การจะลดการใช้น้ำมันลง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องค้นหาและสืบค้นพลังงานทางเลือกใหม่ที่จะส่งผลกระทบต่อโลกของเราให้น้อยที่สุด เพื่อทดแทนการใช้น้ำมัน หรือไม่ก็หาทางค้นคว้าเทคโนโลยีสำหรับยานยนต์ประสิทธิภาพสูงขึ้นหรือแบบอื่นๆที่ดีกว่า เพื่อใช้สำหรับการคมนาคมขนส่งทั่วไป
จะว่าไปแล้วแรงกดดันทั้งหลายเหล่านี้ยังไม่ได้กระจายไปทั่ว มีเพียงประเทศใหญ่ๆที่ตระหนักถึงเรื่องนี้ที่รับรู้เท่านั้น และพยายามจะส่งต่อไปยังประเทศกำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนา ว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการใช้พลังงานเชื้อเพลิงให้น้อยลง เพราะได้ส่งผลกระทบกับโลกของเรามากมาย และจะมากขึ้นอีก ถ้าไม่ช่วยกันลดการใช้น้ำมันอยู่ต่อไป ซึ่งน่าจะหาพลังงานทางเลือกที่สะอาดและกระทบต่อภาวะโลกร้อนที่น้อยลง
พลังงานที่สามารถทดแทนพลังงานเชื้อเพลิงเบนซินหรือดีเซลที่ใช้กันอยู่มีหลายอย่างด้วยกัน เช่น การใช้ก๊าซธรรมชาติหรือ CNG ที่ถือเป็นเชื้อเพลิงที่สะอาด เมื่อเกิดการเผาไหม้ขึ้นจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทางระบบไอเสียลดลงได้ถึง 50% แต่เมื่อนำมาใช้งานจริง อาจมีปัจจัยหรือข้อจำกัดในเรื่องระยะทางการใช้ที่จำกัดและต้องบรรจุถังก๊าซที่ใหญ่และน้ำหนักเยอะด้วย
การใช้เชื้อเพลิงชีวภาพที่เด่นสุด ณ ตอนนี้คือ เอทานอล ที่ผลิตจากพืช โดยผสมกับเชื้อเพลิงอื่นๆเช่น น้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ หรือไบโอดีเซล ที่มีส่วนผสมในอัตราน้อยไม่กี่เปอร์เซ็นต์ จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขบางส่วนของเครื่องยนต์ หรือเป็นเครื่องที่ออกแบบให้รองรับน้ำมันประเภทนี้โดยเฉพาะ เช่น รถยนต์ที่รองรับน้ำมัน E85 นั่นเอง
Toyota Miral รถพลังงานไฮโดรเจนที่จะออกขายในปี 2015 |
การใช้พลังงานไฟฟ้าก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่กำลังมาแรง มีการพัฒนาประสิทธิภาพกันต่อเนื่อง มีสองแบบใหญ่ๆคือ พลังงานไฟฟ้าผสมน้ำมันหรือที่เรารู้จักกันในนาม Hybrid นั่นเองครับ ที่มีเครื่องยนต์ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการเผาไหม้ผสมผสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ รถยนต์ไฮบริดมีการพัฒนามากว่า 15 ปีแล้ว จุดประสงค์แรกๆคือผลิตเพื่อทดลอง ศึกษา ค้นคส้า แต่เอาเข้าจริงๆ สามารถผลิตขายในระดับพาณิชย์ ถือเป็นที่ยอมรับเรื่องประสิทธิภาพการใช้งาน และมีขายในตลาดทั่วๆไป ให้ผู้ใช้ได้มีโอกาสเลือกใช้ที่สำคัญ รถพวกนี้กำลังจะมีส่วนแบ่งมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ ถ้าคนยอมรับและเปิดใจมากขึ้น
BMW i3 คันนี้ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียวๆนะครับ |
แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนารถไฟฟ้าประเภทนี้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศใหญ่ๆ เช่น อเมริกา หรือบางประเทศฝั่งยุโรป ที่มีการสร้างสถานีชาร์จไฟให้กับลูกค้าที่ใช้รถแนวนี้ ในสถานที่ที่สะดวกขึ้น ชาร์จไฟเร็วขึ้น ระยะทางวิ่งไกลขึ้น และราคาถูกกว่าเดิม โดยพลังงานทางเลือกนี้จะไม่มีการปล่อยก๊าซออกมาเลย แน่นอนว่ารถแนวนี้จะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆซึ่งในอนาคตรถแนวนี้อาจจะวิ่งได้เกิน 400 กม./การชาร์จไฟ 1 ครั้งก็ได้ครับ
แม้ว่าในอนาคตเราจะรู้ว่าจะยังคงมีน้ำมันเชื้อเพลิงให้เราได้ขุด เจาะและดูดขึ้นมาใช้ได้อีกสิบปีถึงจะหมด แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นครับ จุดสำคัญมันอยู่ตรงที่ ถ้าเราไม่หาพลังงานทางเลือกมาทดแทนน้ำมัน โลกจะประสบภาวะการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากอันเนื่องมาจากการปล่อยก๊าซ CO2 ฉะนั้นแล้วอีก 10-15 ปีข้างหน้านี้ อาจจะมีรถพลังงานเชื้อเพลิงน้อยมาก เพราะจะมีรถพลังงานทางเลือกวิ่งกันให้ว่อนเมือง แล้วคุณละครับ เตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงหรือยัง
ขอบคุณข้อมูลจากนิตยสาร AutoBild Vol.11 วันที่ 15/1/2014
แนะนำ ติชม พูดคุย ติดตามข่าวสารรถใหม่ฉับไวก่อนใครกับ Cars New Update ที่นี่!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย