หลังจากมาทำตลาดเมืองไทยจวนจะเข้าปีที่ 4 แล้ว ภายในปีนี้ค่าย MG เตรียมเปิดตัวรถเล็กยอดนิยมของค่ายอย่าง MG3 Minor Change ในไทยภายในวันที่ 21 มิถุนายนนี้
แน่นอนว่ารูปโฉมของ MG3 Minor Change เวอร์ชั่นเมืองไทยคงไม่แตกต่างจากเวอร์ชั่นจีน โดยในส่วนของด้านหน้าจะมีการออกแบบใหม่ทั้งหมด ยึดตามแนวการออกแบบยุคใหม่ของ MG นั่นเอง ดีไซน์ไฟหน้าและกระจังหน้าจะคล้ายคลึงกับ MG (เป็นดีไซน์ที่หลายๆคนทักว่าเหมือนแบรนด์ญี่ปุ่นบางค่าย)
ด้วยความเป็นรุ่น Minor Change (เรียก Big Minor Change เลยน่าจะดีกว่า) โครงสร้างตัวถังอะไรต่างๆก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ในส่วนด้านท้ายมีการออกแบบโคมไฟท้ายใหม่ให้ดูดียิ่งขึ้น ฝาท้ายออกแบบใหม่แทบทั้งดุ้นซึ่งทำให้ท้ายดูดีมิติมากขึ้น และยังมีปรับปรุงรายละเอียดกันชนท้ายใหม่ให้ดูดีขึ้นด้วย
ที่น่าสนใจคงจะเป็นภายในห้องโดยสารที่ยกเครื่องใหม่แทบทั้งหมดไม่เหลือเค้าเดิม ทำให้ดูมีความทันสมัยทัดเทียมคู่แข่งมากขึ้น เข้ามาก็จะพบกับพวงมาลัย 3 ก้านทรงใหม่เหมือน MG ZS ช่องแอร์ด้านคนขับและผู้โดยสารยกมาจาก ZS ช่องแอร์ตรงกลางออกแบบใหม่เป็นแนวตั้ง ออกแบบปุ่มแอร์ใหม่โดยแอร์มีให้เลือกทั้งแบบมือหมุนธรรมดาและอัตโนมัติ ปุ่มต่างๆบนคอนโซลถูกจัดวางให้ใช้งานง่ายขึ้น รออกแบบหัวเกียร์และฐานเกียร์ใหม่ให้ดูดีกว่าเดิม และยังมีการออกแบบทรวดทรงเบาะนั่งใหม่ให้ดูดียิ่งขึ้น
MG3 Minor Change จะได้ระบบอินโฟเทนเมนต์พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ซึ่งในเวอร์ชั่นจีนจะสามารถรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay หรือ Bluetooth และมีระบบนำทาง ระบบเชื่อมต่อ 4G/Wifi ในรุ่นท็อปด้วย ส่วนเมืองไทยนั้นยังไม่ทราบว่าจะทำให้ระบบรองรับ Apple CarPlay หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ระบบ I-SMART แบบใน MG ZS ต้องมาแน่นอน ว่ากันว่าจะติดตั้งระบบนี้ให้เฉพาะรุ่นท็อปสุดเท่านั้น
ทางด้านขุมพลังนั้นคาดว่าน่าจะมากับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร พละกำลัง 117 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตรที่ 4,500 รอบ/นาที บล็อกเดียวกับ MG ZS และเปลี่ยนระบบส่งกำลังจาก "เกียร์อัตโนมัติแบบ Selematic" เป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดแบบเดียวกับ MG ZS
ระบบความปลอดภัยนั้น ในเวอร์ชั่นจีนจะมีดังนี้ ซึ่งก็ต้องรอดูว่าในไทยจะได้ประมาณนี้หรือไม่
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบเสริมแรงเบรก BAS
- ระบบควบคุมการทรงตัว
- ระบบป้องกันการลื่นไถล
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
- ระบบเตือนแรงดันลมยาง
- ถุงลมนิรภัย 6 ใบ
- กล้องมองภาพด้านหลังและสัญญาณกะระยะ
สำหรับราคาค่าตัวนั้นน่าจะมีการเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน แต่ราคาจะอยู่ที่เท่าไหร่นั้นยังไม่ทราบ ต้องรอติดตามตอนเปิดตัวครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย