รูปลักษณ์ภายนอกน่าจะไม่ต่างจากเวอร์ชั่นญี่ปุ่นมากนัก กระจังหน้าได้รับการออกแบบรายละเอียดใหม่ให้ดูหรูหราขึ้น ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยแถบโครเมี่ยมบริเวณกันชนหน้าและชายขอบล่างประตูรถ เสาประตูรถด้านข้างผิวมันวาวแบบ Piano Black ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วได้รับการออกแบบใหม่ ในส่วนของด้านท้ายยังมีการปรับปรุงรายละเอียดไฟท้าย LED ใหม่อีกด้วย สีตัวถังรถจะมีนำเสนอสีแดงใหม่ Soul Red Crystal และสีเทา Machine Gray ซึ่งเป็นสองสีพรีเมี่ยมนั่นเอง
ทางด้านเครื่องยนต์นั้นน่าจะยังใช้ขุมพลังเดิม แต่อาจจะปรับปรุงสมรรถนะใหม่เพิ่มเติม โดยปัจจุบันจะมีเลขสมรรถนะดังนี้
- เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร SkyActiv-G แบบแถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว มากับพละกำลัง 156 แรงม้าที่ 156 แรงม้าที่ 1,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 204 นิวตัน-เมตรที่ 2,800 รอบ/นาที สามารถรองรับเชื้อเพลิง E85 ได้
- เครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร SkyActiv-D เทอร์โบแปรผัน 4 สูบ 16 วาล์ว มากับพละกำลัง 105 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 270 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,500 รอบ/นาที
ทั้งหมดนี้ส่งกำลังด้วยเกียร์ SKYACTIV-DRIVE อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแมนนวลโหมด Active Matic
- เครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร SkyActiv-D เทอร์โบแปรผัน 4 สูบ 16 วาล์ว มากับพละกำลัง 105 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 270 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,500 รอบ/นาที
ทั้งหมดนี้ส่งกำลังด้วยเกียร์ SKYACTIV-DRIVE อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแมนนวลโหมด Active Matic
Mazda ยังมีการปรับปรุงการขับขี่ของรถให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเหล็กกันโคลงหน้าให้มีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กลง , ปรับปรุงระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง G-vectoring control ใหม่ และยังปรับปรุงการตอบสนองในการหักเลี้ยวพวงมาลัยที่ดีขึ้นด้วย
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ทาง Mazda ยังปรับปรุงการเก็บเสียงภายในรถ ลดการแทรกแซงของเสียงจากภายนอกเข้ามาภายในรถ ด้วยการเพิ่มความหนาของประตูคู่หน้าและหลัง เพิ่มขอบยางประตูรถที่ประตูคู่หน้า-หลังเช่นกัน รวมทั้งเพิ่มการบุฟองน้ำบริเวณแผงประตู และเพิ่มความหนาเพดานรถซึ่งทำให้สามารถลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีขึ้น 13%
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ทาง Mazda ยังปรับปรุงการเก็บเสียงภายในรถ ลดการแทรกแซงของเสียงจากภายนอกเข้ามาภายในรถ ด้วยการเพิ่มความหนาของประตูคู่หน้าและหลัง เพิ่มขอบยางประตูรถที่ประตูคู่หน้า-หลังเช่นกัน รวมทั้งเพิ่มการบุฟองน้ำบริเวณแผงประตู และเพิ่มความหนาเพดานรถซึ่งทำให้สามารถลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีขึ้น 13%
ระบบความปลอดภัยในเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ทาง Mazda ได้ปรับปรุงระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ Smart City Brake Support (SCBS) ที่เพิ่มความสามารถในการตรวจจับยานพาหนะและคนเดินเท้าในเวลากลางคืน ติดตั้งใน CX-3 ทุกรุ่นที่ขายในญี่ปุ่น , ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC จากเดิมที่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่ความเร็ว 30 กม./ชม. คราวนี้ก็ปรับให้ใช้งานได้แม้รถหยุดนิ่ง นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่เพิ่มเติมคือ กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ และ กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศาอีกด้วย
สุดท้ายนี้มารอลุ้นกันว่า Mazda CX-3 Minor Change เวอร์ชั่นไทยจะมีอะไรเพิ่มเข้ามาบ้าง จะเปลี่ยนแปลงแบบญี่ปุ่นหรือไม่ ราคาจะเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหนต้องติดตาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย