แน่นอนว่าภายนอกจะมากับกระจังหน้าชุดใหม่เป็นซี่แนวตั้ง 15 ซี่เรียงต่อกัน รวมทั้งมีการออกแบบกันชนหน้าใหม่ให้ดุดันน่าสัมผัสยิ่งขึ้น และยังมีการติดตั้งระบบ Airpanel บริเวณกันชนหน้าเหมือนเช่นในตัวแรง AMG GT R ที่ช่วยในเรื่องของการไหลเวียนอากาศและระบายความร้อนโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวแรงระดับท็อป Mercedes-AMG GT R ซึ่งรูปลักษณ์ที่กล่าวมานี้ก็เหมือนกับเวอร์ชั่นเปิดประทุนที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ทุกประการ
สำหรับขุมพลังนั้นทุกรุ่นจะมากับเครื่องยนต์เบนซิน 4.0 ลิตร V8 Bi-Turbo เหมือนเดิม แต่มีการปรับแต่งกำลังและแรงบิดมากขึ้น และเพิ่มรุ่น GT C เข้ามา เริ่มที่รุ่น GT จะมากับพละกำลัง 469 แรงม้า (HP) พร้อมแรงบิดสูงสุด 618 นิวตัน-เมตร / รุ่น GT S พละกำลัง 515 แรงม้า (HP) พร้อมแรงบิดสูงสุด 670 นิวตัน-เมตร / รุ่น GT C พละกำลัง 550 แรงม้า (HP) พร้อมแรงบิดสูงสุด 681 นิวตัน-เมตร ทุกรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติคลัตซ์คู่ 7 สปีด
ในรุ่น GT C จะมีความพิเศษที่จะใช้ฟังก์ชันเดียวกับตัวแรง Mercedes-AMG GT R นั่นคือพวงมาลัยที่สามารถควบคุมล้อหลังได้ (Rear-Wheel Steering) ระบบกันสะเทือนแบบปรับระดับตามสถานะการขับขี่ (Adaptive damping) และ ระบบเฟืองท้ายแบบ Electronic Limited-Slip
นอกจากนี้แล้ว Mercedes-Benz ยังถือโอกาสเปิดตัวรุ่นพิเศษในโอกาสฉลอง 50 ปีของการก่อตั้ง AMG นั่นคือ " Mercedes-AMG GT C 50 Edition" โดยจะมากับตัวถังสีเทาด้าน Designo Graphite Grey Magno จำกัดการผลิตในรุ่นคูเป้ 50 คัน และ โรดสเตอร์ 50 คัน ล้ออัลลอยพิเศษน้ำหนักเบา ภายในมากับเบาะหุ้มหนัง Nappa และแดชบอร์ดที่ตกแต่งด้วยวัสดุ Microfiber และวัสดุสีดำเงา
ที่มา Motor1.com
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย