ทั้งรุ่น XLT และ Wildtrak จะติดตั้งไฟหน้าแบบ HID พร้อมไฟ LED Daytime Running Lights ภายในโคม และใน Wildtrak จะมากับสีส้มโทนใหม่ Sabre Orange ซึ่งสีอ่อนลงจากสีส้มรุ่นก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ Ranger ทุกรุ่นจะได้ฝาท้ายที่ออกแบบให้ยกง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วย
ส่วนภายในห้องโดยสารยัง Ford ไม่มีการปล่อยภาพออกมาให้ชม แต่ทาง Ford ได้บอกว่าห้องโดยสารจะตกแต่งด้วยโทนสีดำ ซึ่งก็น่าจะมีการตกแต่งด้วยโครเมี่ยมและวัสดุสีเงินเพิ่มเติมด้วยนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม เรามีภาพของภายใน Ranger Wildtrak ที่ถูกแอบถ่ายได้มาให้ชมไปพลางๆก่อนครับ
ภาพจาก Paultan
ฟังก์ชั่นและสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ภายในรถนั้น แน่นอนว่าคราวนี้ Ford จะติดตั้งปุ่มสตาร์ทและกุญแจอัจฉริยะ Passive Entry ทั้งรุ่น XLT และ Wildtrak
ทางด้านระบบความปลอดภัย ก็มีการแนะนำระบบใหม่ ได้แก่ ระบบรับรู้เครื่องหมายจราจร Traffic Sign Recognition System , รวมทั้งระบบเบรกอัตโนมัติ Autonomous Emergency Braking System ที่สามารถตรวจจับคนเดินเท้าและพาหนะได้ และนอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Active Park Assist เหมือนที่อยู่ใน Ford Everest นั่นเอง
ในตลาดออสเตรเลียจะมีเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร ที่มากับพละกำลัง 160 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 385 นิวตัน-เมตร รวมทั้งเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 3.2 ลิตร พละกำลัง 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร
และอีกไฮไลต์สำคัญคือ การนำเสนอเครื่องยนต์ใหม่ เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร Ecoblue แบบในตัว Raptor ที่มีพละกำลัง 213 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ซึ่งเครื่องตัวนี้จะติดตั้งให้ทั้งรุ่น XLT และ Wildtrak ในออสเตรเลีย
นอกจากนี้แล้ว วิศวกรยังทำการปรับปรุงการคุณภาพการขับขี่และความแม่นยำของพวงมาลัย รวมทั้งปรับปรุงให้รถลดอาการโคลงตัวให้น้อยลงกว่าเดิมอีก ทาง Ford ไม่ได้บอกรายละเอียดมามากนักแต่ก็ได้บอกไว้ว่า การปรับปรุงครั้งนี้จะไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการลากจูงหรือการบรรทุกของรถอย่างแน่นอน
สำหรับชาวไทยที่รอคอย Ford Ranger Minor Change คาดว่าช่วงกลางปีนี้น่าจะมีการเปิดตัวในช่วงกลางปีนี้ และแน่นอนว่าชาวไทยก็จะไม่พลาดที่จะได้ใช้เครื่องตัวใหม่ด้วย สาวกวงรีรอติดตามได้เลย..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย