ค่ายโบว์ไทน์ Chevrolet ของแดนลุงแซมได้ฤกษ์เผยโฉมอเนกประสงค์รุ่นใหม่ All-New Chevrolet Blazer ถือเป็นการนำชื่อนี้กลับมาใช้อีกครั้งในรอบ 2015 หลังจากเคยมี SUV รุ่นหนึ่งของค่ายอย่าง Chevrolet S-10 Blazer ที่เลิกทำตลาดไปเมื่อปี 2005
เห็นชื่อแบบนี้โปรดอย่าเข้าใจผิดว่ารถจะมาขายแทน Chevrolet Trailblazer นะครับเพราะรุ่นนี้ไม่ใช่โครงสร้างบอดี้ออนเฟรมแบบ Trailblazer แต่เป็นรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์สายเลือดใหม่ที่ต้องการมาเติมเต็มช่องว่างระหว่าง Chevrolet Equinox (รถที่มาแทน Captiva ในต่างประเทศ) และ Chevrolet Traverse (อเนกประสงค์รุ่นใหญ่ขนาด 7 ที่นั่ง)
การออกแบบภายนอกของรถค่อนข้างมีความดุดันและเกรี้ยวกราดด้วยดีไซน์ด้านหน้าที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Chevrolet Camaro SS โฉมล่าสุด โคมไฟหน้าแบบ HID ที่ออกแบบให้เชื่อมติดกับไฟหน้า ออกแบบเสา A เป็นสีดำ พร้อมดีไซน์ให้หลังคาลอย หรือ Floating Roof ในช่วงท้ายรถ เส้นสายบนตัวถังออกแบบให้ดูมีมิติและมัดกล้าม ทางด้านไฟท้ายก็จะเป็นไฟแบบ LED ทรงสวย และท่อไอเสียคู่แยกซ้าย-ขวา สำหรับตัวเลือกล้ออัลลอยจะมีให้ตั้งแต่ 18-21 นิ้ว
Chevrolet Blazer จะมี 3 รูปแบบการตกแต่งภายนอก ได้แก่ Base , Premier และ RS โดยรุ่น Premier จะเน้นการตกแต่งภายนอกด้วยโครเมียม ส่วนรุ่น RS จะดุดันด้วยกระจังหน้าสีดำ
ภายในห้องโดยสารได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบมาจาก Camaro ทำให้มีความสวยงามและโดดเด่นอีกทั้งยังตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง โดยภายในรองรับผู้โดยสารได้ 5 คน เบาะหลังสามารถเลื่อนไปข้างหน้าหรือด้านหลังในระยะ 5.5 นิ้ว เพื่อเพิ่มพื้นที่วางขาหรือเพิ่มพื้นที่จุดสัมภาระด้านท้ายได้
จุดเด่นสำคัญของ Blazer คือการนำเสนอระบบ Chevrolet-one Cargo Management System ซึ่งเป็นระบบรางพร้อมที่กั้นเพื่อแบ่งสัดส่วนการเก็บของพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง ช่วยให้ของด้านหลังรถไม่กลิ้งไปกลิ้งมาขณะขับขี่
นอกจากนี้ Blazer ยังมีช่องเก็บของที่คอนโซลหน้าเปิดด้วยระบบอิเล็คทรอนิกส์ , Adaptive Cruise Control , กระจกมองหลังที่สามารถแสดงภาพกล้องมองหลังได้ ทั้งหมดนี้มีให้เลือกในรุ่น Premier และ RS เช่นเดียวกับระบบฝาท้ายรถแบบเตะเปิดและไฟส่องพื้นเป็นโลโก้โบว์ไทน์ ระบบชาร์จไฟไร้สาย และ พอร์ต USB 6 พอร์ต
ในส่วนของระบบอินโฟเทนเมนต์จะติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาดขนาด 8 นิ้ว พร้อมระบบ Chevrolet Infotainment 3 ที่รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 4G LTE และ Apple CarPlay และ Android Auto
เบื้องต้นเครื่องยนต์จะติดตั้ง 2 แบบ ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร 4 สูบแถวเรียง มากับพละกำลัง 193 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 255 นิวตัน-เมตร และ เครื่องเบนซิน 3.6 ลิตร V6 พละกำลังสูงสุด 305 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 365 นิวตัน-เมตร มากับเทคโนโลยี Start/Stop พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด โดยทางค่าบโบว์ไทน์อ้างว่าในรุ่น V6 สามารถรองรับการลากจูงได้ถึง 2,040 กิโลกรัมเลยทีเดียว
นอกจากนี้ Blazer ยังมีการติดตั้งระบบ Traction Select เอาไว้เลือกปรับโหมดการขับขี่ได้ตามต้องการในแบบเรียลไทม์ สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ยังมีระบบตัดการส่งกำลังไปยังเพลาหลังนั่นหมายความว่าลูกค้าสามารถเลือกขับขี่ในโหมดขับเคลื่อนล้อหน้าได้เมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในรุ่นท็อปสุด RS และ Premier จะมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Twin-Clutch AWD ซึ่งสามารถเรียกสมรรถนะรถได้ดีแม้บนถนนเปียกหรือพื้นหิมะจนไปถึงพื้นที่แห้งแล้ง
All-New Chevrolet Blazer จะเริ่มขายในตลาดสหรัฐฯช่วงต้นปี 2019 โดยราคาค่าตัวจะมีการประกาศช่วงปลายปีนี้ ส่วนเมืองไทยดูๆแล้วน่าจะหมดสิทธิ์ครับ
ที่มา Carscoops
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย