รูปโฉมภายนอกไม่ได้ต่างจากไทยเท่าไหร่นัก การเปลี่ยนแปลงหลักๆภายนอกก็จะมีไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟ DRL LED ภายในโคม ไฟตัดหมอกแบบ LED , ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วลายใหม่เหมือนบ้านเราเป๊ะๆ (สำหรับรุ่นรองและท็อป) แต่จุดที่แตกต่างก็คือ อินเดียจะมีหลังคาซันรูฟมาให้ (มีตั้งแต่รุ่นก่อน Minor Change แล้ว) และไฮไลต์ที่คนไทยหลายคนน่าจะแอบอิจฉาเลยคือ ไฟท้ายใหม่แบบ LED ที่เมืองไทยไม่ได้ติดตั้งมาให้ และสเกิร์ตด้านหลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
ภายในห้องโดยสารจะตกแต่งด้วยโทนสีดำและเบจ ในรุ่นบนๆจะติดตั้งชุดหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทางด้วยดาวเทียม (Satellite Navigation) , ระบบการจดจำเสียง (Voice Recognition) และ MirrorLink นอกจากนี้ในชุดระบบอินโฟเทนเมนต์ยังมีหน่วยความจำ 1.5 GB มาให้ และมีระบบการเชื่อมต่อ Wi-Fi อีกด้วย ส่วนมาตรวัดและปุ่มสตาร์ทก็จะเปลี่ยนแปลงคล้ายคลึงกับของไทย
การเปลี่ยนแปลงส่วนอื่นก็เวอร์ชั่นอินเดีย ก็จะมีแดชบอร์ดที่มีผิวสัมผัสนุ่มและมีผิวตะเข็บปลอมมาให้ ติดตั้งไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารใหม่ และไฟ LED ภายในห้องโดยสาร ที่ขาดไม่ได้เลยคือระบบปรับอากาศด้านหลัง (ที่อินเดียมีมาตั้งแต่รุ่นก่อนแล้ว)
สำหรับขุมพลังในเวอร์ชั่นอินเดียจะมากับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร i-VTEC พละกำลัง119 แรงม้า และเครื่องยนต์ดีเซล I-DTEC พละกำลัง 100 แรงม้าเหมือนเดิม ในรุ่นดีเซลนั้นมีการติดตั้งวัสดุซับเสียงเพื่อลดเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือน รุ่นเบนซินส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีดหรือเกียร์อัตโนมัติ CVT ในขณะที่รุ่นดีเซลมีเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เบนซินเกียร์ธรรมดา เบนซินเกียร์อัตโนมัติ และดีเซลมีอัคราสิ้นเปลืองที่ 17.4 กม./ลิตร, 18 กม./ลิตรและ 25.6 กม./ลิตรตามลำดับ
สำหรับราคาของ Honda City Minor Change เวอร์ชั่นอินเดียเริ่มต้นที่ 1,164,990 รูปี หรือประมาณ 609,861 บาท จนไปถึงรุ่นท็อป 1,356,990 รูปีหรือประมาณ 710,372 บาท
ที่มา Honda India / Indianautosblog
ที่มา Honda India / Indianautosblog
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย