ดังนั้นในบทความเรื่องนี้เราจะมานั่งวิจารณ์และคอมเม้นต์ติชมเกี่ยวกับรถซีดานหรูเจ้าตลาดอย่าง Toyota Camry ที่เพิ่งทำการปรับออปชั่นไปเพื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งดูๆแล้วมันก็ไม่ได้เพิ่มอะไรมากมายเลย และที่สำคัญคือมีการปรับราคาลดจากในรุ่น 2.0 G ไป 20,000 บาท แต่สิ่งของที่ได้มาก็ยังไม่เท่าคู่แข่ง ซึ่งก็คงต้องอาศัยบารมีความเป็น Toyota หรือบางศูนย์บริการก็ให้ส่วนลดกันทีเป็นเรือนแสน และใช้ความเกรียนกระตุ้นโฆษณาไฮบริด 6 ล้านคันไปก่อน
อ้า! ได้เวลามาเริ่มคอมเม้นต์กันแล้ว เริ่มที่หน้าตากันก่อนเลย เรื่องหน้าตาเนี่ย จะว่าไปแล้ว ความประทับใจแรกที่ผู้เขียนนั้น ถือว่ามันเป็นรถเก๋งที่มีหน้าตาค่อนข้างหรูใช้ได้เลยทีเดียว แม้แแม่ผู้เชียนยังชอบ และสนใจกับเจ้าคันนี้เอามากๆ และชื่นชมกับความหรูและมีระดับของมัน ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็หรูจริงครับ ซึ่งรูปลักษณ์อาจจะดูไม่หวือหวาและดูธรรมดาไปหน่อย แต่จุดนี้มันทำให้รถ Toyota มองได้นาน และเป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้เลยก็ได้ ที่ชอบทำรถแบบไม่หวือหวาเกิน ว่ากันง่ายๆ ไม่ได้สวยมากแต่มองได้นาน ไฟหน้าทุกรุ่นสามารถปรับระดับสูงต่ำได้ เพียงแค่ตัว Hybrid จะเป็นไฟ LED รมดำ ส่วนตัวธรรมดาจะเป็นไฟหน้า HID ล้ออัลลอยมีให้เลือกแบบ 16-17 นิ้ว โดยรวมนั้นถือว่าหรูหราใช้ได้เลยละ
ระบบเครื่องเสียงนั้นในรุ่น 2.5 G,2.5 HV DVD และ 2.5 HV Navi จะมีเครื่องเล่น DVD ครบเครื่อง ส่วนระบบนำทางสงวนสิทธิ์เฉพาะตัวท็อป และความเลวร้ายในตัวท็อปนั่นก็คือลำโพง JBL 10 ตัว ซึ่งผู้เขียนอ่านออปชั่นในใบโบรชัวร์ เคยชมว่าแม่เจ้าให้ลำโพงมาตั้ง 10 ตัวแหน่ แต่ความคิดนั้นก็ต้องเปลี่ยนไปเพราะรีวิวของเว็บไซด์รถที่น่าเชื่อถือที่สุดอย่าง Headlightmag โดยพี่จิมมี่ เคยให้ความเห็นถึงเครื่องเสียง JBL ตัวนี้ประมาณว่า "มันโคตรห่วยแตกจนถึงขนาดต้องหาซื้อวิทยุธานินทร์มานั่งฟัง เสียงยังจะดีกว่าอีก" ซึ่ง Toyota คงจะเห็นลูกค้าทนกับตรงนี้ไม่ได้ เลยจัดการเปลี่ยนลำโพงใหม่เป็น 6 ตัวแทน ซึ่งเสียงน่าจะดีขึ้นกว่าไอ้ JBL 10 ตัวไม่มากก็น้อยครับ
และถึงแม้ว่า Toyota จะไม่มีแอร์ด้านหลังอย่างชาวบ่าน แต่ Toyota มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน ซึ่งสิ่งนี้แน่นอน มันสงวนสิทธิ์เฉพาะตัวท็อปเท่านั้นครับ แต่อย่างไรก็ตามก็อยากให้มีแอร์ด้านหลังเหมือนชาวบ้านเค้าหน่อยครับ รบกวนรุ่น Minor Change เพิ่มมาหน่อยก็ดีนะครับ ส่วนเรื่องความกว้างห้องโดยสารไม่ซีเรียสครับ เพราะภายในกว้างดีอยู่แล้ว
ต่อที่เรื่องเครื่องยนต์ดีกว่า เรื่องเครื่องยนต์นั้นมีให้เลือกถึง 3 ขุมพลังด้วยกัน เริ่มที่เครื่องยนต์ตัวเก่า 2.0 ลิตร VVT-i มากับพละกำลัง 148 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 190 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดแบบ Sequantial คือแบบว่าเครื่องมันก็เก่าแล้วอะนะครับ ยังเป็น VVT-i ธรรมดาอยู่เลย เกียร์ก็เก่าแล้ว น่าจะเปลี่ยนหน่อยนะ
อีกตัวหนึ่งก็คือ เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร Dual VVT-i มากับพละกำลัง 181 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 231 นิวตัน-เมตรที่ 4,100 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แบบ Sequantial
เครื่องตัวสุดท้ายก็คือเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร VVT-i พละกำลัง 160 แรงม้าที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตรที่ 4,500 รอบ/นาที ผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบมอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร 105 kW รวมกำลังทั้งระบบ 205 แรงม้า สำหรับระบบไฮบริดของ Toyota ก็นับว่าดีอยู่ แต่ยังสู้ Accord Hybrid ไม่ได้เพราะเจ้านี้มากับ Full Hybrid ด้วย ขณะที่ Toyota ยังไม่ได้ และ Honda ยังประหยัดกว่าด้วยอัตราสิ้นเปลืองตามหน้ากระดาษ 23.6 กม./ลิตร ส่วน Toyota ทำได้ 17 กม./ลิตร ซึ่งก็ต้องรอให้มีการทดสอบเปรียบเทียบกันครับ เครื่องทุกตัวของ Toyota รองรับได้ทุกเชื้อเพลิง ยกเว้น E85 (Hybrid รับได้แค่ E10 เท่านั้น)ซึ่งอยากให้ Toyota ทำออกมารับ E85 เหมือนกันครับ จะได้ตั้งราคาถูกลงและใส่ออปชั่นภายในเข้าไปได้หน่อย
ด้านระบบความปลอดภัยนั้น พูดตรงๆเลยว่าถ้าเอาไปเทียบกับค่ายอื่น Toyota ยังคงแพ้ราบคาบและยังสู้เจ้าอื่นไม่ได้ เพราะ Honda และ Nissan ต่างมีระบบความปลอดภัยสารพัดอย่างเยอะแยะยั้วเยี้ยไปหมด แต่ Toyota ยังไม่ค่อยมีความแปลกใหม่เท่าที่ควรในเรื่องนี้ และยังมีบางจุดที่ทำให้เราอาจไม่แฮปปี้ดีเท่าไหร่ รถคันนี้มีระบบความปลอดภัยได้แก้ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA และที่เพิ่มมาคือระบบควบคุมการทรงตัว VSC,ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ที่ให้ทุกรุ่นแล้ว ส่วนระบบออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HAC ยังให้แค่รุ่นไฮบริด ขณะที่ค่ายอื่น เขาติดตั้งให้ทุกรุ่นแล้ว อย่างกไปหน่อยเลยน่า นอกนั้นก็มีเบาะนั่งคู่หน้าแบบ WIL โครงสร้าง GOA
แล้วสิ่งที่ทำให้รถคันนี้ ผู้เขียนขอใช้คำว่า"อับอายขายหน้า" ต่อรถ B-Segment บางคันหรือแม้แต่รถกระบะก็คือ ระบบถุงลมคู่หน้า SRS ถุงลมด้านข้าง มีแค่เนี้ย แต่สิ่งที่ขาดไปคือ ม่านถุงลมนิรภัย ที่ควรเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถระดับ D-Segment แล้ว แต่ค่าย Toyota กลับไม่ติดมาให้ ในขณะที่ Prius ติดตั้งมาให้ ลองเหลียวมองดู Honda City และ Jazz ตัวท็อป รวมถึง Ford Ranger WildTrak 3.2 รถพวกนี้มีม่านถุงลมด้านข้าง แล้วทำไม D-Segment ค่ายนี้ไม่มี มันน่าแปลกนะครับท่าน!!!
ว่ากันด้วยราคาครับ Toyota ถ้าถามว่าตั้งราคาสมเหตุสมผลไหม? ก็ถือว่าโอเคครับ แต่รุ่นท็อปนั้นมันชี้ชัดเลยว่าไม่ค่อยคุ้มเพราะ ถุงลม 4 ใบราคา 1.879 ล้าน ขณะที่ Honda Accord Hybrid ออปชั่นมากกว่าโข ราคามากกว่า Toyota แค่ 20,000 เท่านั้น แล้วอะไรจะคุ้มเงินมากกว่าละครับ เริ่มที่ตัวล่างสุด 2.0 G ราคา 1,279,000 บาท,2.0 G Extremo ราคา 1,369,000 บาท,2.5 G ราคา 1,509,000 บาท
รุ่น 2.5 G ราคา 1,509,000 บาท รุ่น 2.5 HV CD ราคา 1,659,000 บาท รุ่น 2.5 HV DVD ราคา 1,709,000 บาท และรุ่น 2.5 HV Navi ราคา 1,879,000 บาท ถ้าให้ผู้เขียนเลือกรุ่นที่น่าจะคุ้มค่าสุดตอนนี้ ขอเลือก 2.0 G Extremo ที่น่าจะคุ้มราคาและคุ้มค่ากับออปชั่นที่ได้มาที่สุดแล้วตอนนี้ครับ
สรุปก็คือ Toyota Camry ยังคงเป็นรถซีดาน D-Segment คันหนึ่งที่มีหน้าตาและความหรูหราไม่น้อยกันเลยทีเดียว ซึ่งถ้าใครเป็นติ่ง Toyota แล้วอยากได้รถหรูอยู่แล้ว คันนี้แหละใช่เลยครับ แต่หน้าตานั้นจริงๆแล้วมันก็ยังไม่ได้หวือหวาสู้ชาวบ้านเขาได้ และมันอาจดูเชยเอาใจคนมีอายุไปหน่อย ซึ่งนั่นเป็นเหตุที่ทำให้ใครๆหนีไปเล่น Honda หมด และการกระจายออปชั่นภายในที่ยังดูไม่สมเหตุสมผลพอเท่าที่ควร แต่ที่น่าคิดที่สุดก็คือ ระบบความปลอดภัยนี่แหละที่ยังสู้ใครเขาไม่ได้ อยากให้เพิ่มอีกนิด และลดราคารุ่นท็อปหน่อยด้วยจะดีมาก ที่บอกไปทั้งหมดนี้อยากให้ Toyota แก้ครับ เตือนด้วยความรักความหวังดี ไม่รักไม่บอกครับท่าน หวังว่าเราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในรุ่นปรับโฉมที่น่าจะมาในปีหน้าครับ
สิ่งที่อยากให้เพิ่มใน Toyota Camry Minor Change
- รุ่น 2.0 G เพิ่มจอ DVD เข้ามาหน่อย และกล้องมองหลังด้วย และควรเพิ่มรุ่น 2.0 G Navi เอาไว้เป็นทางเลือกเพิ่มเติมด้วยจะดีมาก เปลี่ยนเครื่องยนต์ตัวใหม่เป็น Dual VVT-i ตัวเดียวกับ Altis โฉมที่แล้วก็ได้ และขอเกียร์ที่ไม่ใช่เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดแสนจะโบ..ได้แล้วครับ ทำเครื่องให้รับ E85 เพิ่มระบบความปลอดภัยอีก โดยเฉพาะระบบออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน น่าจะมีตั้งแต่ตัวล่างแล้ว และขอไฟสัญญาณเตือนขณะเบรกอัตโนมัติด้วยนะ
- รุ่น 2.5 G ทำเครื่องให้รับ E85 เพิ่มกล้องมองหลัง มีจอไม่มีกล้องมันแปลกๆนะครับ เพิ่มรุ่น 2.5 G Navi ไม่ใช่สงวนสิทธิ์ไว้เฉพาะตัว Hybrid เพิ่มระบบออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ขอไฟสัญญาณเตือนขณะเบรกอัตโนมัติ และน่าจะเพิ่มม่านถุงลมนิรภัยได้แล้ว
- รุ่น 2.5 HV CD รุ่นนี้น่าจะตัดออกไปดีกว่ามั้งครับ ความเห็นส่วนตัวผู้เขียน ใครๆเขาก็อยากเล่นตัวมีจอกันหมด ทำให้เครื่องมันรับน้ำมัน E20 ได้ก็ยังดีครับ
- รุ่น 2.5 HV DVD เพิ่มระบบออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ไฟสัญญาณเตือนขณะเบรกอัตโนมัติ และเพิ่มม่านถุงลมนิรภัย กล้องมองหลัง ทำให้เครื่องยนต์รับน้ำมันอย่างน้อย E20
- รุ่น 2.5 HV Navi ทำให้เครื่องยนต์รับน้ำมันอย่างน้อย E20 เพิ่มระบบออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ไฟสัญญาณเตือนขณะเบรกอัตโนมัติ และเพิ่มม่านถุงลมนิรภัย และขอระบบความปลอดภัยแปลกๆเจ๋งเหมือนที่ Honda และ Nissan มีหน่อยจะดีมาก และที่สำคัญห้ามขึ้นราคาเกิน 1.9 ล้านเด็ดขาด
แนะนำ ติชม พูดคุย ติดตามข่าวสารรถใหม่ฉับไวก่อนใครกับ Cars New Update ที่นี่!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย