ในช่วงเวลาของการจัดงาน Motor Expo 2014 นั้น ผู้เขียนก็ได้มีโอกาสไปดูและทดลองนั่งรถใหม่ๆหลายรุ่น และก็ไปสะดุดตากับรถคันหนึ่ง ที่หลังจากที่ได้สัมผัสแบบเต็มๆแล้ว ก็พอจะยกให้เป็นพระเอกในงาน Motor Expo 2014 เลยก็ว่าได้ ที่กำลังกล่าวอยู่ก็คือ เจ้ารถครอสโอเวอร์สุดหรูอย่าง Honda HR-V ที่เราจะมาเล่ารายละเอียดและความรู้สึกหลังจากที่ไปลองนั่งมา(ไม่ได้ลองขับ) ซึ่งรายละเอียดเราจะบอกเล่าให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบกันว่า ความรู้สึกที่ไปสัมผัสแล้วมันมีอะไรที่ดีหรือไม่ดีอย่างไรบ้าง
ก่อนอื่น จะขอพูดถึงช่วงแรกๆก่อนการเปิดตัวกันซักนิด ที่คนไทยจอมมโนทั้งหลายต่างอยากได้โน่นนั่นนี่เข้ามาใส่ใน Honda HR-V ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง 1.5 ลิตรที่อยากได้กัน ขุมพลังไฮบริด(มาแน่แต่ปี 2016 นะ) หรืออยากให้ราคาถูกกว่าคู่แข่งอย่าง Juke และ EcoSport ทั้งๆที่วางเครื่องใหญ่กว่า ก็ต้องเข้าใจนะครับว่า ของดีๆไม่ใช่ของราคาถูก เป็นความจริงที่ว่าท่านอาจจะบอกว่า อยากได้ความคุ้มค่านี่หว่า แต่...อยากจะให้เก็บความคิดเยอะไว้กับตัวเถอะครับ มองดูโลกความจริงกันหน่อย
ก่อนอื่น เราจะมาคุยกันในเรื่องหน้าตาของรถก่อนเลย รูปร่างหน้าตาของรถ บอกเลยว่าแค่มองรูปกายภายนอกของมัน เราก็อาจหลงเสน่ห์ให้กับเจ้าคันนี้ ความโดดเด่นที่มากกว่าใครเพื่อนเลยก็คือไฟหน้า LED พร้อม DRL สุดแพรวพราวภายในโคม ที่มีให้ตั้งแต่รุ่น E ขึ้นไป เพียงเท่านี้ก็ทำให้ตัวรถดูมีราศีจับขึ้นทันที
กระจังหน้าของรถ ได้รับอิทธิพลการออกแบบมาแนวเดียวกับรถ Honda รุ่นใหม่ๆที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้ ด้วยหน้าตาตามสไตล์ EXCITING H DESIGN!!! ด้วยกระจังหน้า Solid Wing Face ที่จ้องมองมาข้างหน้าด้วยความดุดัน ล้ำสมัย ตามแบบฉบับของ Honda เส้นสายด้านข้างของรถมาแนวพลิ้วไหวสปอร์ตโฉบเฉี่ยวสวยงาม ดูดีมีชาติตระกูล
ประตูหลังมากับมือจับเปิดประตูด้านหลังสไตล์คูเป้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีบางคนชอบเข้าใจผิดและไม่ชอบ HR-V เพราะเพียงคิดว่าเป็นรถ 3 ประตู โห...พี่ รูปภาพมันก็แสดงชัดซะขนาดนั้นว่าเป็นรถ 5 ประตู ดูไม่ออกจริงๆเหรอ บางคนเข้าใจผิดตั้งแต่ Juke มาแล้ว ยังมั่วต่อกับ HR-V แต่ผู้เขียนไม่เคยเข้าใจผิดและเห็นจากรูปก็รู้ว่า 5 ประตู ดูเส้นประตูหลังก็รู้แล้วละครับ มือจับเห็นเสียชัดเจนขนาดนั้น ถ้าจะพูดถึงรถครอสโอเวอร์ 3 ประตู ก็ให้นึกถึง Range Rover Evoque และ MINI Paceman ก็แล้วกันครับผม
ล้ออัลลอยในรุ่นท็อปจะได้ล้อลายสปอร์ต 5 ก้านคู่ปัดเงาขนาด 17 นิ้วแบบในรูป แต่ถ้ารุ่นรองลงมายันรุ่นล่างสุดจะได้ล้อ 17 นิ้ว 5 ก้านธรรมดา แต่จะบอกว่าล้อตัวท็อปเนี่ย หล่อโคตร และถ้าลองสังเกตดู หลังๆมา Honda แกจะติดใจล้ออัลลอยปัดเงาเอามากๆ เพราะ รถรุ่นใหม่ๆที่ออกมาหลังๆ ล้อตัวท็อปปัดเงาตัดขอบสีดำกันหมดเลย
มุมมองด้านท้ายของรถ ถือว่าดูสวยและสอดรับกับด้านหน้าของรถ ที่ดูดีไม่น้อยก็คือ ไฟท้าย LED ของรถที่ชวนมองแบบสุดๆ มีครีบฉลาม สติ๊กเกอร์บ่งบอกว่าเติม E85 ได้ชัดเจน ถ้าจะให้บอกแบบโดยรวมเลยก็คือ ตัวรถถือว่าครบถ้วนสมบูรณ์แบบกว่าใครๆในตลาด
อ้า...ลืมพูดถึงจุดเด่นของรถคันนี้เลย และเป็นสิ่งที่ทำให้รถคันนี้มีค่าตัวมากพอสมควร แต่ถ้าไม่ติดมาก็คงจะไม่มีจุดเด่นนำเสนอ เพราะลำพังแค่ไฟหน้า LED+DRL ซึ่งก็ทำให้ราคาอัพขึ้นเช่นกัน ดูเหมือนจะเป็นของธรรมดาในรถหลายรุ่นไปแล้ว คงจะสร้างจุดเด่นไม่ได้ ฉะนั้น Honda เลยต้องนำเสนอ หลังคาพานารอมิก พร้อมระบบเปิด-ปิดแบบ One-Touch ให้เราได้ฟินกับการเปิดหลังคารับลม หรืออยากสนุก ยืนขึ้นแล้วยื่นหน้าไปบนหลังคา นั่นทำให้ผู้เขียนนึกถึงตอนเด็กๆ เมื่อครั้งไปเที่ยวบ้านคนรู้จัก ซึ่งแกขับ Ford Escape แล้วแกเปิดหลังคาซันรูฟ ผู้เขียนก็ลองยืนแล้วยืนหน้าไปรับลม รู้สึกฟินไม่น้อย 555+
มาลองดูภายในห้องโดยสารกันบ้าง ก้าวเท้าเข้าไป ท่านจะพบกับความอลังการและความหรูหรา รวมถีงความล้ำสมัยภายในห้องโดยสาร บอกกันแบบตรงๆไม่ได้อ้อมค้อมไม่ได้เข้าข้างค่ายฮอนด้าทั้งนั้น แต่มันเป็นความจริง ถ้าจะบอกว่าห้องโดยสารนั้นดูหรูหราและดูดีที่สุดกว่าบรรดาคู่แข่งทั้งปวง ภายในมีลูกเล่นมีอะไรที่ดูน่าสัมผัสไปหมด คอนโซลหน้าแม้จะขึ้นลายตะเข็บปลอม แต่มันก็ดูดีมีชาติตระกูล บวกกับการใช้โครเมียมรอบคอนโซล ทำให้มันดูดีเอาการเลย
พวงมาลัยยังเป็นแบบสหกรณ์เช่นเคย มีฟังก์ชันครบ ทั้งปุ่มควบคุมเครื่องเสียงเอย Cruise Control เอย ระบบสั่งการด้วยเสียงเอย และอีกสารพัดอย่าง ปรับนุ่นนี่ได้ทั้งนั้น มาตรวัดของรถนั้น ในรูปเห็นไอ้ก้อนกลมๆที่ดูรำคาญตามาก แต่ดูของจริงแล้ว มันกลับสวยและดูดีกว่าในรูปมากๆ ลำพังมีแค่ไมล์เปลี่ยนสี กับจอแสดงข้อมูลดิจิตอลข้างๆเข็มไมล์วัดความเร็ว มันก็ดูเท่กว่าค่ายอื่นแล้วจ้า
