพร้อมยาง All-Weather จาก Michelin Pilot Sport 4S และยังเน้นการตกแต่งภายนอกด้วยสีเดียวกับตัวรถเป็นหลัก

   กำลังของรถจะมาจากเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.5 ลิตรที่ให้พละกำลังสูงสุด 416 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ใน 4 วินาทีในขณะที่ความเร็วสูงสุดทำได้ที่ 305 กม./ชม.

    Lotus Evora GT410 จำหน่ายในสหราชอาณาจักรในราคาเริ่มต้นที่ 82,900 ปอนด์ หรือประมาณ 3,417,000 บาทไทย

ที่มา Carscoops

ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ

วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2563

ชม All-New Seat Leon โฉมใหม่ที่โฉบเฉี่ยวสะดุดตากว่าเดิม

   แบรนด์รถหรูสเปนในเครือ VW Group อย่าง Seat ได้ทำการเปิดตัว All-New Seat Leon มาครบทั้งตัวถัง 5 ประตูและแวกอน แน่นอนว่าคันนี้จะใช้แพลตฟอร์มร่วมกับ Volkswagen Golf ด้วย

  ดีไซน์ของรถนั้นถือว่าดูดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนชัดเจน มาพร้อมกับกระจังหน้าทรงใหม่แบบ 6 เหลี่ยมที่ถูกขนาบข้างด้วยไฟหน้า LED ที่เพรียวบางกว่าเดิมพร้อมไฟ DRL สุดโดดเด่น พร้อมกันนี้ยังออกแบบช่องระบายอากาศกันชนหน้าให้น่าเกรงขามพร้อมไฟตัดหมอกทรงแนวนอน เส้นสายรอบๆตัวรถดูมีความโฉบเฉี่ยวและพลิ้วไหวกว่าเดิม ที่โดดเด่นเห็นจะเป็นไฟท้ายแบบ LED ที่ลากยาวจากซ้ายจรดขวา

  ว่าด้วยเรื่องขนาด ในตัวถังแฮตช์แบ็ค 5 ประตูจะมีขนาดความยาว 4,368 มิลลิเมตร กว้าง 1,800 มิลลิเมตร และสูง 1,456  มิลลิเมตร พร้อมฐานล้อยาว 2,686 มิลลิเมตร ซึ่งหมายความว่าตัวใหม่จะยาวกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 86 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อที่เพิ่มขึ้น 50 มิลลิเมตร แต่แคบกว่าเดิมเล็กน้อยเท่านั้น

   เกรดท็อปสุดนั้นจะมาภายใต้ป้ายชื่อ "FR" โดดเด่นด้วยกันชนหน้าที่ดีไซน์แตกต่างออกไป ล้ออัลลอยลายสปอร์ตและระบบช่วงล่างแบบสปอร์ต

  ภายในห้องโดยสารด้วยความที่ใช้แพลตฟอร์มร่วมกับ VW Golf ไม่แปลกที่จะมีเลย์เอาท์คอนโซลหน้าที่คล้ายๆกัน แต่อย่างไรก็ตาม รถแต่ละยี่ห้อจะมีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เข้ามาแล้วผู้ขับขี่จะพบกับแผงหน้าปัดดิจิตอลขนาด 10.25 นิ้วและจะพบกับระบบ Infotainment พร้อมหน้าจอขนาด 8 หรือ 10 นิ้ว เมื่อพูดถึงระบบ Infotainment นั้นจะมีระบบสั่งการด้วยเสียงแบบ natural voice control พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย

   ด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นทำให้ Leon สามารถรองรับการจุสัมภาระได้มากกว่ารุ่นก่อน โดยตอนนี้ตัวถังแวกอนหรือ Sportstourer รองรับการจุสัมภาระได้มากถึง 617 ลิตร เพิ่มขึ้น 30 ลิตร ส่วนแฮตช์แบ็คจะยังคงความจุ  380 ลิตรเท่ารุ่นก่อน

  ทางเลือกของเครื่องยนต์นั้นจะยกมาจาก VW Golf เริ่มที่เครื่องยนต์เบนซินจะมีให้เลือกตั้งแต่ เครื่อง 3 สูบขนาด 1.0 ลิตร TSI ที่มีพละกำลัง 90 แรงม้า (PS) และ 110 แรงม้า (PS) ลูกค้ายังสามารถเลือกใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรที่ให้กำลัง 130 แรงม้า (PS) และ 150 แรงม้า หรือแรงสุดกับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบ TSI พละกำลัง 190 แรงม้า (PS)

  ส่วนเครื่องดีเซลนั้นจะมีทางเลือกในความจุ 2.0 ลิตร TDI พละกำลังสูงสุด 115 แรงม้า (PS) และ 150 แรงม้า (PS)

   นอกจากนี้ทางเลือกรุ่นก๊าซธรรมดชาติ CNG ที่ติดตั้งมาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรที่ให้กำลัง 130 แรงม้า (PS) รุ่นนั้นจะมีถัง CNG สามถังซึ่งรองรับการวิ่งระยะทางสูงสุด 440 กม.  เนื่องจากก๊าซธรรมชาตินั้นอาจจะหาที่เติมได้ยาก รถจึงมีการติดตั้งระบบที่ช่วยเปลี่ยนการจ่ายเชื้อเพลิงเป็นน้ำมันโดยอัตโนมัติหากถัง CNG มีเชื้อเพลิงน้อยเกินไป

  อีกข่าวใหญ่คือการขุมพลัง Plug-In Hybrid ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน TSI 1.4 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าและชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 13 กิโลวัตต์ชั่วโมง รวมกำลังทั้งระบบได้ 204 แรงม้า (PS) และวิ่งไฟฟ้าล้วนได้ในระยะทาง 60 กม.

  ยังไม่หมดเท่านี้ ยังมีขุมพลังไฮบริดขนาดเล็กหรือ Mild Hybrid ที่ติดตั้งร่วมกับเครื่องยนต์ TSI 1.0 ลิตรพละกำลัง 110 แรงม้า (PS) และ TSI 1.5 ลิตร พละกำลัง 150 แรงม้า (PS) อีกด้วย ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติดูอัลคลัทช์ ติดตั้ง Starter Generator, แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนและเบรกแบบ Regenerative ทาง Seat ยังไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก แต่ระบบ Hybrid นี้จะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงเนื่องจากเครื่องยนต์สามารถดับได้ในขณะที่จอดนิ่ง และมอเตอร์ไฟฟ้ายังสามารถให้ความช่วยเหลือเมื่อต้องการเร่งในชั่วระยะเวลาหนึ่งได้ด้วย

    ทางด้านระบบช่วยเหลือการขับขี่ก็จะมีการติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control, ระบบ Dynamic Chassis Control, ระบบ Emergency Assist 3.0, Travel Assist รวมถึง Side and Exit assist

   All-New Seat Leon  จะเริ่มวางจำหน่ายในไตรมาสที่สองและจะมีการประกาศข้อมูลเพิ่มเติมในช่วงจำหน่ายอีกที

ที่มา Carscoops

ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ

แอบถ่าย Mitsubishi Eclipse Cross Minor Change กับการเตรียมปรับโฉมกลางอายุตลาด

   Mitsubishi Eclipse Cross เตรียมที่จะปรับโฉม Minor Change กลางอายุตลาดแล้ว โดยล่าสุดมีช่างภาพมือดีสามารถจับภาพรถทดสอบที่มีการพรางหน้าตาและพรางด้านท้ายไว้ได้อย่างดี

   เมื่อดูผ่านลายพรางแล้ว คาดว่า Eclipse Cross ใหม่จะปรับดีไซน์ตามแนวทางของ Mitsubishi รุ่นใหม่ๆ เช่น กระบะ Triton หรือ SUV อย่าง Pajero Sport โฉมล่าสุด

  แม้จะยังมากับแนวการออกแบบ Dynamic Shield ตามเคย แต่เป็นแนวการออกแบบที่พัฒนาต่อยอดจากเดิมขึ้นไปอีก เห็นได้จากไฟหน้าทรงใหม่ที่เรียวมากยิ่งขึ้น ปรับขนาดช่องไฟตัดหมอกใหม่ให้ใหญ่โตขึ้นกว่าเดิม (หรือส่วนที่ควรเป็นไฟหน้าจะกลายเป็นไฟ LED Daytime Running Light แล้วไฟตัดหมอกใหญ่จะกลายเป็นไฟหน้ากันแน่?) พร้อมกันนี้ยังออกแบบกันชนให้รับกับการเปลี่ยนแปลงด้านหน้าด้วย

   ด้านหลังมีอีกการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด นั่นคือการปรับเปลี่ยนทรวดทรงไฟท้ายใหม่ที่วางตามแนวยาว พร้อมทั้งกระจกบานท้ายขนาดใหญ่ขึ้น ออกแบบรายละเอียดบนฝาท้ายใหม่ สปอยเลอร์บนหลังคาใหม่ และกันชนท้ายใหม่

  ภายในห้องโดยสารยังไม่มีภาพออกมา แต่คาดว่าคงไม่ต่างจากเดิมมาก และยังคงคาดหวังว่าน่าจะมีการอัปเดตเทคโนโลยีภายในรถใหม่สักเลกน้อย เช่นการอัปเดตซอฟต์แวร์ระบบ Infotainment พร้อมหน้าจอขนาด 7 นิ้ว หรือการตกแต่งภายในใหม่

   เครื่องยนต์นั้นคาดว่าจะไม่ต่างจากเดิมโดยจะมีเครื่องเบนซินขนาด 1.5 ลิตร พละกำลัง 152 แรงม้า  โดยตลาดยุโรปจะมีเครื่องดีเซล 2.2 ลิตร พละกำลัง 145 แรงม้า (PS) ด้วย คาดว่า Mitsubishi Eclipse Cross Minor Change คงจะเปิดตัวช่วงใดช่วงหนึ่งของปีนี้ สำหรับตลาดไทย เลิกลุ้นได้แล้วครับ ไม่มาแน่นอน

ที่มา Carscoops

ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ

วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2563

ครั้งแรกกับภาพถ่ายรถทดสอบ All-New Mercedes-Benz SL คาดกลับมาใช้หลังคาผ้าใบอีกครั้ง

   ที่ทุกท่านเห็นอยู่นี้เป็นภาพแอบถ่ายชุดแรกของ All-New Mercedes-Benz SL สปอร์ตคูเป้เปิดประทุนสุดหรูจากเยอรมัน เนื่องจากภาพถูกแอบถ่ายในสถานที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้มีการเบลอฉากหลังไว้เหลือให้เห็นแค่ตัวรถเท่านั้น แต่ก็พอจะบอกถึงการออกแบบรถได้

   ตัวรถจะหุ้มด้วยสติ๊กเกอร์ลายพรางแบบเต็มที่และหุ้มผ้าใบกันน้ำบริเวณหลังคา จากดีไซน์ภายนอกจะพบว่าตัวรถมีเส้นสายบนตัวถังที่สะอาดตากว่าเดิม มีดีไซน์ด้านหน้าที่เป็นไปตาม Mercedes-Benz ยุคใหม่ ด้านท้ายจะเห็นชัดว่าได้ไฟท้ายทรงใหม่ที่ดูเรียวบางขึ้นกว่าเดิม ย้ายตำแหน่งทะเบียนไปไว้ที่กันชนท้ายแทน

   All-New Mercedes-Benz SL อาจจะเป็นการกลับมาอีกครั้งของหลังคาผ้าใบ สังเกตจากฝากระโปรงหลังที่ดูสั้นลง ซึ่งไม่พอแน่นอนที่จะพับหลังคาแข็งลงไปได้ และหลายๆค่ายนั้นก็เริ่มหันกลับมาใช้หลังคาผ้าใบในรถสปอร์ตเปิดประทุน ซึ่งมีข้อดีคือช่วยลดน้ำหนักรถได้มากทีเดียวแถมยังช่วยออกแบบให้สัดส่วนรถดูดีขึ้นด้วย คาดว่าภายในห้องโดยสารจะจัดวางที่นั่งแบบ 2 + 2 โดยมีที่นั่งขนาดเล็กด้านหลังที่สามารถใช้งานได้จริงมากกว่าเดิม

   All-New Mercedes-Benz SL จะพัฒนาร่วมกับตัวแรง AMG โดยจะใช้แพลตฟอร์มใหม่ Modular Sports Architecture (MSA) ที่ทำจากอะลูมิเนียม ซึ่งแพลตฟอร์มนี้จะใช้ใน AMG GT เจเนเรชั่นใหม่ด้วย

   เครื่องยนต์นั้นคาดว่าจะมีให้เลือกตั้งแต่ 6 สูบจนไปถึง V12 โดยในรหัสเริ่มต้น SL 450 เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร 6 สูบแถวเรียง แบบ Mild-Hybrid พละกำลังสูงสุด 367 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ผสานการทำงานกับระบบ EQ Boost ที่ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก 48 โวลต์ ช่วยเพิ่มพละกำลัง 22 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตรในระยะเวลาอันสั้น

  ส่วนรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน V8 น่าจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4.0 ลิตร V8 Twin-turbo จากตระกูล AMG มาภายใต้รหัส SL 63 คาดว่าจะมากับพละกำลังไม่ต่ำกว่า 630 แรงม้า นอกจากนี้ยังมีตัวแรงระดับท็อป  SL 73 ที่ใช้ขุมพลังแบบ Plug-In Hybrid โดยมากับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งด้านหลังที่รีดสมรรถนะออกมาได้รวมๆ 805 แรงม้า และน่าจะมีออปชั่นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อด้วย ยกเว้นในเครื่อง V12

  คาดว่า All-New Mercedes-Benz SL จะมีการเปิดตัวในช่วงปี 2021 เป็นอย่างช้าครับ

ที่มา Carscoops

ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2563

จับภาพรถทดสอบ All-New Ford Bronco รถ SUV ทรงกล่องพื้นฐาน Ranger T6 จำหน่ายที่อเมริกาปลายปีนี้

  ค่าย Ford วางแผนที่จะเปิดตัว All-New Ford ฺBronco รถ SUV ทรงกล่องคันใหม่ที่ใช้พื้นฐานของ Ford Ranger (T6) ที่เตรียมเปิดตัวช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค.-มิ.ย.) และจำหน่ายที่อเมริกาช่วงปลายปี และที่กำลังจะเห็นต่อไปนี้คือภาพถ่ายรถทดสอบในเวอร์ชั่นก่อนผลิตจริง ซึ่งเริ่มออกวิ่งแล้ว

   ภาพเหล่านี้ถูกถ่ายได้ที่รัฐมิชิแกนของอเมริกา จะเห็นรถในรูปแบบของ SUV 5 ประตู ตัวรถยังคงพรางด้วยสติ๊กเกอร์ที่หนาแน่น แต่ที่น่าสนใจคือการพรางด้วยผ้าสีดำรอบๆหลังคารถเพื่ออำพรางหลังคารถที่น่าจะเป็นหลังคาแบบถอดเก็บได้

  โดยตากล้องมือดีสามารถเข้าใกล้รถทดสอบได้มากพอที่จะถ่ายภาพภายในห้องโดยสาร ซึ่งส่องผ่านกระจกแล้วเห็นโครงเหล็กภายในที่รองรับชิ้นส่วนหลังคาที่ยังคงถูกพรางไว้ภายนอก สิ่งนี้เป็นการยืนยันข่าวลือว่า All-New Ford Bronco จะเสนอทางเลือกหลังคาแบบถอดได้เหมือนกับ Jeep Wrangler นอกจากนี้จะเห็นล้ออะไหล่ที่ติดตั้งบนประตูท้ายรถ แต่ยังไม่สามารถสรุปรูปทรงของไฟหน้า กระจังหน้าหรือไฟท้ายได้เพราะยังคงพรางหนาแน่น

  อย่างไรก็ตามยังมีสิ่งที่ยังพอเห็นได้ก็คือ ช่วงล่างของรถแบบออฟโรดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ภาพใต้ท้องเผยให้เห็นอย่างชัดเจนถึงโครงสร้างตัวถังแบบ Body-on-frame ของ Bronco รวมถึงท่อไอเสียซึ่งขนานกับกันชนหลัง รถทดสอบคันนี้จะใช้ยางแบบ A/T ของ Bridgestone Dueller ขนาดยาง 255/75 R17

   ภาพถ่ายยังเผยให้เห็นโครงสร้างคอนโซลหน้าแต่ก็ยังไม่เห็นอะไรมากเพราะมีผ้าคลุมปิดไว้ ถึงกระนั้นก็ตามเรายังเห็นหน้าจอ Infotainment ที่ส่วนบนของคอนโซลกลาง

  ด้วยการดัดแปลงแพลตฟอร์มกระบะ Ranger T6 มาใส่ Bronco นั้น มีสื่อรายงานว่ารถคันนี้อาจติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน EcoBoost 4 สูบขนาด 2.3 ลิตร พละกำลังสูงสุด 274 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่จะใช้เครื่องเบนซิน EcoBoost V6 ขนาด 2.7 ลิตรพละกำลัง  330 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 542 นิวตันเมตร

 


   คาดว่าระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดจะติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานและอาจมีทางเลือกเกียร์ธรรมดาด้วย และน่าจะมากับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะติดตั้งมาให้มาตรฐานหรือเป็นออปชั่น ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ต้องรอการเปิดตัวที่จะมีขึ้นช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้ครับ

ที่มา Carscoops

ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ

วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2563

All-New Genesis GV80 เอสยูวีสุดหรูคันใหม่ล่าสุดจากแดนโสม

   ค่าย Genesis แบรนด์ระดับหรูของ Hyundai ได้ทำการเปิดตัว All-New Genesis GV80 ในฐานะรถ SUV คันแรกของบริษัท ที่จะมาเติมเต็มรถในไลน์อัพให้ครบครันมากยิ่งขึ้น

   ดีไซน์ด้านหน้านั้นค่อนข้างสะดุดตาและคงเป็นไปไม่ได้ที่จะมองข้ามกระจังหน้าห้าเหลี่ยมคว่ำและไฟหน้าทรงเรียว 2 ชั้น  ผู้ผลิตเกาหลีรายนี้กล่าวว่าการออกแบบกระจังหน้าของ SUV คันนี้นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปร่างของโลโก้ยี่ห้อรถ เส้นสายด้านข้างออกแบบให้มีความเฉียบคมโดยเฉพาะในส่วนของกรอบกระจกรถ ต่อเนื่องถึงด้านท้ายที่มากับไฟท้ายแบบสองชั้นเหมือนกับไฟหน้า ระหว่างไฟท้ายจะมีในส่วนของชื่อยี่ห้อรถ G E N E S I S คั่นตรงกลาง ชิ้นส่วนตัวถังจำนวนมากรวมถึงประตูรถ ฝากระโปรงหน้าและท้ายจะทำจากอลูมิเนียมน้ำหนักเบา

  สำหรับงานออกแบบภายในนั้น มีการออกแบบที่ค่อนข้างเรียบหรูและล้ำสมัย มากับพวงมาลัยหุ้มหนังแบบสองก้านและแผงหน้าปัดดิจิตอล นอกจากนี้ยังมีหน้าจอ Infotainment ขนาดใหญ่ 14.5 นิ้วที่ตั้งลอยโดดเด่นบนคอนโซลหน้า หน้าจอนี้สามารถควบคุมได้ผ่านแผงควบคุมบริเวณคอนโซลกลางที่มีระบบการจดจำลายมือที่ช่วยให้ผู้ใช้รถสามารถใช้นิ้วเขียนชื่อของจุดหมายปลายทางได้อย่างง่ายดาย

   ค่าย Genesis ยังภูมิใจมากในเรื่องของความเงียบของห้องโดยสารของ GV80 ด้วยการพัฒนาระบบควบคุมเสียงรบกวนจากท้องถนน Road-Noise Active Noise Control ที่วิเคราะห์เสียงรบกวนจากถนนแบบเรียลไทม์และสร้างคลื่นเสียงในเฟสตรงกันข้ามเพียง 0.002 วินาทีเท่านั้น

  ทางด้านความปลอดภัย ผู้ผลิตรถยนต์สุดหรูของเกาหลีใต้ได้ติดตั้งถุงลมนิรภัย 10 ตำแหน่งให้เป็นมาตรฐาน ครอบคลุมในส่วนด้านหน้าและที่นั่งตรงกลาง เพื่อลดอาการบาดเจ็บที่ศีรษะในกรณีที่ผู้โดยสารถูกกระทบด้วยแรงกระแทกจากด้านข้าง คุณสมบัติความปลอดภัยอื่น ๆ ที่สำคัญของ GV80 ก็จะมี การควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Smart Cruise Control, ระบบช่วยหลีกเลี่ยงการชนด้านหน้า Front Collision Avoidance Assistance, ระบบช่วยการหลีกเลี่ยงการชนด้านข้าง Rear Side Collision Avoidance Assistance, ระบบช่วยขับขี่ขณะอยู่บนทางหลวง Highway Assist System นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยหลีกเลี่ยงการชนด้านท้าย Rear Cross-Traffic Collision Avoidance Assist  และระบบช่วยหลีกเลี่ยงการชนขณะจอดรถ Parking Collision Avoidance Assist

  อีกเทคโนโลยีที่โดดเด่นใน Genesis GV80 คือระบบปรับช่วงล่าง Electronically Controlled Suspension with Road Preview ซึ่งใช้กล้องด้านหน้าเพื่อวิเคราะห์พื้นผิวถนนและปรับช่วงล่างตามสภาพถนนให้เหมาะสมกับพื้นผิว

  ในเกาหลีใต้ GV80 จะเริ่มจำหน่ายด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 3.0 ลิตร 6 สูบที่ให้กำลังสูงสุด 274 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 589 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด

   และยังมีเครื่องยนต์เบนซินอีก 2 บล็อก ได้แก่ เครื่องเบนซินเทอร์โบ 2.5 ลิตร 4 สูบ พละกำลังสูงสุด 300 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 422 นิวตันเมตร และเครื่องยนต์ระดับท็อป เบนซิน 3.5 ลิตร V6 เทอร์โบ พละกำลังสูงสุด 375 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร ติดตั้งระบบขับเคลื่อนล้อหลังเป็นมาตรฐาน แต่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อนั้นจะมีให้เลือกเป็นออปชั่น

   Genesis GV80 จำหน่ายที่เกาหลีใต้ในราคาเริ่มต้นที่ 65,800,000 วอน หรือประมาณ 1,719,000 บาทไทย

ที่มา Carscoops / Genesis

ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ

Like Box