Ford Ranger Raptor ถือเป็นกระบะสมรรถนะสูงหนึ่งเดียวในกลุ่มคู่แข่งระดับเดียวกัน เนื่องจากว่ายังไม่คู่แข่งรายใดที่ทำตลาดรถในลักษณะนี้มาก่อน นับว่าเป็นครั้งแรกเลยที่ Ford มาบุกตลาดกลุ่มนี้ รถถูกออกแบบ ทดสอบและพัฒนาโดยทีม Ford Performance (คล้ายๆแผนก AMG ของ Mercedes-Benz หรือแผนก M ของ BMW) และได้ผ่านการทดสอบการขับขี่มาอย่างหนักหน่วงทีเดียวเพื่อเอาใจคอกระบะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคโดยเฉพาะ
แน่นอนว่ารถถูกสร้างขึ้นภายใต้พื้นฐานของ Ford Ranger (T6) เหมือนเดิม แต่ได้มีการออกแบบแซสซีส์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นโดยแซสซีส์ทำมาจาก High-strength Low-alloy (HSLA) หลายเกรดด้วยกัน ขนาดตัวถังถือว่ามีขนาดที่โตขึ้นกว่ารุ่นปกติพอสมควรอีกทั้งยังเสริมความแข็งแกร่งเป็นพิเศษด้วย โดยมีขนาดความยาว 5,398 มิลลิเมตร กว้าง 2,180 มิลลิเมตร และสูง 1,873 มิลลิเมตร (เทียบกับ Ranger Wildtrak ตัวปัจจุบันถือว่ายาวขึ้น 36 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 13 มิลลิเมตร สูงขึ้น 58 มิลลิเมตร) ระยะความสูงจากพื้นรถอยู่ที่ 283 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้น 53 มิลลิเมตร) ออกแบบให้รถมีมุมไต่ 32.5 องศา มุมคร่อมและมุมจาก 24 องศาเท่ากัน
รูปลักษณ์ภายนอกถือว่ามีดีไซน์ที่ได้กลิ่นอายจาก F-150 Raptor มากพอสมควร ด้วยกระจังหน้าทรงใหม่สีดำ ไฟหน้าทรงเดิมที่มาพร้อมกับไฟ LED Daytime Running Lights ภายในโคม กันชนหน้าแบบ 2 ชั้นสีดำที่มีดีไซน์คล้ายคลึงกับ Ranger เวอร์ชั่นอเมริกา ติดตั้งแผ่นกันกระแทกสีเงินใต้กันชน ซุ้มล้อด้านข้างยังถูกออกแบบให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและติดตั้งโป่งล้อสีดำรอบคัน ด้านข้างมากับกระจกมองข้างสีดำ และบันไดข้างดีไซน์ใหม่
เช่นเดียวกับกระบะท้ายที่ออกแบบซุ้มล้อใหม่ให้ใหญ่โตกว่าเดิม ต่อเนื่องไปถึงด้านท้ายที่ติดตั้งโลโก้ Ranger สีดำด้านซ้ายและโลโก้ Raptor สีดำด้านขวาฝาปิดกระบะท้าย ออกแบบกันชนท้ายใหม่ที่เหมือนกับเวอร์ชั่นอเมริกา
ทางด้านล้อนั้นจะได้ล้ออัลลอยสีดำขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง BF Goodrich All-Terrain ขนาด 285/70 R17 ติดตั้งดิสก์เบรก 4 ล้อที่มีขนาดจานเบรก 332 มิลลิเมตร พร้อมกันนี้ยังติดตั้งโช้คอัพจาก Fox Racing Shox เหมือนที่ใช้ใน F-150 Raptor และพิเศษกับช่วงล่างด้านหลังแบบวัตต์ลิงค์และสปริงคอยล์โอเวอร์ช็อค
ภายในห้องโดยสารมีการตกแต่งให้ดูเท่ไม่แพ้ด้านนอก ออกแบบพวงมาลัย 4 ก้านใหม่พร้อมสัญลักษณ์ Raptor และยังมีแถบสีแดงที่บ่งบอกองศาการหมุนพวงมาลัยด้วย ชุดมาตรวัดใหม่ดีไซน์เฉพาะ Ranger Raptor การตกแต่งภายในเน้นการตัดเย็บด้วยด้ายสีน้ำเงิน เบาะนั่งหุ้มหนังผสมหนังแบบ Alcantara พร้อมโลโก้ Raptor บริเวณตัวเบาะ อีกสิ่งที่เพิ่มเข้ามาก็คือ ปุ่มสตาร์ท ซึ่งน่าจะเป็นครั้งแรกของกระบะ Ranger เลย หลังจากที่รอคอยมานานแสนนาน และยังมี Paddle Shift ที่พวงมาลัยมาให้ ระบบอินโฟเทนเมนต์ติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับระบบ SYNC3 ของ Ford
ไฮไลต์คือขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร Ecoblue แบบเทอร์โบคู่ มากับพละกำลังสูงสุดถึง213 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุดถึง 500 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดที่พัฒนาขึ้นโดย Ford และ GM
อีกหนึ่งความพิเศษก็คือ Ford Ranger Raptor จะมีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 6 แบบด้วยกัน โดยมีโหมดต่างๆดังนี้ - โหมด Normal ใช้ขับขี่ในชีวิตประจำวัน
- โหมด Street ใช้ในการขับขี่ทางเรียบที่ต้องใช้ความเร็ว
- โหมด Weather ใช้ในการขับขี่พื้นที่สภาพอากาศฝนตกหรือหิมะ
- โหมด Mud and Sand ใช้ในการลุยเส้นทางดินและทราย
- โหมด Baja ใช้ในการขับขี่ที่ใช้ความเร็วบนพื้นทราย
- โหมด Rock Crawl ใช้ในการขับขี่บนเส้นทางที่มีโขดหิน
สำหรับระบบความปลอดภัยเบื้องต้นก็มีมาให้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP), ระบบช่วยการทรงตัวขณะลากจูง (TSC), ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HLA), ระบบควบคุมน้ำหนักบรรทุกแบบแปรผัน Load Adaptive Control (LAC) , ระบบป้องกันรถพลิกคว่ำ (ROM) และอีกหลายระบบด้วยกัน
Ford Ranger Raptor จะมีให้เลือก 5 สีด้วยกัน เริ่มที่สีพิเศษเฉพาะ Ranger Raptor อย่างสีเทา Conquer Gre ตัดกับสีเทา Dyno Grey , สีฟ้า Lightning Blue , สีแดง Race Red , สีดำ Shadow Black และ สีขาว Frozen White
Ford Ranger Raptor จะผลิตที่โรงงานที่ประเทศไทยในจังหวัดระยอง และในขณะนี้ ยังไม่มีการประกาศราคาค่าตัวออกมา ซึ่งก็ต้องติดตามว่าเมืองไทยนั้นจะวางขาย Ranger Raptor ในช่วงไหนของปี (ตามการคาดเดาคิดว่าน่าจะอยู่ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้) แต่ที่แน่ๆอยู่ในปีนี้แน่นอน สาวกวงรีฟ้าต้องติดตาม!
รถกระบะที่ใหญ่สุด
ตอบลบ