ผ่านจากหลังพวงมาลัยมาดูตรงส่วนกลางคอนโซล ยังคงเป็นที่ตั้งของจอสัมผัสสหกรณ์เหมือน City และ Jazz มีฟังก์ชันให้เล่นเหมือน ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อบลูทูธ เชื่อมโทรศัพท์สมาร์ทโฟน(บางรุ่น) เชื่อม USB HDMI รองรับ HondaLink Application โอ๊ย..มากมายก่ายกอง และยังมีระบบปรับอากาศแบบสัมผัส ปาดแป๊บเดียวปรับอุณหภูมิได้แล้ว รวมถึงเบรกมือแบบไฟฟ้าด้วย (ภาพมัวมาก)
ถัดมาเป็นที่ตั้งของช่องแอร์ขั้นเทพ ที่มากับเป็นแถวยาว 3 ช่องกันเลยทีเดียวนะนายจ๋า แหม..นั่งทีเล่นเอาหนาวจน...สั่นกันไปข้างนึงกันเลยทีเดียว Honda ทำแอร์แบบนี้คนนั่งข้างๆจะไม่หนาวหรือไงน้อ แต่...มีผู้ที่ไปสัมผัสและลองเล่นจริงๆแล้ว เขาบอกมาว่าแอร์ 3 แถว สามารถสั่งปิดแถวไหนก็ได้ตามสบาย ฉะนั้นไม่หนาวหรอก..เฮ้อ โล่งไป
การโดยสารภายในห้องโดยสารถือว่าสบายใช้ได้เลยทีเดียว ทีนั่งด้านหลังก็ไม่ได้คับแคบกันอย่างที่คิด แต่ด้วยทรงหลังคาที่มันลาดเทลงมา อาจจะทำให้คนขับถอยหลังลำบากนิดนึง โดยเฉพาะพวกที่ชอบมองกระจกหลัง แต่ยังไงก็มีกล้องช่วยอยู่แล้วหละครับ คุณภาพการประกอบภายในถือว่าทำได้ดีและยอดเยี่ยม ดีกว่ารถหลายๆรุ่นของ Honda แม้แต่รุ่นพี่ของมัน โดยแผงประตูบุรอบคันด้วยหนังนุ่มๆชวนสัมผัสกันเลยทีเดียวเชียว
ในด้านเครื่องยนต์นั้น จะต้องย้ำไว้ก่อน ณ ที่นี้ว่า Honda มีขุมพลังแค่ขุมพลังเดียวเท่านั้นในตอนนี้ จะได้ไม่เจอคำถามยอดฮิต "มีเครื่อง 1.5 ป่าวครับ" "มีดีเซลมั้ยครับ" เอิ่ม...มันไม่มีหรอก มีเพียงแค่ขุมพลังเบนซินความจุ 1.8 ลิตรบล็อกเดียวกับ Civic FB มากับพละกำลัง 141 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตรที่ 4,300 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ลูกเดียวกับ Jazz/City พัฒนาภายใต้ EarthDream Technology แน่นอนว่าเครื่องตัวนี้ก็ต้องรองรับ E85 แค่นี้ก็ได้เปรียบค่ายอื่นกันมากแล้วละครับ
ในด้านระบบความปลอดภัยนั้น ก็จัดมาให้ครบไม่ขาดไม่เกิน แต่มีมากกว่าเขาพอสมควร ด้วยระบบเบรกมือไฟฟ้า Electric Parking Brake,ระบบ Auto Brake Hold,ถุงลมนิรภัยคู่หน้า,ถุงลมด้านข้างและม่านถุงลมนิรภัย (เฉพาะ EL) ระบบเบรก ABS EBD ระบบควบคุมการทรงตัว VSA ระบบออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัด HSA สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS กล้องมองหลังปรับได้ 3 ระดับ (เฉพาะ E และ EL) จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ Isofix
Honda HR-V มีรุ่นย่อยมาให้เลือก 3 รุ่นย่อยด้วยกัน ได้แก่ รุ่น S CVT ราคา 890,000 บาท,รุ่น E CVT ราคา 975,000 บาท และ รุ่น EL CVT ราคา 1,045,000 บาท บางคนเห็นราคาแล้วถึงกับเอะอะโวยวาย กริ๊ดกร๊าด ดราม่า อารมณ์แปรปรวน พรุ่งปรุ๊ดปริ๊ด กันเข้าไปใหญ่
"ทำไมราคาแพงจัง" "อีกนิดเดียวก็ซื้อ CR-V ได้แล้ว" "ตัวท็อปไม่ควรเกินล้าน"
เอิ่ม...ท่านผู้อ่านครับ ผู้เขียนจะอธิบายว่า Honda HR-V เนี่ย ถ้าให้วัดตามขนาดแล้ว มันมีขนาดตัวใหญ่สุดในบรรดาคู่แข่ง ด้วยความยาว 4,294 มม. (Ford 4,245 มม.(รวมล้ออะไหล่ด้านหลัง) Nissan 4,135 มม.) กว้าง 1,772 มม. (Ford และ Nissan กว้าง 1,765 มม. เท่ากัน) แต่ส่วนสูง 1,605 มม. เตี้ยกว่า Ford (1,708 มม.) สูงกว่า Nissan (1,580 มม.) ดูจากสัดส่วนก็รู้นะว่า Honda มันใหญ่กว่า ท่านอาจจะเรียกว่ามันคือ Jazz เอามายกสูงซึ่งมันก็ถูก แต่ถ้าจะให้เทียบจริงๆมันต้องเป็น Civic ยกสูง ซึ่งดูจากขนาดแล้ว มันจะดูก้ำกึ่งระหว่าง B-SUV และ C-SUV มันเลยมีขนาดอย่างทีเห็น ซึ่งมันจะแทรกกลางระหว่าง CR-V กับรถที่มีพื้นฐานจาก Brio ในแบบ SUV ในอนาคตด้วย สิ่งที่ทำให้ค่าตัวแพงก็คือ หลังคา และไฟหน้า ซึ่งถ้าตัดของพวกนี้ออกไป คนก็จะบ่นว่า รถไม่มีอะไรเด่นเลยหรือไง ยังงั้นยังงี้ ก็มากเรื่องกันอีก ฉะนั้นแล้ว...ของดีแบบนี้ ให้ Honda เขาเอากำไรไปบ้างเถอะครับ
สรุปโดยรวม...Honda คิดไม่ผิดที่เอา HR-V เข้ามาเปิดตลาดในเมืองไทย และก็เป็นไปตามคาดที่ความร้อนแรงมันต้องมาจนกลบ Nissan กับ Ford จนมิด ภายใน 1-2 เดือนนี้ยอดขายรถจะต้องมีการขยับตารางแน่นอน เหมือนที่ Mobillio ที่ทำให้เราเงิบกันมาแล้วนั่นเอง ซึ่งตอนนี้ก็มียอดจอง 4,000 กว่าคันแล้ว สงสัยกว่าจะได้รับรถก็วาเลนไทน์กันพอดีซะละมั้ง ของใหม่สุดเทพที่มาพร้อมฟังก์ชันแปลกใหม่มากมาย มีหลายจุดที่ดีกว่าค่ายอื่น จุดเด่นที่ยอดเยี่ยม หาที่ติไม่ได้จริงๆ ซึ่งผู้เขียนก็คิดแบบนี้เช้นกันครับ ถึงแม้ว่าเราจะเห็นราคาที่สูงกว่าใครในตลาด ท่านอาจจะคิดว่าชั้นเชิง Honda เขาขายได้อยู่แล้ว แต่ถ้าท่านลองคิดใหม่ ลองดูสิ่งที่ Honda ให้มาที่มากโขทีเดียว แล้วจะรู้ครับว่าราคาที่ Honda ตั้งมานั้นไม่ได้แพงเกินคุณค่าของรถเลย้
แนะนำ ติชม พูดคุย ติดตามข่าวสารรถใหม่ฉับไวก่อนใครกับ Cars New Update ที่นี่!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย