หลังจากที่มีการเปิดตัว Audi A6 ในโฉมซีดานและแวกอน (Avant) ไปแล้ว แน่นอนว่าอีกหนึ่งโฉมที่ขาดไม่ได้ก็คือ "Audi A6 Allroad" แวกอนสุดหรูที่ผสานความสามารถแบบออฟโรดกับการขับขี่ที่นุ่มนวลบนพื้นถนนยางมะตอย
แน่นอนว่า Audi A6 Allroad จะวางตัวเป็นคู่แข่งกับ Volvo V90 Cross Country และ Mercedes-Benz E-Class All-Terrain โดยรูปทรงภายนอกจะแตกต่างจาก Avant ด้วยการเสริมรอบตัวถังด้วยพลาสติกสีดำซึ่งช่วยกันกระแทก ยกตัวถังให้สูงขึ้น จะได้ล้อขนาด 18 นิ้วเป็นมาตรฐานและมีออปชั่นล้อให้เลือกจนถึงขนาด 21 นิ้ว
Audi A6 Allroad โฉมใหม่ยังมีการติดตั้งระบบช่วงล่างแบบถุงลมพร้อมโช้คอัพที่ปรับระดับได้มาให้เป็นมาตรฐาน และสามารถปรับความสูงของรถได้โดยขึ้นกับโหมดการขับขี่และความเร็วที่ใช้
ในขณะที่โหมด Auto และ Comfort ตัวรถจะมีระยะความสูงจากพื้น (Ground Clearance) อยู่ที่ 139 มิลลิเมตร แต่เมื่อตั้งค่าสูงสุดแล้วจะเพิ่มความสูงรถขึ้นอีก 45 มิลลิเมตรในความเร็วสูงสุดไม่เกิน 35 กม./ชม. เมื่อขับขี่เกิน 120 กม./ชม. ความสูงจะลดลง 15 มิลลิเมตร และหากเลื่อกโหมด Offroad จะเพิ่มความสูงตัวรถ 30 มิลลิเมตรจากความสูงมาตรฐานของตัวรถที่ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 80 กม./ชม.
นอกจากช่วงล่างถุงลมแล้ว แน่นอนว่าใน Audi A6 Allroad โฉมใหม่จะต้องติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro มาให้เป็นมาตรฐาน นอกจากนี้ผู้ขับขี่ยังมีตัวช่วยเมื่อขับขี่บนเส้นทางหฤโหด เช่น ระบบช่วยควบคุมรถขณะลงทางชัน (Hill Descent Control) และระบบช่วยเหลือเมื่อชับรถไต่ทางชัน (Tilt Angle Assist)
นอกจากนี้ Audi A6 Allroad ยังมีออปชั่นให้เลือกซื้อเพิ่มอีกนั่นคือ ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อแบบไดนามิก (Dynamic All-Wheel Steering) ซึ่งช่วยให้ล้อหลังหมุนได้ถึง 5 องศาในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อคู่หน้าที่ความเร็วสูงสุด 60 กม./ชม. ช่วยในการลดรัศมีวงเลี้ยวได้ และเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง ล้อหลังจะหมุน 2 องศาในทิศทางเดียวกับล้อหน้าเพื่อช่วยในประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน
ลูกค้าสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ 6 โหมด ได้แก่ Dynamic, Automatic, Comfort, Efficiency, Allroad และ Lift
ทางด้านขุมพลังนั้นจะมากับเครื่องยนต์ดีเซล TDI 3.0 ลิตรพร้อมเทคโนโลยี Mild Hybrid มีให้เลือก 3 ระดับกำลัง ได้แก่ 231 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร, 286 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตร และแรงสุด 349 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ทั้งหมดนี้จะส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดแบบ Tiptronic ค่าความแตกต่างของกีฬาซึ่งกระจายเอาต์พุตระหว่างล้อหลังเป็นทางเลือก นอกจากนี้ยังมีระบบเฟืองท้ายแบบ Sport ที่จะเน้นกระจายกำลังไปยังล้อหลังเป็นออปชั่นเสริมให้เลือกอีกด้วย
การตกแต่งภายในห้องโดยสารลูกค้าสามารถเลือกรูปแบบสีได้ 3 แบบ ได้แก่ สีดำ, สีเบจ Pearl Beige และสีน้ำตาล Okapi Brown หากเลือกภายในสีดำจะมากับเบาะผ้าผสมหนังสีดำเป็นมาตรฐาน ในขณะที่โทนสีเบจและสีน้ำตาลจะมากับเบาะหนัง Valcona พื้นผิวพรุน นอกจากนี้ยังมีออปชั่นเบาะแบบสปอร์ตตกแต่งด้วยหนัง Alcantara ผสมหนังแท้ซึ่งมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเทา Petrol Gray และสีดำ นอกจากนี้ยังมีหลังคากระจกแบบพาโนรามา ระบบควบคุมคุณภาพอากาศภายในรถ ฟังก์ชั่นการนวดสำหรับเบาะนั่งด้านหน้าและอีกหลายรายการ
A6 Allroad โฉมใหม่จะติดตั้งระบบ Infotainment แบบเดียวกับที่พบใน A6 และ A7 ซึ่งมากับจอขนาดใหญ่ถึง 10.1 นิ้วในรุ่นท็อปหรือ 8.6 นิ้วในรุ่นล่าง และยังมีหน้าปัดแบบดิจิตอล Audi Virtual Cockpit 12.3 นิ้วเป็นออปชั่นให้เลือกซื้อเพิ่ม
และเพื่อเฉลิมฉลอง 20 ของการกำเนิดรุ่นนี้ ยังมีรุ่นพิเศษ "20 Years Allroad" โดยมีสีตัวถังภายนอกให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเขียว Gavial Green, สีขาว Glacier White และสีน้ำตาล Soho Brown ติดตั้งล้อขนาด 19 นิ้วและมาพร้อมกับแพ็คเกจภายในที่ตกแต่งด้วยแต่งสีดำ เบาะนั่งแบบสปอร์ตสีดำตกแต่งด้วยหนังแท้และหนัง Alcantara และเสริมการตกแต่งภายในเพิ่มเติมด้วยวัสดุอะลูมิเนียม
All-New Audi A6 Allroad จะวางจำหน่ายในบางตลาดเท่านั้น โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 61,500 ยูโรในเยอรมนี (ประมาณ 2,152,000 บาทไทย ไม่รวมภาษี) สำหรับรุ่นมาตรฐาน ส่วนไทยคงไม่มีแผนนำรุ่นนี้มาขายครับ
ที่มา Carscoops
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย