วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561

Ford Ranger Raptor ประกาศราคาขายในไทย 1,699,000 บาท

  หลังจากที่ได้ทำการเปิดตัว Ford Ranger Raptor ครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา ล่าสุดทาง Ford ก็ได้ประกาศราคาจำหน่ายออกมาเรียบร้อยแล้ว โดยมีราคาอยู่ที่ 1,699,000 บาทและวางขายในรุ่นย่อยเดียว ผลิตที่โรงงาน Ford Thailand Manufacturing ที่จังหวัดระยอง

Ford Ranger Raptor ถูกสร้างขึ้นภายใต้พื้นฐานของ Ford Ranger (T6) เหมือนเดิม แต่ได้มีการออกแบบแซสซีส์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นโดยแซสซีส์ทำมาจาก High-strength Low-alloy (HSLA) หลายเกรดด้วยกัน ขนาดตัวถังถือว่ามีขนาดที่โตขึ้นกว่ารุ่นปกติพอสมควรอีกทั้งยังเสริมความแข็งแกร่งเป็นพิเศษด้วย โดยมีขนาดความยาว 5,398 มิลลิเมตร กว้าง 2,180 มิลลิเมตร และสูง 1,873 มิลลิเมตร (เทียบกับ Ranger Wildtrak ตัวปัจจุบันถือว่ายาวขึ้น 36 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 13 มิลลิเมตร สูงขึ้น 58 มิลลิเมตร) ระยะความสูงจากพื้นรถอยู่ที่ 283 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้น 53 มิลลิเมตร) ออกแบบให้รถมีมุมไต่ 32.5 องศา มุมคร่อมและมุมจาก 24 องศาเท่ากัน
  อุปกรณ์มาตรฐานภายนอกจะมากับไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ HID พร้อมไฟ Daytime Running Lights ภายในโคม , ไฟตัดหมอกแบบ LED , กระจังหน้าแบบพิเศษ Raptor , บันไดข้างอะลูมิเนียม , แผ่นกันกระแทกใต้ห้องเครื่องหนา 2.3 มิลลิเมตร , กันชนหน้าแบบรองรัยการกระแทกจากการขับออฟโรดความเร็วสูง , ชุดตะขอลากจูงคู่หน่าและหลัง , แก้มข้างรถแบบขยายกว้าง , คิ้วล้อ , ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ , ระบบปรับน้ำฝนอัตโนมัติ , กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว , ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ , ระบบช่วยผ่อนแรงที่ฝาท้ายกระบะ , พื้นปูกระบะท้าย และล้ออัลลอยลายพิเศษขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง All-Terrain BF Goodrich ขนาดยาง 285/70 R17


  ส่วนภายในห้องโดยสารก็จะติดตั้งพวงมาลัยแบบ Raptor ที่มีแถบสีแดงบอกองศาการหมุนพวงมาลัย , แป้น Paddle Shifter แบบแมกนีเซียม เบาะนั่งหุ้มหนัง Alcantara แบบโอบกระชับตัวโดยเบาะนั่งคนขับจะปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางได้ และยังมีเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางอีกด้วย ระบบปรับอากาศอัตโนมัติจะเป็นแบบแยกอิสระซ้าย-ขวา นอกจากนั้้นแล้วก็จะมีหน้าจอสีแสดงผลข้อมูลบนหน้าปัด 4 นิ้ว , กุญแจรีโมทและปุ่มสตาร์ท , ระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก , ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control , กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ , กระจกเปิด-ปิดสัมผัสเดียวด้านคนขับ และปลั๊กไฟ 230V 

 สำหรับระบบเครื่องเสียงของรถจะทำการติดตั้งเครื่องเล่น CD,MP3,USB 2 จุด พร้อมหน้าจอสัมผัสแบบ Multi-Touch ขนาด 8 นิ้วพร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth , ระบบอินโฟเทนเมนต์ติดตั้งระบบ SYNC3 ของ Ford ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto นอกจากนี้ยังมีลำโพง 6 ตัวและระบบนำทางมาให้ด้วย

   ขุมพลังจะติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร Ecoblue แบบเทอร์โบคู่ มากับพละกำลังสูงสุดถึง213 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุดถึง 500 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อม Paddle Shifter

   ทางด้านระบบแซสซีส์และระบบช่วงล่าง จะติดตั้งแซสซีส์พิเศษที่รองรับการขับขี่ออฟโรดความเร็วสูง , ระบบกันสะเทือนหน้าแบบปีกนกอะลูมิเนียม 2 ชั้นพร้อมโช้ค Fox Racing Shox แบบมีระบบบายพาสภายใน พร้อมด้วยเหล็กกันโคลง ส่วนระบบกันสะเทือนหลังแบบคอยล์โอเวอร์ช็อคพร้อมโช้ค Fox Racing Shox แบบมีซับแท็งค์และระบบบายพาสภายในพร้อมด้วยวัตต์ลิงก์ , พวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้า EPAS 

ระบบขับเคลื่อนจะเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Terrain Management System ที่มีโหมดการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่
- โหมด Normal ใช้ขับขี่ในชีวิตประจำวัน
- โหมด Street ใช้ในการขับขี่ทางเรียบที่ต้องใช้ความเร็ว
- โหมด Weather ใช้ในการขับขี่พื้นที่สภาพอากาศฝนตกหรือหิมะ
- โหมด Mud and Sand ใช้ในการลุยเส้นทางดินและทราย
- โหมด Baja ใช้ในการขับขี่ที่ใช้ความเร็วบนพื้นทราย
- โหมด Rock Crawl ใช้ในการขับขี่บนเส้นทางที่มีโขดหิน
สำหรับระบบเฟืองท้ายก็จะทำการติดตั้งเฟืองท้ายแบบ Electronic Locking Rear Differential 

ทางด้านระบบความปลอดภัยจะมากับระบบดังต่อไปนี้
- ถุงลมนิรภัย 6 ใบ (คู่หน้า ด้านข้างและม่านถุงลมนิรภัย)
- กล้องมองหลังขณะถอยจอด
- ที่ล็อคฝากระบะท้าย
- ระบบช่วยเหลือฉุกเฉิน
- ระบบป้องกันล้อล็อค ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP
- ระบบควบคุมการลื่นไถล Traction Control
- ระบบช่วยออกตัวขณะอยูู่บนทางลาดชัน Hill Launch Assist (HLA)
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน Hill Descent Control
- ระบบควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง Trailer Sway Mitigation
- สัญญาณเตือนระยะด้านหลัง
- สัญญาณเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
- สัญญาณกันขโมยแบบ Volumetric
- ระบบกุญแจนิรภัย Immoblizer
- จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX

  สีตัวถังภายนอกมีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีเทา Conquer Grey , สีดำ Shadow Black , สีขาว Frozen White , สีน้ำเงิน Lighning Blue และสีแดง Race Red

      ทุกท่านสามารถไปชมโฉม Ford Ranger Raptor ได้ภายในงาน Bangkok Motor Show 2018 ในวันที่ 28 มี.ค. - 8 เม.ย. ที่อาคาร Challenger 1-3 อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย

Like Box