สิ้นสุดการรอคอยแล้วเมื่อ MG Thailand ได้ทำการเปิดตัว MG ZS EV อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ถือเป็นอีกหนึ่งค่ายที่พร้อมบุกตลาดรถ EV และที่สำคัญคือ เปิดตัวด้วยราคาที่ถูกกว่าที่คาดไว้มาก โดยตั้งราคาไว้ที่ 1,190,000 บาท (จากที่เคยคาดไว้ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านบาท)
MG ZS EV ถือว่าเป็นรถรุ่นแรกของค่ายที่ใช้ขุมพลังแบบไฟฟ้าล้วนๆ และมีอัตราการปล่อยไอเสียเป็น 0 สิ่งที่แตกต่างจาก MG ZS รุ่นปกติก็คือ บริเวณโลโก้ที่มีเรืองแสงสีฟ้า และโลโก้ Netgreen บริเวณแก้มด้านข้างบ่งบอกถึงความเป็นรถพลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมากับล้ออัลลอยลายพิเศษขนาด 17 นิ้ว สำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ รวมทั้งแนะนำสีตัวถัง "สีฟ้า Copenhegen Blue" ด้วย และเมืองไทยมีสีนี้ให้เลือกเพียงสีเดียวเท่านั้น
ส่วนภายในห้องโดยสารมีการออกแบบและตกแต่งใหม่ให้ดูหรูขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจะแตกต่างจากรุ่นปกติ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของชุดหน้าปัดวัดความเร็วที่จะมาพร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี ออกแบบหน้าจอสัมผัสตรงกลางใหม่ขนาด 8 นิ้ว บริเวณฐานเกียร์เปลี่ยนจากหัวเกียร์เป็นปุ่มหมุนแทน ติดตั้งระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติพร้อมระบบกรองอากาศที่ช่วยกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ได้ นอกจากนี้ยังมีช่องเก็บของขนาดใหญ่และมีที่พักแขนตรงกลางมาให้ รวมทั้งมีการบุนุ่มบนคอนโซลและเดินด้ายตะเข็บจริงเสริมความหรูหรามากขึ้น
ขุมพลังของรถจะใช้มอเตอร์ซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnet Synchronous Motor) พละกำลังสูงสุดที่ 150 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร โดยมีแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนขนาด 44.5 กิโลวัตต์ชั่วโมงในการจุพลังงาน สามารถวิ่งได้ระยะทาง 337 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้งตามมาตรฐาน NEDC (New European Driving Cycle) แต่ถ้าขับโดยใช้ความเร็วไม่มากอาจวิ่งได้ระยะทางสูงสุดเกิน 400 กิโลเมตร
MG ZS EV สามารถลุยน้ำได้ในความลึก 40 ซม. โดยแบตเตอรี่ยังคงทำงานได้ตามปกติ ชุดแบตเตอรี่ยังมีระบบการปกป้องแบตเตอรี่แบบ 360 องศาที่มาพร้อมกับระบบจัดการอุณหภูมิอัจฉริยะซึ่งส่งผลให้ระบบการทำงานต่างๆยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเดิมแม้จะอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำหรือสูงก็ตาม สำหรับโหมดการขับขี่นั้นจะมีให้เลือก 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ Eco, Normal และ Sport เท่านั้นยังไม่พอ แบตยังมีระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ที่ช่วยในการนำพลังงานที่ใช้ในระหว่างการขับขี่ชาร์จกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ (Regenerative) ได้ด้วย
สำหรับระบบการชาร์จไฟแบตเตอรี่จะมีทั้งหมด 2 ทางเลือกด้วยกัน ได้แก่
1. การชาร์จไฟแบบธรรมดา (Normal Charge) โดยชาร์จผ่านชุดชาร์จ MG Home Charger จะใช้เวลาชาร์จจนเต็มภายในเวลา 6.5 ชั่วโมง
2. การชาร์จไฟแบบเร็ว (Quick Charge) โดยชาร์จผ่านสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะ (Public Charging Station) ใช้เวลาชาร์จจนถึง 80% ในเวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้น
ทางด้านระบบความปลอดภัยถือว่าค่อนข้างจัดเต็มมากทีเดียว โดยประกอบด้วย
- ระบบป้องกันล้อล็อค ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA
- ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
- ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
- จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
- เข็มขัดนิรภัยแถวหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
- ถุงลมนิรภัยด้านข้างและม่านถุงลมนิรภัย
- กล้องมองหลัง
- สัญญาณเตือนกะระยะถอยหลัง
- กุญแจนิรภัยแบบ Immoblizer และสัญญาณกันขโมย
- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรคค้าง (Auto Vehicle Hold)
- รเะบบเบรคมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
- โครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาด้านข้าง (Blind Spot Detection)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบ เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (Intelligent High-Beam Control)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control : ACC)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง (Forward Collision Warning : FCW)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ (Traffic Jam Assist)
- ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (Lane Departure Warning)
- ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในเลน (Lane Keep Assist)
- ระบบช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกเลน (Lane Departure Prevention)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist)
และด้วยได้รับสิทธิประโยชน์ตามข้อตกลงทางการค้าระหว่างจีนและอาเซียนทำให้เสียภาษีนำเข้าในพิกัด 0% และแม้จะต้องเสียภาษีสรรพสามิตในอัตรา 8% ก็ยังสามารถทำราคาได้ถูกกว่าเจ้าอื่นๆ ทำให้ตอนนี้ MG ZS EV กลายเป็น "รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ถูกที่สุดในไทย" เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และสำหรับใครที่กังวลว่าหากซื้อรถไฟฟ้าล้วนไปใช้ กลัวจะมีปัญหาเรื่องการหาที่ชาร์จ ล่าสุดทาง MG Thailand ได้ลงนามความร่วมมือกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เพื่อติดตั้งสถานีชาร์จไฟ EA anywhere ให้กับโชว์รูมของ MG ทั่วประเทศและยังลงนามความร่วมมือกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) รวมทั้งเจรจากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อติดตั้งจุดชาร์จไฟอีกด้วย
MG ZS EV จะนำไปโชว์ตัวต่อสาธารณะชนภายในงาน Fast Auto Show 2019 ตั้งแต่วันที่ 26-30 มิ.ย. นี้ และจะเริ่มลงโชว์รูมตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. เป็นต้นไป และพร้อมส่งมอบรถล็อตแรก 300 คันไปยังโชว์รูมเพื่อส่งให้กับลูกค้าที่ทำการสั่งซื้อต่อไป สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถ 1,000 คันแรก จะได้รับเครื่องชาร์จไฟ MG Home Charger มูลค่า 45,000 บาท พร้อมฟรีค่าติดตั้งอีก 20,000 บาท, รับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และ รับประกันคุณภาพรถยนต์นาน 4 ปี หรือ 120,000 กม.
นับว่าเป็นการมาที่ค่อนข้างสนใจไม่น้อย และยิ่งราคาถูกกว่าเจ้าอื่นหลายขุม ก็อาจจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องจัดการกับเรื่องบริการหลังการขาย เรื่องอะไหล่ เรื่องการบำรุงรักษาให้ดีๆด้วย
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย