การออกแบบตัวรถนั้นไม่ได้มีความแตกต่างจากรถต้นแบบมากเท่าไหร่นัก แค่ปรับดีไซน์บางจุดให้มีความเป็นรุ่นจำหน่ายจริงมากขึ้น ด้านหน้าใช้แนวการออกแบบยุคใหม่ของ MG เหมือนที่พบได้ใน MG3 Minor Change / MG6 โฉมล่าสุด และ MG ZS โดยมากับโคมไฟทรงเรียวพร้อมกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่ออกแบบให้เชื่อมกับไฟหน้า ส่วนกันชนหน้านั้นมีการเปลี่ยนแปลงกรอบไฟตัดหมอกจากรถต้นแบบ ด้านข้างก็จะมากับกระจกมองข้างสำหรับเวอร์ชั่นจำหน่ายจริง
ด้านท้ายที่มากับไฟท้าย LED ที่รูปทรงไม่ต่างจากต้นแบบมากนัก ต่างแค่กันชนท้ายที่ปรับรายละเอียดใหม่เท่านั้น และด้วยตัวรถที่ใช้สีแดงบวกกับการออกแบบในหลายๆส่วนอย่างที่เห็นในรูป ทำให้หลายคนมองว่าคล้ายคลึงกับรถแบรนด์ญี่ปุ่นบางค่ายหรือไม่ก็คล้ายกับรถยุโรปชั้นนำหลายๆค่าย
เข้ามาแล้วจะพบกับชุดหน้าปัดแบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว และชุดระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอตรงกลางแบบลอยตัวคล้ายๆ BMW ขนาด 10.1 นิ้ว การจัดวางปุ่มบนคอนโซลค่อนข้างใช้งานได้ง่าย
ขุมพลังนั้นจะมีทางเลือกเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ พละกำลังสูงสุด 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร อีกทั้งยังมีโหมดการขับขี่ "Super Sport" (ปุ่มแดงๆบนพวงมาลัย) ให้เลือกใช้ และมากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
ทางด้านระบบความปลอดภัยนั้น ทางค่ายจะติดตั้งระบบเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Monitor , ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในเลน Lane Keep Assist , ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบรักษาระยะห่าง adaptive cruise control และ ระบบช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติ MG Pilot Driver
นี่เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น คงต้องรอการปล่อยข้อมูลเต็มๆต่อไป และรุ่นนี้ก็เป็นอีกคันที่น่าลุ้นให้เอามาขายในไทยเช่นเดียวกัน
ที่มา Carscoops
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย