วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557

First Meeting EP.3 Nissan X-Trail : ได้อย่าง...ก็ต้องเสียอย่าง

  ช่วงเวลาของเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน จะเป็นช่วงเวลาที่มีคิวเปิดตัวรถใหม่ๆมากมายหลายคัน เพื่อเตรียมพร้อมในการนำไปอวดโฉมให้ประชาชนชาวไทยได้ชมกันในงาน Motor Expo ที่จัดขึ้นในปลายเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคมในทุกๆปี ซึ่งในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2014 ช่วงเวลาของงาน Motor Expo 2014 ช่วงเวลาแห่งการกอบโกยยอดจองและยอดขายรถ ช่วงปีนี้ก็เป็นช่วงที่มีรถใหม่เปิดตัวมากมายเหมือนกัน


  และคันที่จะมากล่าวถึงในเรื่องนี้..ก็ตามหัวเรื่องนั่นหละครับ นั่นก็คือเจ้า Nissan X-Trail โฉมใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 57 ที่ผ่านมา เกือบเดือนแล้วหลังจากการเปิดตัวตอนนี้ ซึ่งเจ้า X-Trail โฉมใหม่นี้ น่าจะช่วยกอบกู้ยอดอเนกประสงค์ของ Nissan ที่น้อยติดดินมาตลอด ไม่รู้เพราะอะไร ในช่วงที่ Nissan นำเข้า X-Trail มาจากอินโดนีเซีย ยอดขายก็ไม่ได้ดีเด่นอะไรมาก แต่การมาครั้งนี้ เป็นการประกอบและผลิตในไทยทั้งหมด และมากับออปชั่นเด็ดๆที่มากมายจนอาจจะทำให้ท่านผู้อ่านต้องลังเลในการซื้อรถกลุ่มนี้มาก เอาละครับ มาดูกันว่า รถคันนี้จะมีอะไรที่เด่นและด้อยบ้าง ลองดูกัน



   มาเริ่มดูที่หน้าตาของรถกันเลยดีกว่าครับ เรื่องรูปร่างหน้าตา บางคนอาจจะบอกว่ารูปร่างมันดูเชยๆเหมือนรถเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว เส้นสายเก่าไป แต่ในความคิดผู้เขียนนั้น คิดว่ามันมีพัฒนาการที่ก้าวมาจากตัวก่อนมามากพอสมควรเลยละ โดยยังแอบสอดไส้อิทธิพลการออกแบบจากรุ่นเดิมมาหน่อยนึง แต่ก็สวยใช้ได้เลยหละ หน้าตาของรถยังคงมากับกระจังหน้าทรงวีเชฟอันเป็นเอกลักษณ์ มองดูสายตาที่มันจ้องมาหาเรา ดูท่าจะดุใช่เล่น ไฟหน้ามาพร้อมไฟเดย์ไลท์ทรงบูมเมอแรงและเป็นโคมแบบ LED Projector ตั้งแต่รุ่น 2.0E เป็นต้นไป 





ไฮไลต์เด็ดนั้นอยู่ที่ท้ายของรถ ซึ่งการออกแบบท้ายนั้นก็ถือว่าทำได้ดีเช่นกันครับ แต่รถคันนี้มีจุดเด่นตรงท้ายนี่หละ ซึ่งมันมีความสามารถที่ไม่เหมือนใครในระดับเดียวกัน เพราะมันมากับระบบที่เรียกว่า Auto Lift Gate ประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ เพียงแค่ยืนมือไปที่ตำแหน่งเซ็นเซอร์เหนือป้ายทะเบียน ท้ายรถก็จะยกขึ้นโดยอัตโนมัติในทันที และมันยังสามารถบันทึกระดับความสูงตามความถนัดของท่านได้ด้วย ซึ่งออปชั่นนี้จะมีอยู่ในรุ่น 2.0V 4WD และ 2.5V 4WD ครับ (อันที่จริง CR-V เมืองนอกก็มีประตูท้ายปิดอัตโนมัติแต่ไม่ได้ติดมาให้ในเวอร์ชั่นไทย

อีกหนึ่งไฮไลต์ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวที่ทำให้ราคาโดดสูง ซึ่งทำให้จำเป็นต้องลดทอนบางอย่างออกไป นั่นก็คือ หลังคาแบบ Panaromic Roof พร้อมระบบเปิด-ปิดแบบ One Touch ซึ่งของเล่นชิ้นนี้มีเฉพาะตัวท็อปครับ

ล้ออัลลอยของรถนั้น ในรุ่นท็อปจะเป็นล้อขนาด 18 นิ้วลายก็สวยใช้ได้ รุ่นรองลงมาจะเป็นล้อขนาด 17 นิ้ว 5 ก้านคู่ ซึ่งไม่รู้ทำไม ผู้เขียนกลับชอบล้อ 17 นิ้วสไตล์เรียบๆ เพราะมองแล้วมันไมเบื่อตาจริงๆเลย

   เข้ามาดูที่ภายในห้องโดยสารกันบ้างดีกว่า ภายในก็ยังคงมาแนวเรียบง่ายและแฝงความหรูหราสไตล์ Nissan เช่นเคย ห้องโดยสารของ Nissan รุ่นใหม่ๆ ต้องมาแนวเชยๆตลอดเลย ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ดีที่เชยแล้วมองได้นาน เห็นเรียบๆแบบนี้แต่ฟาดให้เงียบนะจ๊ะ..Nissan ไม่ได้กล่าวไว้ 

ข้าวของเครื่องใช้ภายในรถยังคงมาจากสหกรณ์ Nissan หลายสำนัก เริ่มจากพวงมาลัยก่อนเลย ยกมาจาก Teana และ NP300 Navara เต็มๆ หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วในตัวท็อปและตัวรองท็อป รวมถึงแอร์อัตโนมัติแยกโซน ก็ยกมาจาก Teana เช่นกัน ก็ไม่ได้ว่าอะไร ใช้ของร่วมกันอะดีแล้ว เวลาเสียๆหายๆจะได้เปลี่ยนอะไหล่ได้ จริงบ่? 

ปุ่มสตาร์ทคงไม่ต้องกล่าวถึง เพราะมันมีทุกรุ่นอยู่แล้วละ มาดูตรงคอนโซลหน้าอันเป็นที่ตั้งของหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 7 นิ้ว ในรุ่น 2.0V 4WD และ 2.5V 4WD ซึ่งมีฟังก์ชันใหม่แนะนำนั่นก็คือ Nissan Connect พร้อมการใช้งานผ่าน Facebook และ Google Search ซึ่งทำให้เข้าถึงโลกโซเชียลได้ง่ายๆผ่านทางจอสัมผัสในรถกันเลยละครับ ก็เหมือน MZD Connect ในเจ้า Mazda 3 นั่นหละจ้า


   ห้องโดยสารด้านหลังนั้นโดยเฉพาะแถวที่ 2 ยอมรับสมคำร่ำลือจริงๆว่า มันเป็นรถ C-SUV ที่มีที่นั่งแถวที่ 2 นั่งแล้วดูสบายที่สุด ผู้เขียนไปนั่งมาแล้วยังอยากจะนั่งต่อและหลับเสียจริงๆครับเนี่ย และยังมีแอร์หลัง ให้ผู้โดยสารแถว 2 มาให้ด้วย ส่วนเบาะแถวที่ 3 นะเหรอ เป็นอีกจุดเด่นของ Nissan เพราะเป็นค่ายที่ 2 ที่ทำเบาะนั่งแถว 3 ออกมา เหมือนเจ้า Chevrolet Captiva แต่...เบาะหลังมันก็ช่างเล็กเสียเหลือเกิน เอาไว้ให้เด็กนั่งซะละมั้งเนี่ย โดยรวมการประกอบภายในก็ถือวาใช้ได้และวัสดุก็ค่อนข้างดูดีครับ แต่ขอตินิดนึง..คอนโซลหน้า ชิ้นวัสดุสีดำๆ มันดู Look Cheap ไปนิดนึง ถ้าลองทำเป็นลายไม้สีดำหรือแบบอื่นน่าจะดีกว่านี้

   มาว่ากันด้วยเรื่องเครื่องยนต์กันครับ มากับเครื่อง 2.0 ลิตร รหัส MR20DD ใหม่ ติดตั้งระบบฉีดเชื้อเพลิงตรงไดเร็กอินเจ็กชั่นเป็นครั้งแรก มากับพละกำลังสูงสุด 144 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 200 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ X-TRONIC CVT รุ่นใหม่พร้อม manual mode และเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตรบล็อกเดียวกับ Teana กำลังสูงสุด 171 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 233 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ X-TRONIC CVT รุ่นใหม่เช่นกัน ส่วนระบบขับเคลื่อนนั้น รุ่น 2.0 จะมีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ ส่วนรุ่น 2.5 มีให้เฉพาะระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

   สำหรับในเรื่องระบบความปลอดภัยนั้น ดูเหมือนว่า Nissan จะยัดระบบความปลอดภัยในเรื่องระบบช่วยเหลือการขับขี่ไปมากมาย เพื่อให้เป็นจุดเด่นใหม่ๆสู้กับค่ายอื่น แต่ก็ต้องยอมสละและละทิ้งบางอย่างเพื่อไม่ให้ราคาแพงเกินค่ายอื่นๆ เพราะถ้าแพงกว่าหรือราคาเท่ากัน Nissan อาจจะทำตลาดยากแน่ๆ ซึ่งทั้งหมดที่จะกล่าวต่อไปนี้มีใน X-Trail ทุกรุ่นย่อย 
- ระบบกุญแจอัจฉริยะ Immoblizer พร้อมสัญญาณกันขโมย  
- ABLS – Active Brake Limited Slip 
- ระบบ Advanced Chassis Control ประกอบด้วย  
 *ระบบช่วยลดความเร็วอัตโนมัติในขณะที่ผู้ขับขี่ถอนคันเร่ง หรือเข้าโค้ง AEB - Active Engine Brake
 * ระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ ARC - Active Ride Control
 * ระบบควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง ช่วยป้องกันการหลุดโค้ง ATC - Active Trace Control 
 * ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist (ในรุ่นท็อปจะมี ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control เสริมเข้ามาด้วย),
 * ระบบป้องกันการลื่นไถลขณะวิ่งบนถนนลื่น โดยระบบจะช่วยส่งแรงเบรกไปยังล้อที่เกิดการลื่นไหล เพื่อให้ผู้ขับขี่ควบคุมทิศทางรถได้ทันท่วงที  
 * ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ VDC
 * ระบบป้องกันการล้อหมุนฟรี TCS
 * ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
 * ระบบกระจายแรงเบรก EBD และ ระบบเสริมแรงเบรก BA 
แต่สิ่งที่ Nissan มาไม่ครบและดูขาดๆไม่เหมือนชาวบ้าน นั่นก็คือ การที่ Nissan ไม่มีม่านถุงลมติดตั้งมาให้ โดยในรุ่นท็อป ท่านจะได้ถุงลมคู่หน้า และถุงลมด้านข้าง เป็นอย่างมาก นอกนั้นเป็นถุงลมคู่หน้าหมดทุกรุ่น รถมีดีแทบทุกอย่างมาตกม้าตายที่เรื่องถุงลมนี่หละ เอิ่ม...แต่ก็เข้าใจอะนะว่า มีออปชั่นอย่างอื่นเยอะ ไม่งั้นราคาจะแพงเกินไป แล้วก็ไปเล่นค่ายอื่นหมด ก็เข้าใจหัวอกอยู่หรอก

   สำหรับราคาค่าตัวนั้น Nissan มากับช่วงราคาที่ค่อนข้างใช้ได้เลยทีเดียว ถ้า Nissan ไม่มาราคานี้ ถ้าแพงกว่า การทำตลาดต้องลำบากแน่นอน ดังนั้น...อย่างที่กล่าวไว้ข้างบน ต้องยอมตัดบางสิ่งเพื่อให้ได้สิ่งใหม่ที่แปลกใหม่กว่า โดยมีราคาค่าตัวดังนี้ รุ่น 2.0S 2WD ราคา 1,172,000 บาท,รุ่น 2.0E 2WD ราคา 1,246,000 บาท,รุ่น 2.0V 4WD ราคา 1,325,000 บาท และรุ่น 2.5V 4WD ราคา 1,551,000 บาท งานนี้ใครจะออก Honda CR-V หรือ Mazda CX-5 ถ้าท่านไม่ใช่คนที่ยึดติดกับอะไรเดิมๆ ไม่ใช่คนใช้รถตลาด ท่านอาจจะสนใจรถคันนี้ได้ เพราะแค่ราคาเห็นแล้วคงลังเลไม่น้อย

   สรุปเลยละกัน Nissan คิดถูกแล้วที่ยังเอา X-Trail มาขายอีกครั้ง และมาแบบไม่ธรรมดา เอามาประกอบไทยเลยด้วย ซึ่งแน่นอนมันทำให้เจ้า X-Trail สู้ในตลาดรถกลุ่มนี้ได้มากขึ้น ซึ่งเราก็ต้องมารอดูครับว่า  Nissan จะมีที่ยืนในตลาดกลุ่มนี้ได้มากแค่ไหน แอบได้ยินมาว่า ยอดจองตอนนี้มีประมาณ 600 กว่าคันแล้ว และคิดว่าน่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการส่งมอบรถก็น่าจะมีขึ้นในช่วงมกราคมปีหน้าครับ ด้วยความที่เป็นรถหน้าตาใช้ได้ ออปชั่นต่างๆครบครันและจัดเต็มมาจริงๆ น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย แต่ติดตรงเรื่องถุงลมที่รุ่นบนไม่มีม่านถุงลม และรุ่นรองลงมาเป็นคู่หน้าอย่างเดียวหมด เจ้าอื่นเขาให้ม่านถุงลมทุกรุ่นกันหมดแล้ว แต่ก็เข้าใจ Nissan ครับ ได้อย่าง...ก็ต้องเสียอย่าง อะนะ
แนะนำ ติชม พูดคุย ติดตามข่าวสารรถใหม่ฉับไวก่อนใครกับ Cars New Update ที่นี่!!  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย

Like Box