ล่าสุดวันที่ 8 กันยายน ตามเวลาท้องถิ่นอังกฤษ Jaguar ก็ได้ถือฤกษ์ดีเปิดตัวซีดานรุ่นใหม่ Jaguar XE และแน่นอนงานนี้ Jaguar ลงทุนแบบสุดๆ เพราะ งานนี้ Jaguar ถึงกับต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ บรรทุกเจ้า XE รุ่น S คันสีแดงมายังสถานที่จัดงาน Earl Court ริมแม่น้ำเทมส์ ซึ่งตรงข้ามกับลอนดอนอายส์ แบ้วก็นำไปลงเรือตรวจการณ์ล่องมาตามลำน้ำพาขึ้นฝั่งที่เวทีกลางน้ำที่จัดไว้ ถือเป็นการเปิดตัวที่ไม่ธรรมดา ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ข้าพร้อมแล้วที่จะมาสู้ศึกตลาดพรีเมี่ยมคอมแพกต์ซีดานกันอีกครั้ง
รูปร่างหน้าตาของรถ ยังคงไว้ซึ่ง DNA ตามแบบฉบับเสือจากัวร์ครบถ้วนสมบูรณ์ มองๆแล้วอาจจะคิดว่านำเอา Jaguar XF มาย่อส่วนหรือเปล่า ไม่ใช่เรื่องแปลกครับถ้าจะเอาเส้นสายสวยๆจากรุ่นใหญ่ๆมาใส่รุ่นเล็ก มุมไฟหน้ารถมีหักงอนิดๆแอบมีกลิ่นอาย 3-Series ติดมานิดๆ ในรูปคือรุ่น XE S รุ่นระดับท็อปของซีดานคันนี้ กันชนหน้าออกแบบให้ดูสปอร์ตพร้อมช่องดักอากาศขนาดเขื่องด้านล่าง เส้นสายตัวรถเน้นแนวเรียบง่ายสบายตา บานประตูทั้งหน้าและหลังได้อิทธิพลมาจาก XF เต็มๆ แต่ดูเรียวๆและพลิ้วกว่า ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน Cd 0.26 ต่อเนื่องไปถึงด้านท้ายด้วยไฟท้ายทรงสวยงามที่เน้นเหลี่ยมสันมากกว่ารุ่นพี่ โดยรวมนั้นถือว่าสวยใช้ได้ และเตะตาเลยครับ โดยตัวรถมีสัดส่วนตัวถังยาว 4,672 มม. กว้าง 1,850 มม สูง 1,416 มม. และมากับฐานล้อยาว 2,835 มม. น้ำหนักตัวเปล่าโดยประมาณ 1,414 กก. ขึ้นไปครับ
แน่นอนว่าคอมแพกต์สปอร์ตซีดานระดับพรีเมี่ยมคันนี้ จะออกมาต่อกรกับคู่แข่งในตลาดที่มีดีกรีไม่ธรรมดาทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น BMW 3-Series,Mercedes-Benz C-Class และ Audi A4 เป็นต้น พื้นตัวถังตัวรถคันนี้นั้นทำจากอลูมิเนียม ซึ่งสามารถยืดหรือหดระยะฐานล้อได้ เพื่อให้ไปประยุกต์ใช้เป็นแพลตฟอร์มพื้นตัวถังของรถรุ่นอื่นๆได้หลายรุ่น ซึ่งจะรวมถึงรถเอสยูวีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากต้นแบบ C-X17 ที่จะคลอดในปีหน้าด้วยครับ เท่านั้นยังไม่พอ โครงสร้างตัวถังรถคันนี้ยังทำจากอะลูมิเนียมอัลลอย High Strength 6000-series alloy ให้ความทนทานและแข็งแรงสูง ขึ้นรูปโครงสร้างตัวถังแบบโมโนค็อก Jaguar XE ยังเป็นรถคันแรกในโลกที่ใช้อะลูมีเนียมอัลลอย RC 5754 ที่ผลิตขึ้นจากวัสดุ Recycle อันจะเป็นผลให้ Jaguar บรรลุเป้าหมาย การใช้วัสดุ Recycle มากถึง 75% ในปี 2020 ครับ
เข้ามาส่องภายในกันดีกว่า ซึ่งภายในออกแบบสไตล์เรียบง่ายสบายตา เน้นการใช้งานที่ง่ายและไม่ยุ่งยาก พวงมาลัยทั้งวงยกมาจาก Jaguar F-Type คอนโซลหน้ามีระบบ Infotainment คุณภาพเยี่ยมอยู่แล้ว เครื่องเสียงได้รับความร่วมมือจาก Meridian ระบบ InControl Remote functionality ช่วยผู้ขับขี่สามารถบังคับการทำงานอุปกรณ์ในรถผ่านแอปพลิเคชั่นบนมือถือรองรับทั้งระบบ ios และ android ทั้งนี้ยังสามารถปล่อย wi-fi hotspot เองได้ด้วย ช่องแอร์ทรงเย้ายวนใจ เบาะนั่งทรงสปอร์ตดูดี มีโทนสีให้เลือกทั้งแบบขาว-ครีม หรือ ดำ-แดง
มาดูที่ขุมพลังกันบ้างดีกว่า ด้านเครื่องยนตืนั้นจะมีขุมพลังให้เลือกทั้งเบนซินและดีเซล เริ่มที่เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Direct Injection พ่วง Turbocharger ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด
ตามด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว มากับพละกำลัง 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 Nm ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด และอาจมีเกียร์ธรรมดา 6 สปีดให้เลือก มากับอัตราสิ้นเปลืองจิ๊บๆแก่ 27 กม./ลิตร
และเครื่องยนต์เบนซินระดับท็อป ในรุ่น XE S มากับเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร 6 สูบ ตัวเดียวกับของ F-Type พละกำลัง 340 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 Nmที่ 4,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ภายใน 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
ระบบกันสะเทือนมากับแบบปีกนกคู่ในด้านหน้า ส่วนด้านหลังจะเป็นแบบ Integral Link ชิ้นส่วนปีกนกและจุดยึดบางอย่างทำจากอะลูมีเนียม เพื่อทำให้มีน้ำหนักเบา และมีสมรรถนะในเกาะถนนที่ดีเยี่ยม นอกจากนี้ เป็นครั้งแรกที่ Jaguarนำระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียนพร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า EPAS หรือElectric power steering มาใช้กับรถยนต์ของตน โดยประเดิมกับ XE เป็นรุ่นแรก ที่ Jaguar ยืนยันว่า ได้ปรับจูนพวงมาลัยให้มีการตอบสนองที่ดี และช่วยลดการจิบน้ำมันและลดการปล่อย CO2 ทางอ้อมได้ โดยยังไม่เสียบุคลิกการควบคุมแน่นอน
ในด้านระบบความปลอดภัยของรถ ค่าย Jaguar ก็ไม่น้อยหน้าค่ายรถไหนๆ ซึ่งเป็นครั้งแรกในโลกที่ Jaguar นำเอาระบบ All Surface Progress Control (ASPC) ที่พัฒนาขึ้นจากประสบการณ์ด้าน Off-Road จากทีมวิศวกรของ Land Rover ซึ่งมีหลักการทำงานคล้ายๆ Cruise Control ในความเร็วต่ำ
คือ ในขณะขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ตั้งแต่ 3.6-30 กม./ชม. ระบบนี้จะควบคุมการทำงานจะควบคุมการทำงานของระบบเบรก และระบบขับเคลื่อนเพื่อรักษาการยึดเกาะบนพื้นถนนในพื้นผิวเปียกลื่น ซึ่งพอมีระบบนี้คนขับแทบจะไม่ต้องใช้เท้าแตะเบรกให้เมื่อยเลยครับ นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยในเชิงการให้ข้อมูลอีก ได้แก่ - ระบบยิงความเร็วและภาพกราฟฟิคของระบบนำทาง ขึ้นบนกระจกหน้ารถ Laser head-up display (HUD)
- กล้อง Sterio camera ควบคุมการทำงานของระบบเบรกเองอัตโนมัติในภาวะฉุกเฉิน
- Autonomous emergency braking system
- ระบบล็อกความเร็ว Adaptive Cruise Control
- ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร
- ระบบเตือนรถที่แล่นตามมาด้านข้างก่อนจะเปลี่ยนเลน Lane departure warning และ blind spot monitoring
- ระบบเตือนรถหรือวัตถุที่แล่นมาทางด้านหลัง และยังมีอีกมากมาย
Jaguar XE จะเริ่มลงตลาดในช่วงปี 2015 แน่นอนครับ โดยประเดิมที่ตลาดอังกฤษในช่วงเดือนพฤษภาคมปีหน้า ในราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 27,000 ปอนด์ ส่วนเมืองไทยนั้นคิดว่าทาง City Automobile ไม่น่าพลาดที่จะนำเข้ามาให้คนไทยได้ขับแน่นอนครับ
แนะนำ ติชม พูดคุย ติดตามข่าวสารรถใหม่ฉับไวก่อนใครกับ Cars New Update ที่นี่!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย