ดีไซน์ภายนอกไม่ได้ต่างจากรุ่นที่นำมาโชว์ภายในเมื่อปีที่แล้วเลย มาโชว์ยังไงขายจริงก็แบบนั้น แนวการออกแบบภายนอกยังคงแนวการออกแบบ Keen Look เหมือน Toyota รุ่นก่อนๆที่ผ่านมา ด้านหน้ามากับโคมไฟหน้าดีไซน์โฉบเฉี่ยว ในรุ่นไฮบริดจะได้โคมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ Bi-LED พร้อมไฟ LED Daytime Running Lights แบบ Light Guiding ในโคม ส่วนรุ่นเบนซินธรรมดาจะเป็นไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ฮาโลเจน ซึ่งมีไฟ DRL เช่นเดียวกัน
เส้นสายด้านข้างถือว่ามีความโฉบเฉี่ยวสวยงามใช้ได้ทีเดียว เส้นสายมาแนว Floating Roof ลากไปถึงฝาท้าย และสำหรับประตูท้ายจะมีมือจับประตูซ่อนไว้แถวๆเสา C-Pillar สำหรับการออกแบบท้ายนั้นจะมากับไฟท้ายแบบ LED ทรงสวย (รุ่นไฮบริดจะเป็นแบบ Full-LED) ทุกรุ่นจะได้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว 5 ก้าน
ขนาดมิติตัวถังภายนอกนั้น Toyota C-HR จะมากับความยาว 4,360 มิลลิเมตร กว้าง 1,795 มิลลิเมตร สูง 1,565 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้ออยู่ที่ 2,640 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 154 มิลลิเมตร
ภายในห้องโดยสารออกแบบให้มีความล้ำสมัยไม่แพ้ดีไซน์ภายนอกเลย ทุกรุ่นจะติดตั้งเบรกมือไฟฟ้า และระบบ Auto Brake Hold มาให้เป็นมาตรฐาน สำหรับรุ่น 1.8 Mid ขึ้นไปจะได้เบาะหนังพร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้าด้านคนขับ (Lumbar Support) สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความร็วอัตโนมัติ หรือระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกโซนซ้าย-ขวาก็มีมาให้ทุกรุ่นเช่นกัน และทุกรุ่นยังติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนต์ DVD หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB/HDMI/Micro SD Card รวมทั้งรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth ด้วย อีกไฮไลต์หนึ่งก็คือการติดตั้งระบบ T-Connect Telematics มาให้ในรุ่นไฮบริด ซึ่งฟังก์ชั่นในระบบ Telematics ของ Toyota จะมีดังนี้
* ค้นหาพิกัดรถพร้อมฟังก์ชั่น Parking Alert เตือนเมื่อรถเคลื่อนย้ายหรือถูกสตาร์ท
* สัญญาณ Wi-Fi ภายในรถ (Toyota Wi-Fi)
* แจ้งขอความช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชม. (SOS Emergency Service)
* ผู้ช่วยส่วนตัวในรถยนต์ (Operator Service)
สำหรับขุมพลังของ Toyota C-HR ในไทยจะมีทางเลือกทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่
- เครื่องยนต์เบนซิน 2ZR-FBE 4 สูบแถวเรียง 1.8 ลิตร พละกำลัง 141 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 177 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Shift Lock- เครื่องยนต์เบนซิน 2ZR-FXE DOHC 4 สูบแถวเรียง Atkinson cycle 1.8 ลิตร พละกำลังสูงสุด 98 แรงม้าที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 72 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 163 นิวตัน-เมตร แบตเตอรี่แบบนิกเกิลเมทัลไฮไดรต์ รวมกำลังทั้งระบบ 122 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT พร้อม Shift Lock
ระบบความปลอดภัยถือว่าค่อนข้างจัดมาครบทีเดียว โดยมีระบบดังต่อไปนี้
- ระบบป้องกันล้อล็อค ABS (Anti-lock Brake System)
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution)
- ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist)
- ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control)
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-start Assist Control)
- ไฟตัดหมอกหน้า (รุ่น 1.8 Mid ขึ้นไป)
- ไฟตัดหมอกหลัง
- เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบดึงรั้งกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ที่นั่ง
- เข็มขัดนิรภัยด้านหลัง ELR 3 จุด 3 ที่นั่ง
- ถุงลมเสริมความปลอดภัย ระบบ SRS (คู่หน้า/ด้านข้าง/ม่านด้านข้าง/หัวเข่าฝั่งคนขับ)
- จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISO-FIX and Top Tether)
- กล้องมองภาพขณะถอยหลัง
- ชุดซ่อมยางฉุกเฉิน
- ระบบแจ้งเตือนลมยาง (TPMS)
- สัญญาณเตือนกะระยะด้านหน้า ท้าย และที่มุมกันชน 8 จุด
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) (เฉพาะรุ่น HV Hi)
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) (เฉพาะรุ่น HV Hi)
- ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System) (เฉพาะรุ่น HV Hi)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Dynamic Radar Cruise Control (เฉพาะรุ่น HV Hi)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High Beams) (เฉพาะรุ่น HV Hi)
- ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ (Lane Departure Alert with Steering - Assist) (เฉพาะรุ่น HV Hi)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (เฉพาะรุ่น HV Hi)
- สัญญาณเตือนการโจรกรรม TDS
- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
- สีดำ ATTITUDE BLACK MICA
- สีบรอนซ์เงิน METAL STREAM METALLIC
- สีน้ำเงิน/หลังคาดำ BLUE METALLIC / BLACK ROOF (เฉพาะรุ่นไฮบริด) (เพิ่มเงิน 10,000 บาท)
- สีแดง/หลังคาดำ PREMIUM RED / BLACK ROOF (เฉพาะรุ่นไฮบริด) (เพิ่มเงิน 10,000 บาท)
- สีเขียว/หลังคาดำ RADIANT GREEN METALLIC / BLACK ROOF (เฉพาะรุ่นไฮบริด) (เพิ่มเงิน 10,000 บาท)
ราคาจำหน่ายของ Toyota C-HR มีดังนี้
- รุ่น 1.8 Entry ราคา 979,000 บาท
- รุ่น 1.8 Mid ราคา 1,039,000 บาท
- รุ่น HV Mid ราคา 1,069,000 บาท
- รุ่น HV Hi ราคา 1,159,000 บาท
ทุกท่านสามารถสัมผัสและทดลองขับ Toyota C-HR ได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูม Toyota ทั่วประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย