หน้าตาของรถ All-New Mazda 2 นั้น ก็ยังคงเป็นไปตามแบบของรุ่นพี่ ด้วยแนวการออกแบบ Kodo Design พร้อมกระจังหน้า 5 เหลี่ยมแบบ Signature Wing อันเป็นเอกลักษณ์ที่ดูยังไงๆมันก็เหมือนพี่ๆของมันจนมันจะกลายเป็นไส้กรอกหลายขนาดแล้วครับ ข้ามไปเรื่องนี้ดีกว่าครับ เส้นสายตัวรถที่ได้รับการออกแบบให้โฉบเฉี่ยวมีสไตล์ ไฟท้ายได้รับการออกแบบให้ดูสวยงามและโฉบเฉี่ยว โดยรวมนั้นถือว่าสวยกว่ารุ่นเดิมมาก เพราะยังไง Mazda รุ่นหลังๆทำออกมาสวยทุกคัน
ภายในห้องโดยสารนั้นถือว่าออกแบบได้สวยงามกว่ารุ่นเดิม ช่องแอร์ทรงกลมยังมีให้เห็น การประกอบภายในถือว่าหรูหราพรีเมี่ยมเทียบเท่ารถยุโรปกันเลยทีเดียว ในรุ่นท็อปคอนโซลจะมีลายตะเข็บของแท้ที่ไม่ใช่แบบหลอกในรถบางค่าย ติดตั้งจอทัชสกรีน 7 นิ้วไว้ตรงกลางคอนโซล พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ ที่เข้าถึงโลกโซเชียลได้สารพัดอย่าง และยังมีหน้าจอ Active Driving Display แสดงข้อมูลการขับขี่รถ ของเหล่านี้มีแต่ในตัวท็อปครับ แต่อย่างไรก็ตาม Mazda ก็ให้ Push Start มาตั้งแต่ตัวเริ่มต้นนะครับ ไหนจะนับระบบความปลอดภัยอีก ถือว่าคุ้ม
ทางด้านเครื่องยนต์นั้น ถือเป็นครั้งแรกในวงการซับคอมแพกต์คาร์ในเมืองไทย ด้วยการวางเครื่องยนต์แบบ SkyActiv Clean Diesel 1.5 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตรที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที ที่มากับแรงบิดเทียบเท่ารถเครื่องเบนซินขนาด 2.5 ลิตรกันเลยทีเดียว ทั้งหมดส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-DRIVE ไม่มีเกียร์ธรรมดาครับ พร้อมระบบประหยัดน้ำมัน i-STOP ที่จะหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วคราวขณะจอดอยู่นิ่ง ในขณะที่อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในทำงานอยู่ ด้วยพลังงานไฟฟ้า i-ELOOP ที่จะเปลี่ยนพลังงงานจากสูญเสียจากการลดความเร็ว กลายเป็นพลังงานไฟฟ้าเลี้ยงระบบไฟฟ้าภายในรถ และเครื่องยนต์จะทำงานทันทีเมื่อออกรถ โดยระบบนี้ Mazda 3 ยังไม่มีนะครับ และยังมากับอัตราสิ้นเปลืองที่ประหยัดถึง 26.3 กม./ลิตรเลยละครับ
ในด้านระบบความปลอดภัยของรถนั้นถือว่าให้มามากมายเลยทีเดียว มากับระบบเบรก ABS EBD ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ระบบช่วยออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist) ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Signal System) พวงมาลัยยุบตัวแปรผันตามการทำงานของถุงลมนิรภัย
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ และยังมากับโครงสร้างตัวถัง SKYACTIV-BODY น้ำหนักเบาแต่แข็งแรง รวมทั้งช่วงล่าง SKYACTIV-CHASSIS เซ็ตให้การขับขี่เป็นไปอย่างสนุกสนาน
All-New Mazda 2 มีสีให้เลือก 6 สี ประกอบด้วย สีแดง Soul Red ซึ่งเป็นทั้งสีใหม่และเป็นสีสำหรับการเปิดตัว สีนี้ใครอยากได้บวกไป 10,000 บาท ต่อด้วยสีขาวมุก Snowflake White Pearl บวกไป 6,000 บาท, สีน้ำตาล Titanium Flash, ฟ้า Dynamic Blue, สีเงิน Aluminium Metallic, สีดำ Black Mica, สีขาว Arctic white และสีเทา Metropolitan Grey ส่วนราคาค่าตัวนั้น All-New Mazda 2 มีรุ่นย่อยให้เลือก 6 รุ่นย่อย ได้แก่
Mazda 2 Sports XD ราคา 690,000 บาท
Mazda 2 Sports XD High ราคา 735,000 บาท
Mazda 2 Sports XD High Plus ราคา 790,000 บาท
Mazda 2 Sedan XD ราคา 690,000 บาท
Mazda 2 Sedan XD High ราคา 735,000 บาท
Mazda 2 Sedan XD High Plus ราคา 790,000 บาท
หลายคนอาจจะมองว่า ราคาเท่านี้แพงไปไหม ทำไมแพงกว่าค่ายอื่น อย่าลืมนะครับว่ามันคือเครื่องดีเซลที่ต้นทุนแพงกว่าเครื่องเบนซินอยู่แล้ว ซึ่งจะบอกเลยว่าจุดประสงค์ในการเข้าโครงการอีโคคาร์เฟส 2 ของ Mazda ก็เพื่อที่จะทำให้ราคาถูกลงนั่นเอง เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นก็ต้องเสียภาษีเต็มอัตราที่ 30% และอาจจะทำให้มีราคาสูงถึง 850,000 บาท ดังนั้นการเข้าโครงการอีโคคาร์เฟส 2 ของ Mazda แบบสายฟ้าแลบจึงจะเป็นตัวช่วยได้ และมันก็สามารถทำให้ราคาลดลงในแบบที่มันควรจะเป็นแล้ว ถ้าใครเข้าใจเรื่องนี้จะบอกว่าราคาสมเหตุสมผลครับ และแน่นอนการเปิดตลาดดีเซลในเก๋งขนาดเล็กของ Mazda น่าจะสร้างความตระหนกตกใจให้กับ 2 ยักษ์ใหญ่ของ Toyota และ Honda ได้บ้าง แต่ก็ไม่ตลอดหรอกครับ เพราะ Mazda ก็คือ Mazda และอีกเรื่องคือทาง Mazda ตั้งเป้ายอดขาย 30,000 คัน/ปี ก็ประมาณ 2,500 คัน ซึ่งมันจะมากพอที่จะทำให้ Mazda เบียดขึ้นไปเป็นที่ 3 ของตลาดกลุ่มนี้ด้วย ยังไงก็รอดูศึกครั้งนี้ต่อไปครับ
Tips :
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายคนควรรู้ จุดประสงค์หลักของการเข้าโครงการอีโคคาร์เฟส 2 ของ Mazda นั้น หลักๆคือต้องการทำให้ราคาถูกลง นี่เป็นแค่ประเด็นเริ่มต้น แต่ว่าจริงๆแล้วมีรายละเอียดที่ลึกไปกว่านั้น นั่นก็คือ ทุกอย่างมันเริ่มต้นที่หลังจากที่คนไทยเห็น Mazda 2 วางเครื่องดีเซลในต่างประเทศก็ทำให้คนไทยในโลกโซเชีบลพากันบ่นอยากได้ แน่นอนว่า Mazda คงฟังเสียงลูกค้า เลยคิดจะเอาเครื่องดีเซลเข้ามา แต่ก็มีปัญหาคือ ด้วยต้นทุนเครื่องดีเซลที่นับว่าแพงอยู่แล้วเพราะส่วนประกอบหลายชิ้น และที่ว่าโคตรแพงก็เพราะว่า แม้แต่อินเตอร์คูลเลอร์ของเครื่องดีเซลของเค้าก็ได้รับการจดสิทธิบัตรครั้งแรกในโลก และแน่นอนว่าถ้า Mazda คิดจะเอา 2 Diesel มาโดยไม่เข้าโครงการอะไรเลย ก็ต้องเสียภาษีเต็มอัตราที่ 30% และอาจจะทำให้มีราคาสูงถึง 850,000 บาท ดังนั้นทางเลือกสุดท้ายคือการเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์เฟส 2 ซึ่งเครื่องดีเซล 1.5 ลิตรของ Mazda 2 ก็เข้าเงื่อนไข ทำให้มันเข้าโครงการอีโคคาร์ 2 ได้และทำให้ราคามันดูเหมาะสมกว่าเดิมในระดับที่ควรจะเป็น และปัจจุบัน Mazda ต้องเสียภาษีในอัตราเฟส 1 คือ 17% ซึ่งในอนาคตพอโครงการอีโคคาร์เฟส 2 เริ่มเอาจริงในปีนี้ ก็จะทำให้อัตราภาษีของอีโคคาร์เฟส 2 เหลือ 14% ก็จะทำให้ราคาขาย Mazda 2 ถูกลงอีก และตอนนั้น Mazda อาจจะเพิ่มของเข้ามาอย่างไฟหน้าโปรเจคเตอร์ก็ได้ ใครจะรู้
อยากติดตามข่าวสารรถใหม่ อัพเดตเร็วทันใจ คุยสารพัดเรื่องรถ
กดไลค์แฟนเพจของ Cars New Update ด้านล่างได้เลยครับ!!!
กดไลค์แฟนเพจของ Cars New Update ด้านล่างได้เลยครับ!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย