วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

All-New Mazda CX-5 ทรงยังคล้ายเดิม เพิ่มเติมคือความสวยหรูประดุจรุ่นพี่

 เมืองไทยเพิ่งจะขาย Mazda CX-5 โฉมปัจจุบันที่ Minor Change ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้เอง แต่ในตลาดอเมริกานั้นได้ทำการเปิดตัว All-New Mazda CX-5 ซึ่งเป็นเจเนเรชั่นใหม่แล้วภายในงาน Los Angeles Auto Show 2016 

   ภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า โดยตัวรถยังคงพัฒนาภายใต้พื้นฐานของรุ่นเดิม จึงยังพอมีสัดส่วนที่ดูคล้ายๆรุ่นเดิมบ้าง แนวการออกแบบโดยรวมของรถนั้นจะนำเอาดีไซน์จากรถ SUV รุ่นพี่อย่าง CX-9 มาปรับใช้ โดยมากับชุดไฟหน้าทรงใหม่ที่ดูเรียวขึ้น กระจังหน้าขนาดใหญ่โตขึ้นพร้อมตะแกรงลายรังผึ้งที่ทำให้ดูสปอร์ต และแน่นอนว่ารถคันนี้ยังคงยึดติดแนวการออกแบบ Kodo Design อีกเช่นเคย

 แนวการออกแบบด้านข้างมีความคล้ายรุ่นเดิมอย่างมาก แต่มีการปรับเส้นสายตัวรถให้ตรงขนานกับพื้นตัวถัง พร้อมกันนี้ยังเพิ่มเติมขอบโครเมียมบริเวณกรอบประตูเพื่อเพิ่มเติมความหรูหรา ในส่วนของด้านท้ายจะมากับไฟท้ายใหม่ที่ดูเรียวกว่าเดิม และมีดีไซน์ที่ได้กลิ่นมาจากรุ่นพี่ CX-9 เช่นกัน

  ภายในห้องโดยสารออกแบบใหม่หมดและเน้นความหรูหรามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม มีการบุหนังและเดินด้ายตะเข็บจริงบริเวณคอนโซลหน้า มาพร้อมพวงมาลัย 3 ก้านชุดใหม่แบบเดียวกับ CX-9 บนหน้าปัดติดตั้งจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ขนาด 4.6 นิ้ว รวมทั้งติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วตำแหน่งการวางคล้ายคลึงกับรถหรู Mercedes-Benz รองรับการเชื่อมต่อ MZD Connect เช่นเคย และรองรับการเชื่อมต่อ Smartphone หลายรุ่น ระบบความบันเทิงเต็มอิ่มจากลำโพงคุณภาพ Bose 10 ลำโพง

   สำหรับขุมพลังนั้น ยังคงมีให้เลือก 3 เครื่องยนต์เช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน SkyActiv-G 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร รวมทั้งเครื่องยนต์ดีเซล SkyActiv-D 2.2 ลิตร ทุกขุมพลังสามารถเลือกระบบส่งกำลังได้ทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ส่วนระบบขับเคลื่อนก็จะมีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

   ทางด้านงานวิศวกรรมนั้น ทาง Mazda ได้ออกแบบให้ CX-5 โฉมใหม่นั้นมีความแข็งแรงและทนต่อการบิดตัวมากขึ้น 15.5% จากรุ่นเก่า อันเป็นผลจากการเสริมเหล็กทนแรงดึงสูงบริเวณเสา A และเสา B และนอกจากนี้ยังปรับปรุงแอโร่ไดนามิกของรถซึ่งส่งผลให้ตัวรถเก็บเสียงได้ดีขึ้น

   ทางด้านระบบความปลอดภัยนั้น Mazda ได้ทำการติดตั้ง Mazda Radar Cruise Control ,ระบบตรวจจับป้ายจราจร  Traffic Sign Recognition ซึ่งจะแสดงผลผ่านหน้าจอสีขนาด 4.6 นิ้ว และระบบ Torque Vectoring System ที่ช่วยควบคุมแรงบิดของรถโดยขึ้นกับการบังคับควบคุมพวงมาลัยและการขับขี่ของเรา

  สำหรับราคาค่าตัวนั้นยังไม่มีการประกาศออกมาตอนนี้ ส่วนเมืองไทยเราก็คงต้องรอให้มาเลเซียเปิดตัวก่อนและตามด้วยไทยที่จะนำเข้ามาขายครับ

ที่มา Carscoops
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย

Like Box