โดยเฉพาะเรื่องราคาที่เป็นหนึ่งในประเด็นโลกแตกที่มีใครหลายคนพูดคุยกันถึงค่าตัวรถที่บ่นๆกันว่า ค่าตัวแพงเกินไปไม่สมราคาและไม่สมกับขนาดของรถ ..
ทำไมถึงบ่นกันเรื่องราคา ก็เพราะถ้าลองดูด้วยตาเปล่า เราจะเห็นว่า ราคาค่าตัวของตัวท็อปนั้นโดดไปถึง 790,000 บาท ซึ่งมันแพงกว่ารุ่นอื่นๆในตลาดกันเลยทีเดียว หลายคนนั้นอยากจะให้มีราคาที่พอๆกันหรือถูกกว่า ซึ่งหลายคนคิดว่าควรจะให้มีราคาไม่เกิน 7 แสนเสียด้วยซ้ำ แต่...
คำพูดเหล่านี้น่าจะเป็นของคนที่ไม่ค่อยสันทัดเรื่องรถมากเท่าไหร่นัก และยังมีบางกลุ่มที่ถูกขนานนามว่า "คนบ่นไม่ซื้อ คนซื้อไม่บ่นอีกเช่นกัน" ฉะนั้นแล้ว ผู้เขียนเลยจะมาบอกถึงสาเหตุของราคาที่ทำให้มันโดดไปสูงขนาดนี้
เท่าที่ลองวิเคราะห์สาเหตุดูนั้น เราจะขอเท้าความกันไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ที่มีข่าวหลุดมาว่า Mazda 2 ใหม่นั้นจะถูกเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์เฟส 2 ซึ่งตอนแรกนั้นเราก็ยังไม่ปักใจเชื่อข่าวมากนัก ตอนนั้นคิดแต่ว่าคงจะเป็นไปไม่ได้ และคิดว่า Mazda จะทำอีโคคาร์เฟส 2 โดยแชร์ตัวถังร่วมกับ Ford ในนาม AAT แต่แล้วทุกอย่างผิดคาด...เพราะ Mazda คงจะคิดว่าแยกกันทำน่าจะดีกว่า เพราะ คงมีแผนเด็ดๆบางอย่างแล้ว
ช่วงสิงหาคมนั้น ถ้าจำไม่ผิดเป็นช่วงที่ตลาดโลกเผยโฉมหน้าของ All-New Mazda 2 ใหม่ แน่นอนว่าคนไทยต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด และไม่รู้เพราะเหตุอะไร คงจะเป็นเพราะเห็น Mazda ใส่เครื่องดีเซลลงในรถระดับนี้ (ซึ่งอันที่จริงค่ายอื่นเขาใส่นานแล้ว Honda City ที่ขายในอินเดียก็มี 1.5 i-DTEC รวมทั้ง Toyota Yaris ยุโรปก็มี 1.4 D-4D) และช่วงนั้นคนไทยกำลังเห่อค่ายนี้จัด หลังจากปลื้มปริ่มมากับ Mazda 3 จนเป็นกระแสเรียกร้องให้ทาง Mazda เอาดีเซลเข้ามาขาย ณ ตอนนั้น ผู้เขียนคิดแต่ว่าเป็นไปไปไม่ได้แน่ๆ เพราะ มันจะทำให้ราคาแพงเกินไป และอาจแพงกว่า Fiesta EcoBoost (แม้แต่ตอนนี้มันเปิดตัวแล้วในนามอีโคคาร์เฟส 2 คันแรก และใช้อัตราภาษีของอีโคคาร์เฟส 1 ก็ตาม มันก็แพงกว่า Fiesta อยู่ดี) แต่ Mazda คงเห็นว่าคนไทยต้องการใช้จริงๆ และไม่ใช่น้อย อีกทั้งเป็นการช่วยเปิดตลาดใหม่ให้กับตัวเองด้วย
แต่ก็ติดปัญหาในเรื่องราคาค่าตัว เพราะเครื่องดีเซลนั้นเป็นปกติอยู่แล้วที่ต้นทุนการพัฒนาสูง และยิ่งเครื่องยนต์ดีเซล SkyActiv ตัวนี้ที่ว่ากันว่าอินเตอร์คูลเลอร์ของเครื่องตัวนี้ จดสิทธิบัตรเป็นรายแรกของโลกด้วย มันเลยทวีความแพงเข้าไปใหญ่ และแน่นอนถ้า Mazda เอา 2 SkyActiv-D เข้าเมืองไทยและชำระภาษีแบบรถ B-Segment ทั่วๆไป ก็อาจทำให้ราคารถโดดไปถึง 850,000 บาทได้ ครั้นจะเอาเครื่อง MZR ตัวเก่ามาใส่ คนก็จะครหาว่าไม่พัฒนา ฉะนั้น..ทางเลือกเดียวที่ทำได้คือ การนำ Mazda 2 เข้าโครงการอีโคคาร์ เฟส 2 ดูจะเป็นทางออกและทางเลือกเดียวที่จะสามารถนำ Mazda 2 ออกขายแข่งกับคู่แข่งในตลาดได้ โดยที่ราคาไม่หนีจากคู่แข่งมากมายนัก
และแน่นอน Mazda ถึงดำเนินการเข้าโครงการอีโคคาร์เฟส 2 แบบสายฟ้าแลบไงละครับ เพราะเขาก็ต้องการสร้างจุดขายใหม่ๆในตลาด เพื่อคนไทย เอาใจคนไทย แน่นอน..คนไทยอยากได้ดีเซล เขาก็เอามาสนองใหห้ตรงหน้า แต่...คนไทยยังไม่พอครับ
เพราะคนไทยอยากได้ถุงลมด้านข้างและม่านถุงลมเพิ่มเติมอีก รวมถึงไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ที่ว่าสวยๆ นี่หละ..ทำให้คนไทยหลายคนเทใจหนีไปค่ายอื่น คือ..ผู้เขียนก็จะบอกให้ทราบว่า ถ้าเกิดสมมติขึ้นมา Mazda บ้าจี้ใส่ไฟโปรเจคเตอร์เข้าไป และเพิ่มระบบความปลอดภัยในราคาเต็มพิกัด แล้วขายในราคามากกว่า 8 แสนบาท แล้วท่านผู้อ่านคิดว่า "ท่านจะซื้อไหม" เพราะ ถ้าเกิน 8 แสนเนี่ยนะครับ ราคามันก็จะเขยิบเข้าใกล้ Mazda 3 รุ่นเริ่มต้นเลยทีเดียว และแน่นอนคนไทยก็จะบ่นออกมาว่า "ราคาแบบนี้ไปเล่น C-Segment ดีกว่ามั้ย" แล้วจะทำยังไง...ครั้นจะกดราคาให้ถูกลงอีก มันคงไม่ได้เพราะ Mazda เขาก็อุตส่าห์พาเข้าโครงการอีโคคาร์เฟส 2 กดราคาขนาดนี้แล้ว จะเอาอะไรกันอีก...
ก่อนจะจบเรื่องนี้ ก็อยากจะให้พิจารณาและไตร่ตรอง รวมทั้งศึกษาข้อมูลของ All-New Mazda 2 ให้ดีนะครับ เพราะถ้าลองเข้าถึงมันแล้ว และรู้จักมันจริงๆ ราคาที่ Mazda ตั้งมา มันจะไม่ใช่ราคาที่แพงเกินเหตุเลย เพราะยังไงเครื่องดีเซลมันก็แพงกว่าเบนซินเป็นปกติแล้ว และแน่นอน..Mazda ทำรถออกมาเพื่อลูกค้าที่ชอบและยอมที่จะทุ่มเงินซื้อจริงๆครับ ฉะนั้น..ใครไม่ซื้อ ไม่เป็นไรครับ และทิ้งท้ายอีกเรื่องด้วยว่า Mazda 2 ใหม่ ยังเป็นคู่แข่งกับ Toyota Vios,Honda Jazz/City,Ford Fiesta และ Chevrolet Sonic เหมือนเดิมนะครับ แม้จะเข้าโครงการอีโคคาร์เฟส 2 ไม่ได้ลงไปเล่นตลาดล่างตาม Toyota yaris หรือ Suzuki Swift นะครับ
อยากติดตามข่าวสารรถใหม่ อัพเดตเร็วทันใจ คุยสารพัดเรื่องรถ
กดไลค์แฟนเพจของ Cars New Update ด้านล่างได้เลยครับ!!!
กดไลค์แฟนเพจของ Cars New Update ด้านล่างได้เลยครับ!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย