ภายนอกของรถมีการออกแบบให้ดุดันกว่า E-Class Wagon รุ่นธรรมดา ตัวถังถูกขยายขนาดให้กว้างขึ้น 1.1 นิ้ว มากับโป่งซุ้มล้อที่ดูกว้างขึ้นรองรับระยะแทร็คที่มากกว่าเดิมและล้อขนาดใหญ่ กระจังหน้าทรงใหม่ พร้อมชุดกันชนหน้าที่ดุดันกว่าเดิม รวมไปถึงกันชนด้านท้ายที่มากับท่อไอเสียโครเมียม 4 ท่อ (ข้างละ 2 ท่อ)
ภายในห้องโดยสารตกแต่งให้ดูสปอร์ตดุดันขึ้นโดยมีการใช้วัสดุ Carbon-Fibre ตกแต่งรอบคันรถ พวงมาลัยมากับทรงใหม่ที่ดูสปอร์ตขึ้น ติดตั้งชุดหน้าจอแสดงผลแบบดิจิตอลขนาดใหญ่ นอกจากนี้เบาะหลังของรุ่นนี้ยังสามารถปรับเอนขึ้น 10 องศาเพื่อเพิ่มพื้นที่วางของด้านหลัง และยังสามารถพับได้แบบ 40:20:40 ด้วย
Mercedes-AMG E63 Wagon จะทำการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4.0 ลิตร V8 Bi-Turbo มากับพละกำลัง 571 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 750 นิวตัน-เมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดที่ 250 กม./ชม.
สำหรับรุ่น E63 S จะยกระดับความแรงขึ้นอีก เครื่องยนต์เบนซิน 4.0 ลิตร V8 Bi-Turbo เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือพละกำลัง 612 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.5 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดที่ 250 กม./ชม.เช่นกัน แต่ในเวอร์ชั่นอเมริกาจะถูกปลดล็อคจนมีความเร็วถึง 290 กม./ชม.
ทุกรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด Speedshift MCT พร้อมฟังก์ชั่น Double-Clutching เป็นมาตรฐาน นอกจากนี้ทุกรุ่นยังติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC+ มาให้ สำหรับรุ่น E63 S จะมีความพิเศษคือจะมีระบบ Drift Mode ที่จะส่งกำลังไปที่ล้อหลังของรถ
นอกจากนี้ Mercedes-AMG E63 Wagon จะมีการติดตั้งระบบพวงมาลัยแบบ Speed-Sensitive Sports Steering จานเบรกขนาดใหญ่ (มีจานเบรกแบบเซรามิกคอมโพสิตให้เลือกเป็นออปชั่น) รวมตั้งติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบ Air Suspension พร้อมสปริงแข็ง และช่วงล่างแบบ Continuously Variable Damping
Mercedes-AMG E63 Wagon จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งในงาน Geneva Motor Show 2017 ช่วงเดือนมีนาคมครับ
ที่มา Carscoops
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย