ภายหลังการเปิดตัว Ford Ranger Minor Change ปี 2018 เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ถือว่าสร้างความสนใจให้กับแฟนกระบะหลายๆคนพอสมควร ด้วยรูปทรงที่ถูกชะตาคอกระบะหลายๆคน อีกทั้งยังมากับเทคโนโลยีใหม่ๆหลายอย่างด้วยกัน มีรุ่นย่อยใหม่ๆแนะนำหลายรุ่น เราเลยนำเสนอเกี่ยวกับ 7 ประเด็นที่น่าสนใจของกระบะรุ่นนี้กันครับ
1. เพิ่มรุ่นย่อยใหม่ Limited
ไฮไลต์ที่น่าสนใจของ Ford Ranger Minor Change คงหนีไม่พ้นการแนะนำรุ่นย่อยใหม่ "Limited" ในไทย ซึ่งเป็นรุ่นย่อยที่มีขายในต่างประเทศ ในไทยก็เคยขายรุ่นย่อยนี้และตอนนี้ก็กลับมาอีกครั้ง โดยรุ่นย่อย Limited จะเป็นรุ่นที่มาเติมเต็มช่องว่างระหว่างรุ่น XLT และ Wildtrak เอาใจคนที่อยากได้ออปชั่นและระบบความปลอดภัยที่เหมือนรุ่น Wildtrak เกือบทั้งหมด แต่อยากได้รูปโฉมที่ดูเรียบง่ายไม่ต้องเสริมชุดแต่งเยอะ โดยอุปกรณ์มาตรฐานภายนอก ภายในและระบบความปลอดภัยที่เพิ่มเข้ามาจากตัว XLT จะมีดังนี้
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก- ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 265/60R18
- ไฟหน้า HID โปรเจคเตอร์
- ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
- ไฟวิ่งกลางวันแบบ LED
- ฝาท้ายผ่อนแรงแบบ Easy Lift
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน
- กุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกอิสระซ้าย-ขวา
- เบาะหนัง
- คอนโซลทำความเย็น Cool Box
- ระบบกุญแจ My Key
- หน้าจอข้อมูลบนหน้าปัดแบบสี TFT ขนาด 4.2 นิ้ว 2 จอ
- ระบบสั่งการด้วยเสียง SYNC3 ภาษาไทย
- จอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 8 นิ้ว
- รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto
- ช่องต่อ USB เพิ่มเป็น 2 จุด (ไม่มีช่อง AUX)
ระบบความปลอดภัย
- ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน Emergency Assist
- กล้องมองหลังขณะถอยจอด
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control
- ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA
- ระบบช่วยการทรงตัวขณะลากจูง TSC
- ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ROM
- สัญญาณกันขโมย
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา HDC (เฉพาะรุ่น 4x4)
- เฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิป (เฉพาะรุ่น 4x4)
ในรุ่นนี้ยังติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรพร้อม VG Turbo Intercooler กำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และอัตโนมัติ 10 สปีด มีจำหน่าย 4 รุ่นย่อย
- Open Cab 2.0 Turbo Limited 4x4 6MT ราคา 889,000 บาท
- Double Cab 2.0 Turbo Limited Hi-Rider 6MT ราคา 899,000 บาท
- Double Cab 2.0 Turbo Limited Hi-Rider 10AT ราคา 949,000 บาท
- Double Cab 2.0 Turbo Limited 4x4 10AT ราคา 1,029,000 บาท
นอกเหนือจากรุ่นย่อย Limited ที่น่าสนใจแล้ว รุ่น Raptor ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งผมเคยทำบทความไว้แล้ว ไปตามอ่านกันได้ตามนี้เลย 6 เรื่องน่าสนใจใน Ford Ranger Raptor
2. เครื่องบล็อกใหม่เล็กลง ภาษีถูกลงด้วย
ไฮไลต์ที่หลายคนจับตาตั้งแต่รถยังไม่เปิดตัวเมื่อนานมาแล้ว ก็คงจะเป็นเครื่องดีเซลบล็อกใหม่ตระกูล Panther ความจุ 2.0 ลิตร ที่มีพละกำลัง 2 ระดับ ได้แก่
- 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร
- 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร
เครื่องตัวนี้ไม่ได้มีแค่ตัวเลขแรงม้าที่มากกว่าตระกูล Puma ความจุ 2.2 และ 3.2 ลิตรเท่านั้น แต่ยังได้เปรียบในเรื่องการเสียภาษีประจำปีที่ถูกลงอีกด้วย
เมื่อคำนวณจากภาษีรถประจำปีตามสูตรดังนี้ (ไม่รวม พรบ.)
* 1-600 cc – cc ละ 50 สตางค์
* 601-1800 cc – cc ละ 1.50 บาท
* 1801 cc ขึ้นไป – cc ละ 4 บาท
จะพบว่าเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร จะเสียภาษีอยู่ที่ = (600 x 0.5) + (1,200 x 1.5) + (400 x 4) = 3,700 บาท
เครื่องยนต์ดีเซล 3.2 ลิตร จะเสียภาษีอยู่ที่ = (600 x 0.5) + (1,200 x 1.5) + (1,400 x 4) = 7,700 บาท
และเมื่อเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่เป็นดีเซล 2.0 ลิตร จะเสียภาษีอยู่ที่ = (600 x 0.5) + (1,200 x 1.5) + (200 x 4) = 2,900 บาท ถือว่าถูกลงไปเยอะทีเดียว
อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงก็ครั้งใหม่ก็คือ เกียร์อัตโนมัติลูกใหม่ 10 สปีด ที่ติดตั้งในรุ่น Raptor , Wildtrak , Limited รวมทั้งรุ่นฐานล้อสั้นขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งที่มาที่ไปของเกียร์ลูกนี้ก็คือ เป็นเกียร์ที่พัฒนาร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง General Motors (GM) โดยมีรหัสเกียร์ว่า 10R80 (Ford) หรือ 10L90 (GM) ถูกใช้ในรถหลายรุ่นมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Ford F-150 , Mustang หรือ Chevrolet Camaro เป็นต้น สำหรับใครที่กลัวปัญหาเกียร์พังเหมือนรุ่นอื่นๆในตระกูล Ford เท่าที่ดูในรุ่นรถที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ก็ยังไม่เจอข่าวปัญหาแต่อย่างใด ทั้งนี้ก็ต้องรอดูว่าเมื่อมาใส่ใน Ford Ranger แล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง
4. จัดเต็มออปชั่นและระบบความปลอดภัยเยอะสุดในกลุ่ม
ความดีงามอีกอย่างในกระบะ Ford Ranger ก็คือ การติดตั้งออปชั่นและระบบความปลอดภัยที่ถือว่าเยอะสุดในกลุ่มคู่แข่งเลยก็ว่าได้ ดังจะเห็นได้ใน Ford Ranger Wildtrak ที่มีการติดตั้งออปชั่นและระบบความปลอดภัยค่อนข้างจัดเต็มมากทีเดียว แม้ระบบบางอย่างจะติดตั้งแต่ Wildtrak ตัวท็อปเท่านั้น รุ่นที่มีออปชั่นรองๆลงมาเห็นจะเป็น Limited ซึ่งออปชั่นต่างๆรวมทั้งระบบความปลอดภัยขั้นสูงที่มีการติดตั้งและค่ายอื่นไม่ค่อยจะใส่มาให้กัน ก็จะมีประมาณนี้
- ฝากระบะท้ายผ่อนแรงแบบ Easy Lift (Toyota เหมือนจะมีขายเป็น Accessories)
- ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน Emergency Assist
- ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน AEB
- ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning System (Chevrolet มี)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Lane Keeping System (Chevrolet มีเป็นระบบช่วยเตือนเมื่อขับขี่รถออกนอกช่องจราจร Lane Departure Warning)
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ Auto High-Beam Control
ซึ่งระบบเหล่านี้แม้จะมีหลายคนมองว่า "ไม่จำเป็น" หรือ "ใส่มาก็ทำให้ราคาแพง เปลืองต้นทุนเปล่าๆ" แต่ผมกลับมองว่า การมีระบบเหล่านี้มันกลายเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในกลุ่มตลาด ถ้าจะทำให้เหมือนหรือเท่าๆชาวบ้านมันก็จะไร้จุดขาย มันเป็นการพัฒนาในทางที่ดีขึ้นซึ่งมันดีกว่าย่ำอยู่กับที่ไม่ใช่หรือครับ? ก็ต้องนำเก็บไปคิดครับ
และด้วยผลจากข้อ 4 นี้เอง เลยส่งผลให้ราคาแพงที่สุดในกลุ่มคู่แข่งด้วย โดยราคาค่าตัวของ Ford Ranger Double Cab 2.0 Bi-Turbo Wildtrak 4x4 10AT ซึ่งเป็นท็อปสุดในรุ่นปกติ มีราคาที่ 1,265,000 บาท และ Ford เองยังมีรุ่นที่แพงกว่านี้ก็คือ Ford Ranger Raptor ซึ่งเป็นกระบะสายลุยสมรรถนะสูง มากับค่าตัว 1,699,000 บาท แต่ไม่ได้ระบบความปลอดภัยขั้นสูงบางอย่างเหมือนใน Wildtrak แต่ไปแพงที่ระบบช่วงล่างและการปรับแต่งต่างๆรวมทั้งการคิดภาษีรถนั่นเอง
และเมื่อเทียบกับตัวท็อปในค่ายคู่แข่งนั้น ไล่ลงไปจนถึงรุ่นถูกสุดจะได้ดังนี้
- Toyota Hilux Revo Rocco Double Cab 2.8 4WD 1,189,000 บาท
- Mitsubishi Triton Athlete Double Cab 2.4 4WD 1,111,000 บาท
- Nissan Navara Sportech Double Cab 2.5 4WD 1,106,000 บาท
- Chevrolet Colorado Centennial Edition Double Cab 2.5 4WD 1,103,000 บาท
- Isuzu D-Max V-Cross Max 3.0 4WD 1,099,000 บาท
- Mazda BT-50 Pro 3.2 4WD 1,090,000 บาท
- Foton Tunland 2.8 4WD 826,200 บาท
- Tata Xenon Double Cab 150NX-Plore 4WD 709,900 บาท
6. มีเพิ่มรุ่น ก็มีตัดทอนรุ่นย่อยออกเหมือนกัน
- Open Cab 2.2 XLS 4x4 6MT
- Open Cab 2.2 XLT 4x4 6MT
- Open Cab 3.2 XLT 4x4 6MT
- Double Cab 2.2 FX4 Hi-Rider 6MT
- Double Cab 2.2 FX4 Hi-Rider 6AT
- Double Cab 2.2 XLT 4x4 6MT
- Double Cab 3.2 XLT 4x4 6MT
- Double Cab 2.2 WildTrak Hi-Rider 6MT
- Double Cab 2.2 WildTrak 4x4 6AT
7. กระบะตอนเดียวช่วงสั้นสเปคเทพ
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมกระบะหลายค่ายถึงทำกระบะตอนเดียวช่วงสั้นออกมาจำหน่าย ทั้งๆที่ไม่มีใครสนใจจะซื้อมากนัก บรรทุกก็ไม่เยอะเท่ากระบะท้ายยาวๆ รถเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวโยงกับรถอเนกประสงค์ SUV กระบะดัดแปลง หรือที่เรียกกันชินปากว่า PPV ก็เพราะว่ามีข้อกฎหมายบางอย่างบังคับให้ผลิตออกมาเพื่อให้รถ PPV ของค่ายใช้สิทธิ์ในการส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มรถกระบะดัดแปลงได้หรือสามารถขายรถตามเงื่อนไขภาษีของ PPV ได้นั่นเอง แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม Isuzu ไม่มีรุ่นแบบนี้ออกมา
Ford เองก็เป็นหนึ่งในค่ายที่มีกระบะตอนเดียวช่วงสั้นขาย ซึ่งมีจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่นย่อย
- SWB 2.0 Turbo 4x2 6MT ราคา 589,000 บาท
- SWB 2.0 Bi-Turbo 4x4 10AT ราคา 799,000 บาท
- SWB 2.0 Turbo 4x2 6MT ราคา 589,000 บาท
- SWB 2.0 Bi-Turbo 4x4 10AT ราคา 799,000 บาท
ความพิเศษในกระบะตอนเดียวช่วงสั้นคันนี้ที่เกินหน้าเกินตารุ่นย่อยบางรุ่นก็คือการติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรบล็อกใหม่ แถมยังมีทางเลือกเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดอีกด้วย นอกเหนือจากนี้กระบะตอนเดียวช่วงสั้นนี้ยังใช้ช่วงล่างหลังแบบคอยล์สปริงเหมือนกับ Everest ไม่ใช่แหนบแบบกระบะทั่วไป ส่งผลให้ราคาค่าตัวนั้นสูงกว่าตอนเดียวแบบปกติ แต่ด้วยราคา 589,000-799,000 บาทก็ถือว่าถูกลงกว่าเดิมแล้ว เพราะรุ่นก่อนหน้านั้นราคาก็ปาไปถึง 949,000 บาท แต่เห็นราคาแบบนี้แล้ว มีลูกค้าหลายคนจ่ายเพื่อซื้อไปใช้งานหลายคันทีเดียว
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องน่าสนใจ 7 อย่างของ Ford Ranger Minor Change ที่แนะนำให้กับทุกท่านได้ชมกันครับ จริงๆยังมีอีกหลายอย่างที่น่าสนใจซึ่งท่านผู้อ่านคงต้องไปสัมผัสด้วยตัวเอง และอาจจะทดลองขับเพื่อจะได้ทราบถึงข้อดีและข้อเสียของตัวรถครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย