วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2561

รวมรถใหม่ที่คาดว่าจะเปิดตัวภายในปี 2018

   ในปี 2017 ที่ผ่านมานั้นถือว่าเป็นอีกปีที่มีรถเด่นๆหลายรุ่นเปิดตัว ตลอดทั้งปีนั้นเราจะได้เห็นการแข่งขันอย่างดุเดือดจากบรรดารถ B-Segment เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรและบรรดาอีโคคาร์เฟส 1-2 เปิดตัวรุ่นใหม่ๆกัน ที่พีคสุดก็เห็นจะเป็นอีโคคาร์ซีดานน้องใหม่ Toyota Yaris ATIV กับการเรียกแขกด้วยการตั้งราคาที่สมเหตุสมผลชนิดที่นานๆทีจะเห็นจากค่ายยักษ์ใหญ่ ปลายปีนั้นยังมีความพีคระลอกที่สองจากครอสโอเวอร์คันเล็ก MG ZS ที่ตั้งราคาถูกกว่าคู่แข่งเจ้าอื่นๆ ด้วยขนาดเครื่องที่เล็กกว่า และอัดแน่นสารพัดเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยเข้ามาแบบเต็มๆ

  อีกทั้งในช่วงปีนี้ยังเป็นปีที่ตลาดที่ใหญ่สุดในประเทศอย่างกระบะมีการแข่งขันเปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่หรือรุ่นพิเศษออกมาเป็นระยะๆ โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่มีการเปิดตัวมาติดๆหลายรุ่นทีเดียว

  สำหรับในปี 2018 ก็น่าจะเป็นอีกปีที่มีรถใหม่หลากหลายรุ่นเปิดตัวเข้ามา มีหลายค่ายที่จะแนะนำรถโมเดลใหม่หมดจดเพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดและสร้างยอดขายให้เป็นกอบเป็นกำมากขึ้น ซึ่งก็มีหลากหลายรุ่นที่หลายคนรอคอยและเป็นรถที่ราคาเข้าถึงลูกค้าได้ ส่วนรถหรูนั้นก็มีเปิดตัวใหม่ๆหลากรุ่นเช่นเดียวกัน ซึ่งผมจะพยายามรวบรวมรถรุ่นใหม่ๆที่จะเปิดตัวในปี 2018 ทั้งในตลาดไทยและต่างประเทศ เท่าที่พอจะหามาได้และไม่เกินความสามารถที่จะหาข่าวเข้ามาให้ท่านผู้อ่านได้เพลิดเพลินกับข้อมูล ส่วนค่ายไหนที่ไม่มีในบทความนี้ (เช่น Tata) นั่นหมายความว่าผมไม่ทราบข่าวความเคลื่อนไหวหรือความคืบหน้าชัดเจน

  และต้องขอย้ำก่อนว่าช่วงเวลาเปิดตัวของรถหลายรุ่นในบทความนี้นั้นมีหลายอันที่เป็นเพียง "การคาดการณ์" เท่านั้น ไม่ได้มีกำหนดการที่ตายตัวหรือเป๊ะๆ 100% บางรุ่นก็มีกำหนดการที่แน่นอนแล้วเราถึงยืนยันได้ แต่ก็มีหลายรุ่นที่ยังไม่ทราบกำหนดการซึ่งแน่นอนว่าผมหรือคนอื่นๆก็ไม่สามารถจะบอกกำหนดการต่างๆได้ตรง 100% มันอาจมีดีเลย์บ้างหรือเร็วกว่าบ้างก็อย่าว่ากันนะครับ ฉะนั้นถ้าเข้าใจแล้วก็เลื่อนอ่านกันได้เลยครับ

Aston Martin
   ค่ายรถสปอร์ตแดนอังกฤษ มีการแนะนำรถรุ่นใหม่ในไทยเมื่อปีที่ผ่านมาก็คือ Aston Martin DB11 เครื่องยนต์ V8 ที่ราคาถูกลงจากรุ่นเครื่องยนต์ V12 พอสมควร คาดว่าในปีนี้น่าจะมีการนำเสนอรถใหม่อีกหนึ่งรุ่นที่สำคัญก็คือ..


   Aston Martin Vantage เจเนเรชั่นใหม่ที่เปิดตัวในตลาดโลกเมื่อปลายปี 2017 ที่ผ่านมานี้เอง ดีไซน์ภายนอกถือเป็นการยกระดับรูปโฉมให้ทันสมัยและดุดันมากขึ้น มีดีไซน์ที่ได้กลิ่นอายจาก Aston Martin ยุคใหม่มาเต็มๆ  เครื่องยนต์นั้นมากับเครื่องเบนซิน 4.0 ลิตร V8 ทวินเทอร์โบจาก AMG มากับพละกำลัง 510 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 685 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.6 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 313 กม./ชม. คาดว่าเมืองไทยน่าจะมีการเปิดตัวราวๆกลางปี-ปลายปีีนี้


  นอกจากนี้ก็ยังน่าลุ้นว่าทาง Aston Martin เมืองไทยจะนำเข้า DB11 Volante หรือเวอร์ชั่นเปิดประทุุนของ DB11 เข้ามาหรือไม่ เพราะเท่าที่สังเกตการทำตลาด Aston Martin ของไทยยังไม่เคยนำเข้ารุ่นเปิดประทุนมาขายในไทยเลย ทั้งนี้ก็ต้องรอดูครับ


  สำหรับในตลาดต่างประเทศ มีอีกคันที่น่าสนใจก็คือ All-New Aston Martin Vanquish รถสปอร์ตคูเป้ตัวแรงของค่าย ซึ่งเมื่อดูจากรถทดสอบเมื่อเทียบกับ DB11 จะพบว่า Vanquish จะมีดีไซน์ด้านหน้าที่ดูดุดันมากกว่าโดยมากับช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ ส่วนด้านท้ายมากับไฟท้ายทรงเรียวและกันชนท้ายดีไซน์ดุดันที่มากับท่อไอเสีย 4 ท่อ ขุมพลังนั้นคาดว่าน่าจะติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน V12 ที่รีดสมรรถนะได้ระหว่าง 650-700 แรงม้า การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นภายในช่วงกลางปี-ปลายปีนี้ ก่อนวางจำหน่ายจริงช่วงปี 2019 

Audi
  เมื่อปีที่ผ่านมาถือว่ารุกตลาดอย่างหนักมากสำหรับ Audi เมืองไทยภายใต้การบริหารของตัวแทนเจ้าใหม่ มีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่หลากหลายรุ่นเพื่อตอบสนองความต้องการแก่ลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ในปีนี้ก็น่าจะมีการเพิ่มศูนย์บริการในหลายๆที่ เพื่อสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้นยิ่งกว่าเดิม รวมทั้งมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ โดยรถที่คาดว่าน่าจะมีการเปิดตัวในไทยก็คือ

- Audi A7 Sportback โฉมใหม่ที่มีการเปลี่ยนโฉมใหม่ให้ดูล้ำสมัยและสปอร์ตมากยิ่งขึ้น รวมทั้งภายในห้องโดยสารที่มากับดีไซน์และฟังก์ชั่นล้ำสมัย ติดตั้งเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็ม ทุกท่านสามารถกดเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ All-New Audi A7 Sportback ความสปอร์ตหรูหราที่แฝงไปด้วยความล้ำสมัย ก็ต้องรอชมครับว่าจะมาไทยหรือไม่ และถ้ามาจะมาเมื่อไหร่


- Audi A8 คันนี้ก็เป็นอีกคันที่ลุ้นให้นำมาขายในไทย เพราะก่อนหน้านี้ตัวแทนเจ้าเก่าก็เคยนำมาขาย ซึ่ง A8 ก็มีการเปลี่ยนโฉมใหม่หมดจดในตลาดโลกเมื่อช่วงกลางปี 2017 ที่ผ่านมา มีดีไซน์ภายนอกที่ค่อนข้างสวยงามตามสไตล์ Audi และภายในที่ดูล้ำสมัยสมกับความเป็นรถซาลูนเรือธงของค่าย ใครที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดตัวรถได้ที่ All-New Audi A8 ซีดานหรูสี่ห่วงคันใหม่ที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี ถ้ามีโอกาสขายในไทย เราน่าจะได้เห็นกันช่วงงาน Motor Show 2018 ช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ครับ

ส่วนรุ่นอื่นๆที่รอการเปิดตัวในตลาดโลกก็มีหลากหลายรุ่นเช่นกัน และน่าจะมีหลายคันที่มีโอกาสมาขายในไทยด้วย ไล่เรียงได้ดังนี้


ภาพจาก Carscoops
- Audi A1 รถแฮตซ์แบ็คคันเล็กที่ได้ฤกษ์เปลี่ยนโฉมใหม่หมดจด ได้รับการอัปเกรดขนาดตัวถังให้มีขนาดใหญ่และยาวขึ้นกว่าเดิม แต่ใช้โครงสร้างที่มีน้ำหนักเบาลงและแข็งแรงมากขึ้น สร้างขึ้นบนแพลตฟอร๋ม MQB A0 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรถขนาดเล็กในเครือ VW Group เหมือนที่ใช้ใน VW Polo โฉมใหม่ล่าสุด คาดว่าน่าจะมีการติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ๆมากมายในรถเล็กคันนี้ รวมทั้ง Audi Virtual Cockpit แบบใน Audi รุ่นใหม่ๆก็น่าจะมาอยู่ในคันนี้ด้วย การเปิดตัวในตลาดโลกน่าจะอยู่ในช่วงต้น-กลางปีนี้


ภาพจาก Motorauthority
- Audi A6 รถซีดานหรูคู่แข่ง Mercedes-Benz E-Class และ BMW 5-Series ที่ตอนนี้กำลังจะมีโฉมใหม่ออกมาสู้ศึกแล้ว และตอนนี้ก็กำลังวิ่งทดสอบอยู่ โฉมใหม่นี้จะถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม MLB มีดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Audi Prologue Concept และ Audi รุ่นใหม่ๆหลากหลายรุ่น ขุมพลังที่ใช้กับจะมีทั้งดีเซลและเบนซิน รวมทั้ง Plug-In Hybrid ตั้งแต่ 4 สูบ จนไปถึง V6 ส่วนเครื่องยนต์ V8 จะอยู่ในเวอร์ชั่นสมรรถนะสูงอย่าง S6 และ RS6 สำหรับการเปิดตัวในตลาดโลกน่าจะอยู่ในช่วงต้นปี-กลางปีนี้ ส่วนเมืองไทยก็มีโอกาสไม่น้อยที่ Audi Thailand จะนำมาขาย


ภาพจาก Car Magazine UK
- Audi Q3 โฉมใหม่หมดจด สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม MQB เหมือนเช่นใน Volkswagen Tiguan โฉมล่าสุด มาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro ดีไซน์ภายนอกก็จะเป็นไปตาม Audi ยุคใหม่ๆ ขุมพลังก็น่าจะมีให้เลือกตั้งแต่ 4 สูบขึ้นไป ทั้งดีเซลและเบนซิน รวมทั้งอาจจะมี Plug-In Hybrid ด้วย การเปิดตัวในตลาดโลกน่าจะมีขึ้นราวๆปลายปี 2018 หรือต้นปี 2019 คนไทยก็รอยาวๆเลย
ภาพจาก Motor1.com
- Audi Q8 อเนกประสงค์ตระกูล Q คันใหม่ล่าสุด ที่มาในรูปแบบ Coupe SUV และยังออกแบบให้กระจกประตูแต่ละบานไม่มีเสาอีกด้วย มีดีไซน์ภายนอกที่ได้แรงบันดาลใจมาจากต้นแบบ Q8 Concept และยังมากับภายในที่ค่อนข้างล้ำสมัยตามรอย A7 และ A8 เจเนเรชั่นล่าสุด การเปิดตัวในตลาดโลกน่าจะมีขึ้นในช่วงใดช่วงหนึ่งในปีนี้ คนไทยจะมีโอกาสได้สัมผัสรุ่นนี้หรือไม่ก็ต้องติดตามกันต่อไป


ภาพจาก Motor1.com
- Audi E-Tron รถอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้าของค่ายที่รูปทรงนั้นก็จะอิงมาจากต้นแบบ E-Tron Concept มาพอสมควร ไฮไลต์สำคัญคือการใช้กำลังขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว พละกำลัง 435 แรงม้าและสามารถเพิ่มกำลังเพียงชั่วขณะได้ถึง 503 แรงม้า นอกจากนี้ยังติดตั้งแบตเตอรี่ไฟฟ้า 95 กิโลวัตต์ชั่วโมง มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม.ชม. ได้ในเวลาราวๆ 4.6 วินาที คาดว่าในช่วงใดช่วงหนึ่งในปีนี้น่าจะมีการเผยโฉมออกมา

ภาพจาก Motor1
- Audi RS7 เปิดตัวรุ่นธรรมดาไปแล้วก็ถึงคิวของเวอร์ชั่นแรงอย่าง RS7 ที่จะมีการอัปเกรดรูปโฉมให้ดุดันมากขึ้น (ในภาพรถทดสอบยังใช้รุ่นปกติทดสอบอำพรางไว้ก่อน) ขุมพลังคาดการณ์ว่าน่าจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4.0 ลิตร V8 พละกำลัง 650 แรงม้า แรงบิดมหาศาลถึง 810 นิวตัน-เมตร ภายในปลายปีนี้-ต้นปีหน้าคงจะมีการเผยโฉมออกมา


ภาพจาก Motorauthority
- Audi SQ2 ครอสโอเวอร์น้องเล็กที่กำลังจะคลอดเวอร์ชั่นสมรรถนะสูงออกมา โฉมภายนอกแน่นอนว่าจะต้องดุดันและเกรี้ยวกราดมากขึ้น ขุมพลังนั้นน่าจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบเทอร์โบชาร์จ พละกำลังสูงสุด 310 แรงม้า และอาจจะติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด Dual Clutch การเปิดตัวในตลาดโลกน่าจะอยู่ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้


ภาพจาก motor1.com
- Audi TT Minor Change รถสปอร์ตคูเป้คันเก่งของค่ายที่ใกล้ถึงคราวที่จะปรับโฉมแล้ว โดยรถทดสอบก็มีให้เห็นถึงรุ่นคูเป้และเปิดประทุน การเปลี่ยนแปลงด้านหน้าคาดว่าน่าจะเปลี่ยนกระจังหน้าจากเดิมที่เป็นแนวเส้นตรงกลายเป็นตะแกรงรังผึ้งเหมือน TT RS ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่ารถทดสอบเหล่านี้เป็นตัว TT RS รุ่นใหม่หรือเปล่า จริงๆแล้วก็คือรุ่นธรรมดานั่นเองโดยสังเกตได้จากท่อไอเสียและครีบรีดอากาศด้านหลัง คาดว่าน่าจะมีการปรับปรุงเครื่องยนต์ใหม่ รวมทั้งติดตั้งเทคโนโลยีของ Audi รุ่นใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติมด้วย การเปิดตัวอาจจะมีขึ้นปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 

Bentley
  ค่ายรถหรูแดนผู้ดีรายนี้ เมื่อปีที่ผ่านมานั้นที่ประเทศไทยได้มีการเปิดตัว Bentley Bentayga รถ SUV สุดหรูเอาใจเศรษฐีกระเป๋าหนัก คาดว่าในปีนี้เราน่าจะได้เห็นการเปิดตัว All-New Bentley Continental GT สปอร์ตหรูของค่ายที่เพิ่งเปลี่ยนโฉมไปหมาดๆ หลังจากได้ทำการเปิดรับจองล่วงหน้าภายในงาน Motor Expo 2017 ปลายปีที่ผ่านมา โดยขุมพลังจะมากับเครื่องยนต์เบนซิน 6.0 ลิตร W12 TSI ทวินเทอร์โบ บล็อกใหม่ล่าสุดของค่าย มากับพละกำลัง 635 แรงม้า PS แรงบิดสูงสุด 900 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติดูอัลคลัตซ์ 8 สปีด สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 333 กม./ชม. ภายในต้นปีนี้น่าจะได้เห็นคันจริงในไทย


ภาพจาก Motor1.com
  เข้ามาดูในตลาดโลกกันบ้าง นอกจาก Bentley Continental GT ตัวถังคูเป้ที่เปลี่ยนโฉมไปแล้ว ยังมีอีก ตัวถังที่รอตามมาก็คือ เวอร์ชั่นเปิดประทุน Convertible ซึ่งรูปทรงแน่นอนว่าจะไม่ได้แตกต่างกันเลยในเรื่องของดีไซน์ มีความต่างเพียงแค่หลังคาที่หายไปแล้วแทนที่ด้วยหลังคาผ้าใบพับเก็บได้ด้วยระบบไฟฟ้า คาดว่าน่าจะได้เห็นโฉมภายในต้นปีนี้


ภาพจาก Caradvice.com.au
  อีกหนึ่งตัวถังก็คือเวอร์ชั่นซีดาน 4 ประตูสุดหรูในชื่อ Bentley Flying Spur ที่ได้เวลาเปลี่ยนโฉมตามเวอร์ชั่นคูเป้และเปิดประทุนที่กำลังรอการเปิดตัวอยู่ รูปทรงภายนอกก็ยังคงกลิ่นอายการออกแบบจากรุ่นปัจจุบันแต่ได้ขัดเกลาให้มีความทันสมัยมากขึ้น ดีไซน์ก็น่าจะนำเอาจากตัวถังคูเป้มาประยุกต์กับตัวถังซีดานด้วยเช่นกัน การเปิดตัวอาจจะมีขึ้นสิ้นปีนี้หรือต้นปี 2019

BMW
  ค่ายใบพัดฟ้าขาวของเรา เมื่อปลายปีที่ผ่านมาเพิ่งมีการเปิดตัว BMW X3 เจเนเรชั่นใหม่ซึ่งเป็นรุ่นนำเข้าทั้งคัน ฉะนั้นคาดว่าในปีนี้น่าจะมีการเปิดตัวรุ่นประกอบในประเทศที่ราคาถูกลงและได้ออปชั่นเพิ่มเติม น่าจะได้เห็นในช่วงต้นปีถึงกลางปี

  และอีกคันที่เชื่อว่าทาง BMW น่าจะนำเข้ามาขายในไทยด้วยก็คือ BMW X2 รถครอสโอเวอร์ขาดกะทัดรัดดีไซน์สวยของค่าย ประหนึ่งว่าเป็นเวอร์ชั่นที่ดูสปอร์ตมากกว่าเดิมของ X1 (เหมือนกรณี X3 และ X4 / X5 และ X6) อ่านรายละเอียดของตัวรถได้ที่นี่ BMW X2 ครอสโอเวอร์คันใหม่ดีไซน์สปอร์ตจากค่ายใบพัด การเปิดตัวในไทยน่าจะมีขึ้นช่วงต้นปีนี้ครับซึ่งถ้าให้เดาน่าจะเปิดช่วงงาน Motor Show 2018 เดือน มี.ค.-เม.ย. ของปีนี้

  นอกจากนี้แล้วยังคาดว่าชาวไทยน่าจะมีโอกาสได้เห็น BMW i8 Spyder หรือเวอร์ชั่นเปิดประทุนด้วย โดยเวอร์ชั่นเปิดประทุนจะมีการติดตั้งหลังคาผ้าใบที่พับเก็บได้ด้วยระบบไฟฟ้าภายในเวลา 15 วินาทีที่ความเร็วจำกัด 50 กม./ชม.   ขุมพลังยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 3 สูบ เทอร์โบชาร์จเจอร์ ได้รับการเพิ่มเติมพละกำลังเป็น 231 แรงม้า(เดิม 228 แรงม้า) ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าพละกำลัง 143 แรงม้า (เดิม 131 แรงม้า) รวมพละกำลังทั้งระบบที่ 374 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. และยังปรับปรุงแบตเตอรี่กับมอเตอร์ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม 

   คราวนี้ก็มาดูทางฝั่งของตลาดต่างประเทศกันบ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าติดตามเพราะมีหลายคันที่มีโอกาสขายในไทยด้วย (หรือบางรุ่นมีขายอยู่แล้วแต่รอเปลี่ยนโฉมเท่านั้น)
ภาพจาก Motorauthority
- BMW 1-Series รถแฮตซ์แบ็คของค่ายที่จะมีการพลิกโฉมให้ดูสปอร์ตเฉี่ยวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ลืมดีไซน์ที่ดูเรียบๆแบบรุ่นเดิมได้เลย อีกประเด็นสำคัญก็คือ 1-Series โฉมใหม่นั้นจะละทิ้งแพลตฟอร์มเดิมที่เป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลังมาใช้แพลตฟอร์ม UKL อันเป็นแพลตฟอร์มระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ทำให้การเปลี่ยนการวางตำแหน่งเครื่องยนต์จะเปลี่ยนเป็นแบบวางตามขวาง และยังส่งผลให้มีพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังมากขึ้นกว่าเดิมด้วย ขุมพลังแน่นอนว่าจะมีทั้งเบนซิน ดีเซล และอาจมีปลั๊ก-อินไฮบริดมาให้เลือกด้วย ทาง BMW น่าจะมีการเปิดตัวราวๆกลางปี-ปลายปีนี้


ภาพจาก Carscoops
- BMW 3-Series เจเนเรชั่นใหม่ภายใต้รหัส G20 และดูเหมือนว่ารูปทรงนั้นยังคงเอกลักษณ์แบบ 3-Series ไว้เหมือนเดิม แต่ก็ได้นำเอาแนวการออกแบบจากรุ่นพี่อย่าง 5-Series เข้ามาร่วมด้วย   ที่น่าสนใจกว่าภายในก็เห็นจะเป็นภายในห้องโดยสารที่มีการเปลี่ยนแปลงยิ่งกว่าภายนอก มากับดีไซน์ที่ดูทันสมัยและน่าสัมผัสมากขึ้น ภายในจะพบกับชุดมาตรวัดแบบดิจิตอล และหัวเกียร์ทรงใหม่ที่ดูแปลกตากว่า BMW รุ่นก่อนๆ ขุมพลังแน่นอนว่าจะยังคงมีความหลากหลายทั้งเครื่องดีเซลและเบนซิน 3 สูบและ 4 สูบ รวมทั้งขุมพลังแบบ Plug-In Hybrid การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นในช่วงกลาง-ปลายปีนี้


ภาพจาก Autoevolution
ภาพจาก Carscoops
- BMW 8-Series หรือ 6-Series ตัวถังคูเป้และเปิดประทุนเดิมนั่นเอง รูปโฉมจะได้รับการออกแบบให้สปอร์ตและโฉบเฉี่ยวขึ้นไปอีกขั้น และจะได้แนวการออกแบบมาจากรถต้นแบบ 8-Series Concept ค่อนข้างพอสมควร ขุมพลังคาดว่าน่าจะมีให้เลือกตั้งแต่ V6 จนไปถึง V12 กันเลยทีเดียว การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นภายในช่วงกลางปี-ปลายปีนี้
ภาพจาก Motor1.com
- BMW X4 หรือก็คืิอ X3 ในเวอร์ชั่นรถอเนกประสงค์แนวคูเป้ ครึ่งคันหน้าไม่ต่างจาก BMW X3 เลย แต่จะต่างบริเวณครึ่งคันท้ายที่มีการออกแบบใหม่แทบทั้งหมด โคมไฟท้ายทรงใหม่ที่ดูเรียวขึ้นและย้ายตำแหน่งป้ายทะเบียนไปไว้ที่กันชนท้ายแทน ภายในห้องโดยสารและขุมพลังก็คงเหมือนกับ X3 ทุกประการ การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ส่วนเมืองไทยนั้นก็น่าจะมีการเปิดตัวตามมาหลังจากนั้น

ภาพจาก Motorauthority
- BMW X5 ภายใต้การเปลี่ยนโฉมเปลี่ยนเจเนเรชั่นใหม่แบบรวดเร็วสายฟ้าแลบนั้นโดยที่รุ่นปัจจุบันยังไม่ทันได้ Minor Change นั่นเป็นเพราะว่าจะได้มาใช้แพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดของค่าย CLAR platform  (เหมือนที่ใช้ใน 5 และ 7-Series รุ่นล่าสุด รวมทั้ง X3 โฉมล่าสุด) และปูทางไปสู่ BMW X7 ด้วย  รูปโฉมภายนอกมีการออกแบบให้ดุดันและเกรี้ยวกราดยิ่งกว่าเดิม ขุมพลังก็จะมีตั้งแต่ 4 สูบจนไปถึง V8 มีทางเลือกทั้งดีเซล เบนซินและ Plug-In Hybrid การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นช่วงกลางปีนี้

- BMW X7 รถที่ทางค่ายใบพัดหมายมั่นจะให้เป็น Flagship SUV ของค่าย ยกระดับความหรูให้พอๆกับ 7-Series และวางตัวเป็นคู่แข่ง Mercedes-Benz GLS-Class , Range Rover จะสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม CLAR อย่างที่อธิบายไปเมื่อข้างต้น ตัวรถจะได้รับการต่อยอดมาจาก X5 โดยจะมีดีไซน์ที่ค่อนข้างดุดันและหรูหรามากกว่า X5 พอสมควร ซึ่งปลายปีที่ผ่านมาทางค่ายได้แง้มภาพในโรงงานผลิตซึ่งทำให้เห็นดีไซน์หลายส่วนของรถอีกด้วย
ภาพจาก Motor1.com
ภาพจาก Autoevolution
- BMW Z4 รถสปอร์ตโรดสเตอร์โฉมใหม่หมดจดที่คราวนี้จะหันกลับไปใช้หลังคาแบบผ้าใบอีกครั้ง ที่สำคัญคือแพลตฟอร์มของรถคันนี้จะถูกนำไปใช้ร่วมกับตัวตายตัวแทน Toyota Supra อีกด้วย รูปโฉมนั้นจะได้แรงบันดาลมาจากต้นแบบ BMW Z4 Concept ขุมพลังน่าจะมีให้เลือกตั้งแต่ 4 สูบจนไปถึง 6 สูบ การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นราวๆกลางปี-ปลายปีนี้

ภาพจาก  Motorauthority
- BMW X3 M เวอร์ชั่นแรงระดับท็อปของ X3 แน่นอนว่าจะมีการตกแต่งภายนอกด้วยชุดแต่งที่สปอร์ตดุดันมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมตามสไตล์ตัวแรง ขุมพลังน่าจะทำการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร V6 พละกำลัง 425 แรงม้า พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นราวๆต้นปี-กลางปีนี้

ภาพจาก Car Magazine UK
- BMW M2 Competition Package รถคูเป้ตัวแรงของค่ายที่จะมีการปรับปรุงการขับขี่โดยอัปเกรดช่วงล่างให้ดีมากยิ่งขึ้น ส่วนสมรรถนะนั้นยังไม่มีข้อมูลการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงออกมา แต่คาดว่าในปีนี้น่าจะเปิดตัวให้ลูกค้าไดเชยชมกันแน่นอน

Chevrolet
   สถานการณ์ค่ายนี้ในไทย ทุกวันนี้ก็ยังคงขายได้เพราะรถกระบะและ PPV ล้วนๆ ไม่มีแมวผสม และดูเหมือนว่า Cruze และ Captiva ก็คงจะไม่มีสิทธิ์ได้ไปต่อแน่ๆ ฉะนั้นสิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็น่าจะเป็นการเปิดตัวรุ่นพิเศษหรือรุ่นปรับอุปกรณ์ให้กับ Colorado และ Trailblazer ไปเรื่อยๆแก้เงียบเหมือน Isuzu

ภาพจาก Motorauthority
  ส่วนในตลาดโลกมีไฮไลต์สำหรับที่น่าติดตามก็คือ All-New Chevrolet Corvette เจเนเรชั่นที่ 8 กับสิ่งที่น่าสนใจคือการหันมาใช้เครื่องยนต์วางแบบกลางลำครั้งแรก ด้วยภาพสปายช็อตที่มีการถูกแอบถ่ายได้นั้นก็ยืนยันชัดเจนว่า Corvette โฉมใหม่หมดจดจะใช้เครื่องยนต์แบบวางกลางลำแน่นอน ด้วยการออกแบบให้ช่วงด้านหน้าดูสั้นลงและด้านท้ายที่ยาวขึ้น รวมทั้งทรวดทรงที่ค่อนไปทางซูเปอร์คาร์ฝั่งยุโรปพอสมควร ขุมพลังมีการคาดการณ์ว่าน่าจะยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 ที่พกพาสมรรถนะระดับ 400-500 แรงม้า การเปิดตัวนั้นอาจจะมีขึ้นภายในปีนี้ ก่อนวางขายจริงปี 2019 เลย

Ferrari
   ค่ายม้าลำพองในปีนี้สำหรับตลาดไทยน่าจะมีการเปิดตัว All-New Ferrari Portofino รถสปอร์ตเปิดประทุนที่มาทดแทน Ferrari California T ซึ่งมีการเปิดตัวในตลาดต่างประเทศเมื่อกลางปีที่แล้ว   ดีไซน์ภายนอกถือว่ามีความก้าวกระโดดจาก Ferrari California T ไปมากพอสมควร แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ดีไซน์ของ California ไว้อยู่ โดยรับแรงบันดาลใจจาก Ferrari รุ่นใหม่ๆหลายรุ่นทั้ง 812 Superfast และ GTC4 Lusso และแน่นอนว่ารถสปอร์ตคันนี้ยังคงมากับหลังคาแข็งที่สามารถพับเก็บได้เหมือน California รุ่นที่ผ่านมา ขุมพลังจะทำการติดตั้งเบนซิน 3.9 ลิตรทวินเทอร์โบ V8 กำลังสูงสุดที่ 590 แรงม้าที่ 7,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 760 นิวตัน-เมตรที่ 3,000-5,200 รอบ/นาที สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 3.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 320 กิโลเมตร/ชั่วโมง คาดว่าการเปิดตัวในไทยน่าจะมีขึ้นราวๆต้นปี-กลางปีนี้


ภาพจาก Autoevolution
  สำหรับในตลาดต่างประเทศนั้น จะมีอีกหนึ่งรุ่นที่กำลังจะเปิดตัวก็คือ Ferrari 488 GTO หรือเวอร์ชั่นสมรรถนะสูงสุดในตระกูล 488 เลยก็ว่าได้ แน่นอนว่ารูปทรงจะถูกตกแต่งให้มีความเกรี้ยวกราดดุดันกว่าเวอร์ชั่นปกติและออกแบบให้แอโร่ไดนามิกกับแซสซีส์ดีมากยิ่งขึ้น ขุมพลังก็น่าจะยังใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3.9 ลิตร V8 ทวินเทอร์โบ ที่อาจจะรีดสมรรถนะได้มากกว่า 700 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. น่าจะต่ำกว่า 3 วินาที การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นราวๆต้นปี-กลางปี ส่วนเมืองไทยน่าจะมีการนำเข้ามาขายหลังจากนั้น

Ford
  ค่ายวงรีสีฟ้าเมื่อปีที่ผ่านมานั้นถือเป็นอีกปีที่ค่ายมียอดขายเติบโตต่อเนื่องด้วยผลมาจากกระบะ Ranger ล้วนๆ (รวมทั้ง Everest ด้วย) ส่วนยอดรถเก๋งนั้นไม่ได้เรื่องเลย ว่ากันตรงๆคือต้องอาศัยบุญกระบะและ PPV ถึงขายได้จนทุกวันนี้


ภาพจาก caranddriver
  ดังนั้นในปี 2018 นี้ ด้วยความที่ Ford ก็แทบจะเน้นขายกระบะในไทยเป็นพิเศษอยู่แล้ว เมืองไทยเราก็เลยได้โอกาสพิเศษในการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่หลายคนรอคอยนั่นก็คือ "Ford Ranger Raptor" ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกในโลกเลยก็ว่าได้   แน่นอนว่า Ford Ranger Raptor จะวางตำแหน่งทางการตลาดที่สูงกว่า Wildtrak  ภายนอกเท่าที่เห็นจะมีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบกระจังหน้าและกันชนหน้าใหม่ให้ดูแข็งแกร่งและมีความเป็นออฟโรดมากขึ้น ออกแบบซุ้มล้อให้ใหญ่โตกว่ารุ่นปกติและยกตัวถังให้สูงขึ้น ขยายความกว้างในช่วงล้อหน้าและหลัง ทำให้รถดูใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นปกติพอสมควร


   นอกจากนี้คาดว่าน่าจะมีการปรับปรุงในส่วนของระบบช่วงล่างและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเพื่อรองรับการลุยและเกาะถนนที่ดียิ่งขึ้น ส่วนภายในห้องโดยสารนั้นยังไม่มีภาพการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ออกมา ขุมพลังนั้นมีข่าวคร่าวว่าจะมากับเครื่องยนต์ดีเซลบล็อกใหม่แบบ Ecoblue ซึ่งมีชื่อตระกูลให้เรียกเล่นๆว่า "แพนเธอร์ (Panther)" โดยจะมีขุมพลัง 2 แบบ ได้แก่
- เครื่องดีเซลความจุ 2.0 ลิตรแบบเทอร์โบเดี่ยว พละกำลังประมาณ 180-190 แรงม้า 
เครื่องดีเซลความจุ 2.0 ลิตรแบบเทอร์โบคู่ พละกำลังประมาณ 213 แรงม้า
ระบบส่งกำลังมีความเป็นไปได้ที่จะใช้เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด   ส่วนราคาค่าตัวนั้นยังไม่ทราบเพราะรถยังไม่เปิดตัว แต่คิดว่าน่าจะมีราคาที่แพงแน่นอน การเปิดตัว Ford Ranger Raptor จะเกิดขึ้นครั้งแรกในโลกที่ไทยวันที่ 7 กุมภาพันธ์ครับ 



ภาพทั้งหมดจาก FB : สันติ สันติ via. พันธุ์แกร่ง Ford Ranger Newrangerclub.com
  นอกเหนือจาก Ranger Raptor ที่จะเปิดตัวในไทยแล้ว ดูเหมือน Ford ในไทยเองก็มีแผนที่จะปรับโฉมให้กับ Ranger รุ่นย่อยอื่นๆด้วย และมีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ "Limited" ซึ่งเป็นรุ่นย่อยที่มีขายในต่างประเทศมานานพอสมควรแล้ว โดยเป็นรุ่นที่จะแทรกกลางระหว่าง XLT กับ Wildtrak จะมีออปชั่นต่างๆเพิ่มมาจากรุ่น XLT ไม่ว่าจะเป็นชุดหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว , แอร์อัตโนมัติแบบแยกโซนซ้าย-ขวา , ชุดมาตรวัดแบบ Dual TFT , กล้องมองหลัง เป็นต้น และนอกจากนี้น่าจะมีการเพิ่มออปชั่นอื่นๆในหลากหลายรุ่นย่อย เช่น ปุ่มสตาร์ท , กุญแจรีโมท Keyless Entry หรือไฟ LED Daytime Running Lights ตามที่หลายคนเรียกร้อง คาดว่าเราน่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงหลังจากเปิดตัว Ranger Raptor หรือไม่ก็เห็นพร้อมๆกัน และว่ากันว่าขุมพลังใหม่แบบใน Ranger Raptor ก็มีโอกาสมาอยู่ใน Ranger รุ่นรองลงมาด้วย


ภาพจาก FB : Parin Brk
  นอกเหนือจาก Ranger แล้ว ในปีนี้ชาวไทยก็น่าจะมีโอกาสได้สัมผัส Ford Everest ที่จะมีการปรับปรุงเช่นเดียวกับ Ford Ranger การเปลี่ยนแปลงภายนอกคาดว่าน่าจะมีการออกแบบกระจังหน้าใหม่และปรับเปลี่ยนกันชนหน้าใหม่เล็กน้อย และนอกจากนี้น่าจะได้เห็นล้อลายใหม่ด้วเช่นเดียว ส่วนขุมพลังนั้นก็มีความเป็นได้มากทีเดียวที่ Everest จะได้เครื่องยนต์ใหม่เหมือน Ranger Raptor อีกด้วย การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นหลังจาก Ranger Raptor และ Ranger รุ่นอื่นๆเปิดตัวครับ

  และอีกคันที่ยังคงมียอดขายที่โอเคอยู่ (อย่างน้อยก็ขายดีกว่ารถเก๋งอย่าง Focus และ Fiesta) นั่นคือ Ecosport ที่สมควรแก่เวลาในการปรับโฉม Minor Change แล้ว ซึ่งในตลาดโลกก็มีการปรับโฉมหน้าตาและภายในครั้งใหญ่แล้ว แต่ตอนนี้ข่าวการเปิดตัวก็ค่อนข้างเงียบมาก ซึ่งขุมพลังในตลาดโลกก็มีการแนะนำเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร Ecoboost พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดลูกใหม่ (ไม่ใช่ Powershift) ก็ต้องรอดูว่าเมืองไทยจะมีการปรับโฉมให้หรือไม่ และจะมาช่วงไหนของปีนี้

  และด้วยยอดขายรถเก๋งในไทยที่ตกต่ำลงเรื่อยๆนั้นทำให้ผมยากที่จะคาดเดาว่า Ford เมืองไทยจะเอาอย่างไรต่อกับ Ford Fiesta เพราะเมื่อปีที่ผ่านมานั้น Ford เองก็ถอนตัวจากการเข้าร่วมโครงการ Eco Car Phase 2 ไปแล้วเพื่อขอแก้ไขและสร้างความเชื่อมั่นให้กับรถเก๋งในค่ายก่อน แต่ก็ยังย้ำว่าฐานการผลิตรถยนต์นั่งของ Focus และ Fiesta ยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งก็ต้องรอดูทาง Ford เขาต่อไปครับ

 ภาพจาก Motor1
   ทางด้านในตลาดโลกนั้น Ford ก็เตรียมที่จะเปิดตัว All-New Ford Focus รถคอมแพกต์ซีดานโฉมใหม่ถอดด้ามที่มากับรูปทรงที่มีความโค้งมนและโฉบเฉี่ยวมากขึ้นกว่าเดิม จากเดิมที่ดูสวยแบบเรียบๆ ด้านหน้าจะเห็นว่าได้แนวการออกแบบใหม่เหมือนใน Ford Fiesta โฉมล่าสุด จะเห็นไฟหน้าที่ดูสั้นลงแต่มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมกับกันชนที่ดูทันสมัยกว่าเดิม  ใน Focus โฉมนี้ทั้ง 2 รูปแบบตัวถังจะมีการตัดกระจกโอเปร่าออก และมีการออกแบบให้ใช้ประตูหลังบานเดียวกันเหมือนใน Mazda 3 (ยกเว้นตัวถัง Wagon) 

ภาพจาก Motorauthority
กรอบประตูรถออกแบบให้มีความโค้งมนมากขึ้นกว่าเดิม  ต่อเนื่องไปถึงด้านท้ายที่มากับโคมไฟท้ายทรงใหม่จากเดิมที่เป็นก้อน คราวนี้มาเป็นไฟท้ายทรงเรียววางตามแนวนอน ซึ่งก็ถือว่าดูสวยและทันสมัยกว่าเดิม   ส่วนภาพภายในห้องโดยสารทำให้เราเห็นว่าแนวการออกแบบภายในจะคล้ายคลึงกับ Fiesta ใหม่ มีการติดตั้งจอทรงคล้ายแท็บเล็ตเหนือช่องแอร์ การเปิดตัวนั้นน่าจะมีขึ้นในช่วงต้นปีนี้ ส่วนเมืองไทยนั้นจะมีโอกาสได้ไปต่อหรือไม่ก็ไม่อาจทราบได้เพราะยอดขายก็น้อยมากๆ

Honda
ภาพจาก Paultan
   เมื่อปีที่่ผ่านมา Honda มีการเปิดตัวโมเดลใหม่ก็คือ CR-V และเพิ่มทางเลือกให้กับ Civic ด้วยตัวถัง Hachback รวมทั้งการปรับโฉมในรุ่นอื่นๆหลากรุ่น ในปีนี้แน่นอนว่ายังมีอีกคันที่รอการเปิดตัวนั่นก็คือ Honda HR-V Minor Change ที่คาดว่าน่าจะมีการปรับปรุงใบหน้าใหม่ให้ดูทันสมัยมากขึ้น และคาดว่าน่าจะอัดระบบความปลอดภัยเพิ่มเติมเพื่อมาต่อกรกับ Toyota C-HR ที่จะเปิดตัวในไทยช่วงต้นปีเช่นกัน คาดว่าทาง Honda น่าจะมีการเปิดตัวช่วงต้นปีครับ

  คันต่อมาที่น่าจะเปิดตัวภายในปีนี้ก็คือ All-New Honda Accord ที่มีการเปิดตัวในตลาดสหรัฐฯเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งไทยก็น่าจะอิงรูปโฉมมาจากที่นี่เช่นเคย โดยภายนอกได้มีการออกแบบดีไซน์ให้ดูดุดันและสปอร์ตมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ภายในห้องโดยสารที่ดูหรูหราและโอ่โถงมากขึ้น สำหรับเครื่องยนต์คาดว่าเมื่องไทยน่าจะมี 3 ทางเลือก ทั้งเบนซินธรรมดาและไฮบริด

ที่น่าติดตามคือทาง Honda เมืองไทยจะกล้าเปลี่ยนเครื่องเบนซิน 2.4 ลิตรเดิมและแทนที่ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ไดเรคอินเจคชั่นเทอร์โบพร้อม Dual Variable Timing Control (Dual VTC) มากับพละกำลัง 192 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT หรือไม่
นอกจากนี้ยังมีเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid 2.0 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ พละกำลัง 143 แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 174 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวพละกำลัง 181 แรงม้า รวมกำลังทั้งระบบ 211 แรงม้า คาดว่าการเปิดตัว Accord เจเนเรชั่นใหม่ในไทยน่าจะมีขึ้นช่วงปลายปีนี้


  นอกจากนั้นแล้วเราอาจจะได้เห็นการกระตุ้นตลาดใน Civic Hatchback ด้วยการเพิ่มสีแดงเข้าไปเหมือนกับตัวซีดานที่เปิดตัวเมื่อปลายปีนี้ก็เป็นได้

ภาพประกอบคือรุ่นปัจจุบัน
  ส่วนตลาดอื่นๆมีรถหนึ่งรุ่นที่ค่อนข้างน่าสนใจก็คือ Honda Brio Amaze เจเนเรชั่นใหม่ ที่จะเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ตลาดอินเดีย คาดว่ารูปโฉมน่าจะได้แรงบันดาลใจมาจาก Honda รุ่นใหม่ๆหลายรุ่นและสัดส่วนตัวถังไม่น่าจะต่างจากเดิมมาก เครื่องยนต์นั้นน่าจะใช้เครื่องยนต์เดิมที่ปรับปรุงใหม่ โดยเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร พละกำลัง 88 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 109 นิวตัน-เมตรพร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และ 90 แรงม้าพร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT นอกจากนี้ตลาดอินเดียยังมีเครื่องดีเซล 1.5 ลิตร พละกำลัง 100 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตัน-เมตรเป็นทางเลือกด้วย การเปิดตัว All-New Honda Brio Amaze จะมีขึ้นที่อินเดียภายในงาน Auto Expo 2018 เดือนกุมภาพันธ์นี้

Hyundai
    ค่ายรถแดนโสมอย่าง Hyundai ที่ตอนนี้ยังคงเน้นขายแต่ H-1 และ Grand Starex จนทำให้คิดว่าทาง Hyundai อาจจะถอดใจกับ Tucson และ Elantra แล้วหรือเปล่าเพราะจนป่านนี้แล้วก็ยังไม่เอามาเปิดตัวในไทยเสียที
  คาดว่าในปีนี้ชาวไทยน่าจะได้สัมผัส Hyundai H-1 และ Grand Starex Big Minor Change ซึ่งมีการเปิดตัวที่เกาหลีใต้ปลายปี 2017 ที่ผ่านมานี้เอง รูปโฉมภายนอกมีการออกแบบด้านหน้าใหม่หมดจดแทบไม่เหลือเค้าเดิม รวมทั้งเปลี่ยนคอนโซลหน้าใหม่แทบทั้งหมดเช่นเดียวกัน สำหรับตลาดเกาหลีใต้ขุมพลังยังคงใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร CRDi ที่มีพละกำลัง 2 ระดับ ได้แก่ 140 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 353 นิวตัน-เมตรที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และพละกำลัง 175 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 451 นิวตัน-เมตรที่ 2,000-2,250 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ในตลาดเกาหลีใต้มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ การเปิดตัวในไทยอาจจะมีขึ้นในช่วงต้นปีนี้เป็นอย่างเร็วที่สุด 

  สำหรับในตลาดต่างประเทศนั้น Hyundai ก็มีรถที่น่าติดตามข่าวหลายคัน ขอยกคันที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือ
- Hyundai Veloster เจเนเรชั่นใหม่ รถรุ่นนี้ถือเป็นสปอร์ตคูเป้ที่มีแนวคิดการติดตั้งบานประตูที่แปลกแหวกแนวกว่าใครเพื่อน โดยข้างคนขับจะมีประตูเดียว แต่ข้างผู้โดยสารจะมีประตูคู่หลังด้วย รูปโฉมจะมีการออกแบบให้ดูทันสมัยและโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ขุมพลังคาดว่าจะติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.4 ลิตรเทอร์โบชาร์จ และยังมีเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรเทอร์โบชาร์จ ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 7 สปีดและเกียร์ธรรมดา 6 สปีด การเปิดตัวรถคันจริงจะมีขึ้นในงาน North American International Auto Show 2018 เดือนมกราคมนี้

ภาพจาก Motor1.com
ภาพจาก Thekoreancarblog
- Hyundai Santa Fe รถอเนกประสงค์รุ่นใหญ่ที่ใกล้เปลี่ยนโฉมเต็มแก่แล้ว จากรถทดสอบจะเห็นว่าดีไซน์ของรถจะมากับแนวการออกแบบของ Hyundai ยุคใหม่ ด้านหน้ามีดีไซน์ที่ชวนให้นึกถึง Hyundai Kona ซึงจะมากับกระจังหน้าขนาดใหญ่พร้อมตะแกรงรังผึ้งทำให้ดูดุดันกว่าเดิม การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นในกลางปีถึงปลายปีนี้

Isuzu
   แม้ว่าค่ายตรีเพชรจะมีผลิตภัณฑ์หลักๆ ไม่กี่ตัว ซึ่งมีแค่กระบะกับ PPV รวมทั้งรถบรรทุกเท่านั้น ก็ยังคงทำยอดรวมต่อปีได้เยอะ หลังจากเมื่อปีที่ผ่านมาได้ทำการเปิดตัว Isuzu D-Max รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2018 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดตัวรุ่นตกแต่งพิเศษ X-Series คาดว่าภายในช่วงต้นปีราวๆเดือนมีนาคมน่าจะมีการเปิดตัว X-Series ตัวใหม่ออกมาเป็นทางเลือกเพิ่มเติมเหมือนทุกๆครั้ง


ภายในเวอร์ชั่นจีน
   ส่วน Isuzu MU-X นั้นก็เพิ่งมีการปรับโฉมเมื่อต้นปี 2017 ที่ผ่านมานี้เอง ดังนั้นภายในปีนี้ก็ยังไม่ทราบว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเพิ่มหรือไม่ แต่ก็ลุ้นคือเขาจะเอาภายในแบบที่เปิดตัวในประเทศจีนมาใส่ให้เมืองไทยบ้างหรือเปล่า?

   สุดท้าย สิ่งที่คนไทยน่าจะให้ความสนใจก็คือ "เครื่องยนต์ใหม่" ที่จะมาแทนที่เครื่อง 3.0 ลิตรเดิมรหัส 4JJ.. ที่อยู่ในตลาดมานาน ถึงคราวที่จะเปลี่ยนเครื่องใหม่มาสู่รหัส RZ เหมือนเครื่อง 1.9 ลิตรเสียที เรื่องความจุยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน แต่ก็มีข่าวลือว่า "2.4 ลิตร" ก็ต้องรอดูว่าทาง Isuzu จะเอาเครื่องใหม่มาลงให้เมื่อไหร่

Jaguar/Land Rover
   2 ค่ายรถแดนอังกฤษเมื่อปีที่ผ่านมาได้มีการแนะนำรถรุ่นใหม่ในไทยหลากรุ่นพอสมควร ในปีนี้คาดการณ์ว่าน่าจะมีรถใหม่เปิดตัวในไทยดังนี้

 - Jaguar E-Pace เป็นรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์รุ่นที่ 2 ต่อจาก F-Pace แต่มีขนาดเล็กกว่าและวางตำแหน่งทางการตลาดที่ต่ำกว่า F-Pace มีรูปโฉมภายนอกที่ค่อนข้างโค้งมนและดูสวยงาม ดีไซน์ด้านหน้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถสปอร์ตตัวแรง Jaguar F-Type สำหรับขุมพลังในต่างประเทศนั้นจะมีให้เลือกทั้งเบนซินและดีเซล ทุกรุ่นจะมากับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบ โดยเครื่องเบนซินจะมีพละกำลัง 2 แบบ ได้แก่ 249 แรงม้า PS แรงบิดสูงสุด 365 นิวตัน-เมตร และพละกำลัง 300 แรงม้า PS แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร   ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลจะมีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ พละกำลัง 150 แรงม้า PS แรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตร , พละกำลัง 180 แรงม้า PS  แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร และแรงสุด 240 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร การเปิดตัวในไทยน่าจะมีขึ้นในช่วงต้นปี-กลางปี

 - Range Rover Sport Minor Change ปรับโฉมภายนอกและภายในตามรอย Range Rover Velar ไปติดๆ มีการใช้ระบบสัมผัสแทนปุ่มควบคุมมากขึ้นกว่าเดิม  ไฮไลต์สำคัญในต่างประเทศคือการแนะนำขุมพลังใหม่ Plug-In Hybrid ในชื่อรุ่นที่เรียกว่า "P400e" มากับเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 13.1 กิโลวัตต์ ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า รวมกำลังทั้งระบบ 404 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 640 นิวตัน-เมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ในเวลา 6.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. แบตเตอรี่เพียวๆสามารถใช้วิ่งได้ 51 กิโลเมตรโดยใช้เวลาชาร์จแค่ 2 ชั่วโมง 45 นาทีเท่านั้น การเปิดตัวในไทยน่าจะมีขึ้นในช่วงต้นปี-กลางปี


- Range Rover Minor Change รถเอสยูวีเรือธงของค่ายก็มีการปรับโฉมตามๆรุ่นน้องด้วยเช่นเดียวกัน มีการหันมาใช้ระบบสัมผัสภายในห้องโดยสารมากขึ้น และยังแนะนำเครื่องตัวใหม่บล็อกเดียวกับ Range Rover Sport  โดยเป็นขุมพลัง Plug-In Hybrid ในรุ่น P400e Plug-In Hybrid ที่มาแทนรุ่น SDV6 Hybrid Diesel โดยมากับเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบเทอร์โบชาร์จ พละกำลังสูงสุด 300 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 116 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด รวมพละกำลังทั้งระบบ  404 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 640 นิวตัน-เมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.8 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 220 กม./ชม. ตัวรถมีการติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 13.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 51 กิโลเมตรและทำความเร็วสูงสุดได้ 137 กม.ชม. ในโหมดไฟฟ้าล้วน  การเปิดตัวในไทยน่าจะมีขึ้นในช่วงต้นปี-กลางปี

ต่อไปนี้จะเป็นกลุ่มรถใหม่ที่จะมีการเปิดตัวในตลาดต่างประเทศก่อน และมีบางคันที่อาจจะนำมาขายในไทยด้วย
ภาพจาก Motor1.com
ภาพจาก Motor1.com
- Jaguar I-Pace รถครอสโอเวอร์พลังงานไฟฟ้าคันใหม่ล่าสุดของค่าย มีรูปโฉมที่ค่อนข้างปราดเปรียวและโฉบเฉี่ยวตามรอยต้นแบบที่มีการเปิดตัวก่อนหน้านี้เลย ขุมพลังคาดว่าจะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่มากับพละกำลังราวๆ 395 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร และมากับแบตเตอรี่ขนาด 90 กิโลวัตต์ชั่วโมง รองรับระยะทางวิ่งสูงสุดได้ราวๆ 350 กิโลเมตร การเปิดตัวในตลาดโลกน่าจะมีขึ้นภายในปีนี้แน่นอน


ภาพจาก Motor1.com

- Jaguar XE SVR รถซีดานตัวแรงที่วางตัวเป็นคู่แข่งของ BMW M3 รวมถึง Mercedes-AMG C63 แน่นอนว่าจะมีการปรับแต่งภายนอกและภายในให้ดุดันและมีความสปอร์ตมากขึ้น เครื่องยนต์นั้นคาดว่าน่าจะทำการติดตั้งเครื่องเบนซิน 5.0 ลิตร V8 กับตัวเลขสมรรถนะราวๆ 567 แรงม้า การเปิดตัวน่าจะมีภายในช่วงต้นปีถึงกลางปี 



ภาพจาก Autocar UK
- Jaguar F-Pace SVR รถอเนกประสงค์ของค่ายเสือกระโจนที่จะมีทางเลือกสุดฮาร์ดคอร์เช่นเดียวกัน โดยจะวางเครื่องยนต์เบนซิน 5.0 ลิตร V8 กับตัวเลขสมรรถนะราวๆ 567 แรงม้าเช่นเดียวกับ XE SVR วางตัวเป็นคู่แข่งกับ Porsche Macan Turbo การเปิดตัวน่าจะมีภายในช่วงต้นปีถึงกลางปี 


ภาพจาก Autocar UK
- Range Rover Velar SVR อีกหนึ่งรถอเนกประสงค์รุ่นล่าสุดจาก Land Rover ก็จะมีตัวแรงกับเขาเช่นเดียวกัน ขุมพลังก็จะเป็นบล็อกเดียวกับ SVR ตัวอื่นๆที่กล่าวมาข้างต้นเลยนั่นคือ เครื่องยนต์เบนซิน 5.0 ลิตร V8 กับตัวเลขสมรรถนะราวๆ 567 แรงม้า วางตัวเป็นคู่แข่งของ BMW X6 M  , Mercedes-AMG GLE63 Coupe ภายในปีนี้น่าจะเห็นการเปิดตัว


ภาพจาก Funrover
- Land Rover Defender รถเอสยูวีสุดคลาสสิกที่ใกล้จะมีโฉมใหม่แล้ว ล่าสุดเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาก็เริ่มมีรถทดสอบมาวิ่งแต่ยังคงเป็นรถแบบ Test Mule หรือที่เป็นการนำรถรุ่นอื่นๆของค่ายมาสวมครอบทับงานวิศวกรรมใหม่ของค่าย โดยทาง Land Rover เคยให้ข้อมูลแล้วว่า Defender เจเนเรชั่นใหม่จะยังคงมีดีไซน์ที่เชื่อมกับรุ่นเดิมและมีการออกแบบแนวใหม่เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ด้วย ขุมพลังยังคงมีดีเซลและเบนซินเหมือนเดิม และอาจจะมีเวอร์ชั่นพลังงานไฟฟ้าล้วนๆเดียว คาดว่าน่าจะมีการเปิดเผยโฉมภายในปีนี้ ส่วนเมืองไทยน่าจะได้สัมผัสปีหน้า


ภาพจาก Motor1
- Range Rover Evoque รถครอสโอเวอร์น้องเล็กสุดของค่ายก็ได้เวลาเปลี่ยนโฉมใหม่แล้ว จากภาพรถทดสอบจะเห็นว่าทรวดทรงนั้นยังคงไม่ต่างจากตัวปัจจุบันเท่าไหร่นัก แต่มีขนาดที่ใหญ่โตขึ้นเล็กน้อยโดยในตัวใหม่นี้ยังคงสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ Evoque ตัวปัจจุบัน แนวการออกแบบจะยกมาจากรถในตระกูล Range Rover รุ่นใหม่ๆที่เพิ่งเปิดตัวกันไป การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นในช่วงกลางปี-ปลายปีนี้ ส่วนชาวไทยน่าจะได้สัมผัสปีหน้า

Kia
   ค่ายรถแดนโสมรายนี้เป็นอีกค่ายที่ค่อนข้างเดาทางการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ยากมาก อย่างในปีที่่ผ่านมาก็มีการเปิดตัว Kia Grand Carnival เวอร์ชั่น 7 ที่นั่ง รวมทั้งรถพลังงานไฟฟ้า Kia Soul EV และรถซีดานหรูที่ไม่คาดว่าจะมาไทยอย่าง Kia Stinger ในปีนี้ก็ต้องติดตามว่าทาง Kia จะมีอะไรมาเซอร์ไพรซ์เราอีกหรือไม่

  สำหรับในตลาดนอกก็มีบางคันที่อาจจะมีการเปิดตัวในไทยด้วย และก็มีรุ่นอื่นๆที่น่าสนใจเลยยกข้อมูลมาให้ชม
ภาพจาก Freecartok.tistory.com/1705
- Kia Cee'd รถแฮตซ์แบ็คขนาดคอมแพ็กต์ที่ใกล้จะเปิดตัวโฉมใหม่หมดจดแล้วในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ล่าสุดก็มีภาพหลุดแบบไร้การพรางตัวเต็มคันรถมาให้เห็น ดีไซน์ในภาพรวมจะมีความเรียบหรูแบบยุโรปมากยิ่งขึ้น การเปิดตัวคาดว่าจะมีขึ้นภายในงาน Geneva Motor Show 2018 ที่จะจัดขึ้นช่วงเดือนมีนาคมนี้

ภาพจาก Autoevolution
- Kia Grand Carnival / Sedona Minor Change รถมินิแวนยอดนิยมที่ใกล้จะปรับโฉมใหม่แล้ว แม้จะยังพรางอย่างแน่นอนแต่ก็พอเดาได้ว่าน่าจะมีการออกแบบด้านหน้าและด้านท้ายใหม่ให้ทันสมัยขึ้น ขุมพลังน่าจะเหมือนเดิมแต่ปรับเปลี่ยนระบบส่งกำลังจากเดิมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เปลี่ยนเป็น 8 สปีดลูกใหม่ การเปิดตัวในตลาดโลกน่าจะมีในช่วงใดช่วงหนึ่งของปีนี้ ส่วนเมืองไทยอาจจะได้สัมผัสไม่ปีนี้ก็ปีหน้า

ภาพจาก Motor1.com
- Kia K900 รถซีดานหรูระดับเรือธงที่วางขายในตลาดสหรัฐที่เปลี่ยนโฉมใหม่หมดจดให้ทีความทันสมัยและยกระดับความหรูหรามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ขุมพลังน่าจะทำการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 3.3 ลิตร V6 พละกำลัง 365 แรงม้า และ 5.0 ลิตร พละกำลัง 420 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด

Lexus
  ค่ายรถหรูแดนอาทิตย์อุทัยเมื่อปีที่ผ่านมาในไทยก็มีการเปิดตัวหลากรุ่นไม่ว่าจะเป็น Lexus NX Minor Change , CT200h , LS , LC500 ในปีนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะมี Lexus รุ่นใหม่ๆเข้ามาเปิดตัวหรือไม่ คงต้องติดามให้ดี

  แต่สำหรับตลาดต่างประเทศนั้นมีรถที่น่าสนใจหลายคันด้วยกัน ซึ่งก็น่าจับตาเพราะมีหลายรุ่นที่มีสิทธิ์มาวางจำหน่ายในไทยด้วย

ภาพจาก Motor1.com
- Lexus ES เจเนเรชั่นใหม่ ที่จะมีการออกแบบรูปโฉมให้ดูสปอร์ตดุดันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และโฉมนี้จะถือว่าทำตลาดควบรวมไปกับ Lexus GS ไปด้วยเลย ตัวรถจะถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม TNGA เหมือนที่ใช้ใน Toyota หลายๆรุ่น ขุมพลังนั้นคาดว่าจะยังคงใช้เครื่องเบนซิน 3.5 ลิตร V6 พละกำลัง 268 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 336 นิวตัน-เมตร การเปิดตัวในตลาดโลกน่าจะมีขึ้นช่วงต้นปีนี้ ส่วนเมืองไทยน่าจะได้พบกันปลายปี

ภาพจาก Autoevolution
- Lexus LS F รถหรูเรือธงกับเวอร์ชั่นสมรรถนะสูงพร้อมตกแต่งภายนอกให้ดุดันมากขึ้น (รถทดสอบยังสวมชุดแต่งรุ่น F Sport อำพรางไว้อยู่) ที่จะมาท้าชนกับ Mercedes-AMG S63 รวมทั้ง BMW M760iL ซึ่งตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะใช้เครื่องยนต์ตัวไหนซึ่งเครื่องยนต์เบนซิน 5.0 ลิตร V8 พละกำลังสูงสุด 467 แรงม้า ที่วางในตระกูล F หลายรุ่นมีสมรรถนะไม่เพียงพอเพื่อต่อกรกับคู่แข่งได้แน่นอนเพราะคู่แข่งที่กล่าวมามีตัวเลขแรงม้า 600 กว่าๆทั้งนั้น แต่อย่างไรก็ตามก็มีข่าวลือออกมา Lexus กำลังซุ่มพัฒนาเครื่องยนต์เบนซิน 4.0-4.4 ลิตร V8 สมรรถนะกว่า 600 แรงม้าอยู่ ฉะนั้นก็ต้องติดตามกันต่อไป

ภาพจาก Motorauthority
- Lexus RC F Minor Change เวอร์ชั่นสมรรถนะสูงรุ่นปรับปรุงใหม่คู่แข่งของ Mercedes-AMG C63 Coupe รวมทั้ง BMW M4 ที่แน่นอนว่าจะมีการออกแบบรูปโฉมภายนอกให้ดุดันเกรี้ยวกราดมากขึ้น ขุมพลังนั้นในรุ่นปัจจุบันจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 5.0 ลิตร V8 พละกำลังสูงสุด 467 แรงม้า คาดว่าน่าจะมีการปรับปรุงเครื่องยนต์เดิมที่ขายอยู่ ไม่ก็เปลี่ยนเครื่องใหม่ การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นภายในช่วงใดช่วงหนึ่งของปีนี้

Lamborghini
  ค่ายกระทิงดุในไทยเมื่อปีที่ผ่านมานั้นหลายท่านน่าจะได้ตามข่าวเรื่องคดีอายัดรถหรูหลายๆคันซึ่งก็ส่งผลต่อตัวแทนจำหน่ายในไทยด้วย แต่อย่างไรก็ตามปีนี้ก็ยังคงหวังที่จะเห็นรถรุ่นใหม่จะมาขายในไทย นั่นคือ Lamborghini Urus รถ SUV คันล่าสุดของค่ายที่เพิ่งเปิดผ้าคลุมไปหมาดๆเมื่อปลายปี 2017 ที่ผ่านมา มากับรูปโฉมที่ผสานการออกแบบระหว่างรถสปอร์ตและ SUV ได้อย่างลงตัว


ขุมพลังติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4.0 ลิตร V8 ทวินเทอร์โบ มากับพละกำลัง 650 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 3.6 วินาที , 0-200 กม./ชม. ในเวลา 12.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 305 กม./ชม.  ติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพร้อมระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดแบบ Torque Converter ที่ช่วยในการตอบสนองต่อเทอร์โบคู่ V8 และมีการอัตราการกระจายแรงบิดหน้า-หลังอยู่ที่ 40/60 นอกจากนั้นแล้วยังมีระบบที่ช่วยกระจายแรงบิดไปทางล้อหน้าถึง 70% หรือกระจายไปทางล้อหลัง 87% ได้อีกด้วย 

ทั้งนี้สาวกกระทิงดุเมืองไทยก็ต้องติดตามกันต่อไปครับ ถ้าตัวแทนไม่ได้ขายแล้วก็หวังพึ่งนำเข้าเกรย์มาร์เก็ตก็น่าจะได้ครับ

Maserati

  ค่ายรถหรูแห่งแดนมักกะโรตีเมื่อปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนมือผู้บริหารใหม่ในไทย ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาก็มีการแนะนำรถรุ่นใหม่หลายรุ่นทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Maserati Quattroporte Minor Change , Maserati Levante รวมทั้งรุ่นอื่นๆอย่าง Maserati Ghibli และ Maserati Granturismo ที่มีขายด้วยเช่นกัน คาดว่าในปีนี้น่าจะมีการเปิดตัวรถใหม่ในไทย ได้แก่

- Maserati GranTurismo Minor Change ที่มีการปรับโฉมเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา  แม้ว่าจะอยู่ในตลาดมาร่วมๆหนึ่งทศวรรษแล้วก็ตามแต่ก็ยังคงดีไซน์ที่สวยงามเหมือนเดิม ขุมพลังยังคงไว้ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4.7 ลิตร V8 จาก Ferrari มากับพละกำลัง 460 แรงม้าที่ 7,000 รอบ/นาทีและแรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตรที่ 4,750 รอบต่อนาที มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ ZF 6 สปีด คาดว่าชาวไทยน่าจะได้สัมผัสคันจริงราวๆต้นปีที่งาน Motor Show 2018 ช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. นี้


- Maserati Ghibli Minor Change ซีดานหรูรุ่นน้องที่ปรับโฉมเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน มีรูปแบบการตกแต่ง 2 แบบคือ GranLusso ที่จะเน้นความเรียบหรูดูแพง ส่วน GranSport จะเน้นความโฉบเฉี่ยวดุดัน ขุมพลังของรถจะมีหลายแบบด้วยกัน 
 * เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร V6 ทวินเทอร์โบ มีพละกำลังหลายระดับ ตั้งแต่ 350 แรงม้าที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตรที่ 1,750-4,500 รอบ/นาที , 430 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน-เมตรที่ 1,750-5,000 รอบ/นาที 
 * เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร V6 เทอร์โบ มีพละกำลังหลายระดับ ตั้งแต่ 250-275 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตัน-เมตรที่ 2,000-2,600 รอบ/นาที เท่ากันทั้ง 2 แบบ ทุกรุ่นทุกเครื่องยนต์ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด คาดว่าชาวไทยน่าจะได้สัมผัสคันจริงราวๆต้นปีที่งาน Motor Show 2018 ช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. นี้


ภาพจาก Carscoops
  สำหรับในตลาดต่างประเทศนั้น Maserati ก็ยังมีรถรุ่นใหม่รอเปิดตัวนั่นคือ Levante GTS รถอเนกประสงค์ของค่ายกับเวอร์ชั่นแรงสุด ซึ่งน่าจะมีการออกแบบกันชนหน้าและท้ายให้ดูกว่ารุ่นปกติ ขุมพลังนั้นคาดว่าจะติดตั้งเครื่องยนต์ 3.8 ลิตร V8 บล็อกเดียวกับ Quattroporte GTS มากับพละกำลัง 523 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 709 นิวตัน-เมตร คาดว่าน่าจะได้เห็นการเปิดตัวภายในปีนี้แน่นอน


Mazda

   หลังจากกระหน่ำเปิดตัวรถรุ่นใหม่ทั้งรุ่นปรับโฉม ปรับอุปกรณ์และโฉมใหม่หมดจดแทบทุกรุ่นที่วางขายเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา ดูทรงแล้วเหมือนในปีนี้ Mazda น่าจะยังไม่มีรถรุ่นใหม่มาเปิดตัวในไทย แต่อย่างไรก็มีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการปรับอุปกรณ์กระตุ้นตลาดให้กับรถที่จำหน่ายอยู่บ้างเพื่อบรรเทาความเงียบ

  โดยคาดว่าภายในต้นปีนี้จะมีการเปิดตัว Mazda 2 ที่มีการปรับอุปกรณ์อีกรอบโดยเปลี่ยนจากสีแดงเดิมมาเป็นสีแดง Soul Red Crystal โทนเดียวกับ Mazda CX-5 โฉมใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายปี พร้อมทั้งปรับเพิ่มฟังก์ชั่นและระบบความปลอดภัยในรุ่นรองๆลงมา

  ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของ Mazda CX-8 หรือเวอร์ชั่น 7 ที่นั่งของ CX-5 นั่นเอ
 ซึ่งก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าจะมาประกอบขายในไทยด้วย ถ้าหากว่ามาจริงๆก็น่าจะมีการเปิดตัวภายในปลายปี 2018-ต้นปี 2019

  นอกจากนี้เราอาจจะได้เห็็นความเคลื่อนไหวของ Mazda 3 เจเนเรชั่นใหม่ซึ่งปัจจุบันนี้ยังเอาตัวถังรุ่นปัจจุบันมาซุ่มทดสอบเครื่องยนต์กันอยู่ รูปโฉมก็น่าจะอ้างอิงมาจาก Mazda Kai Concept ตัวรถจริงๆก็คงจะเปิดตัวปี 2019 โน่นเลย แต่ในปีนี้อาจจะได้เห็นข่าวความเคลื่ิอนไหวเพิ่มเติม

จุดเด่นของ Mazda 3 เจเนเรชั่นใหม่คือจะเป็นรถคันแรกที่จะวางเป็นเครื่องเบนซินที่จุดระเบิดด้วยการอัดอากาศ โดยเครื่องตัวนี้จะบีบอัดส่วนผสมของเชื้อเพลิงและอากาศจนกว่าจะเกิดการเผาไหม้ซึ่งหลักการทำงานจะคล้ายกับเครื่องดีเซล และจะทำงานร่วมกับซูเปอร์ชาร์จเจอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันมากขึ้น ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทาง Mazda เคลมว่าเครื่อง SKYACTIV-X ตัวนี้จะมีประสิทธิภาพดีกว่าเครื่องเบนซินยุคปัจจุบัน 20-30% รวมทั้งแรงบิดอาจจะเพิ่มขึ้นราวๆ 10-30% อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Mazda เริ่มทดสอบขุมพลังใหม่ SKYACTIV-X ภายใต้ตัวถัง Mazda 3

Mercedes-Benz
  ค่ายดาวสามแฉกในปี 2018 นี้น่าจะมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่หลายรุ่นทีเดียว แต่ก่อนอื่นขอเริ่มเกี่ยวกับรถในไทยก่อน ซึ่งหลังจากที่ปลายปีที่ผ่านมานั้นได้มีการเปิดตัว S-Class Minor Change ที่เป็นรุ่นนำเข้า คาดว่าในปี 2018 นี้น่าจะมีการแนะนำรุ่นประกอบในประเทศ และแน่นอนว่าทางค่ายอาจจะยกเลิกจำหน่ายเครื่องยนต์ดีเซลและแทนที่ด้วยรุ่น Plug-In Hybrid ในรหัส S560e แทน ซึ่งมากับเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร V6 พละกำลัง 362 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 121 แรงม้า รวมกำลังทั้งระบบ 436 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9G Tronic คาดว่าน่าจะมาให้เห็นภายในงาน Motor Show 2018 ช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. ครับ

  อีกคันที่คาดว่าจะมีการเปิดตัวในไทยก็คือ All-New Mercedes-Benz CLS รถซีดานคูเป้สุดหรูที่มีการเปิดตัวโฉมใหม่หมดจดเมื่อปลายปี 2017 ที่ผ่านมานี้เอง มีการออกแบบใหม่ให้มีความโฉบเฉี่ยวและดุดันมากยิ่งขึ้นแต่ก็ยังคงรักษาความโค้งมนและโฉบเฉี่ยวอันเป็นรูปทรงเอกลักษณ์ของ CLS โฉมก่อนๆไว้เช่นเดิม คาดว่าน่าจะมีการเปิดตัวในไทยช่วงต้นปี-กลางปีครับ

 และคันหนึ่งที่น่าจะมีการนำมาเปิดตัวด้วยก็คือ Mercedes-Benz S-Class Coupe และ Cabriolet Minor Change ที่มีการเปิดตัวในตลาดโลกไปแล้วเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา มีการปรับเปลี่ยนหน้าตาภายนอกและภายในให้ทันสมัยยิ่งขึ้น คาดว่าน่าจะมีการเปิดตัวในไทยช่วงต้นปี-กลางปีครับ

ส่วนหลังจากนี้จะเป็นการพูดถึงรถที่จะเปิดตัวในตลาดต่างประเทศครับ ซึ่งก็จะมีหลายคันที่อาจจะมีขายในไทยด้วย มีรายละเอียดดังนี้
ภาพจาก Motorauthority
ภาพจาก Motor1.com
- A-Class รถแฮตซ์แบ็คขนาดกะทัดรัดของค่ายที่ได้ฤกษ์ผลัดโฉมใหม่แล้ว และก็ได้ทำการวิ่งทดสอบมานานพอสมควรแล้ว อีกทั้งยังมีการปล่อยภาพภายในห้องโดยสารออกมาให้ได้เชยชมกัน เป็นการส่งสัญญาณว่าใกล้เปิดตัวแล้ว รูปโฉมด้านหน้าก็จะมีความคล้ายคลึงกับต้นแบบ A-Class Sedan Concept (ตัวซีดานจะเหมือนทั้งหน้าและท้ายเลย แค่ปรับรายละเอียดให้ดูเป็นรถขายจริงมากขึ้น) การเปิดตัวจะมีขึ้นที่งาน Detroit Auto Show 2018 กลางเดือนมกราคม ส่วนเวอร์ชั่นซีดานก็น่าจะตามมาในภายหลัง

ภาพจาก Motor1.com
- B-Class รถมินิ MPV คันนี้ก็ได้เวลาเปลี่ยนโฉมใหม่แล้วเช่นกัน รูปทรงเท่าที่เห็นนั้นก็ยังคงเอกลักษณ์ของ B-Class ไว้เช่นเดิมแต่ก็มีรูปทรงที่ดูโค้งมนและทันสมัยขึ้นเหมือนรถเบนซ์ยุคใหม่ มีเส้นสายที่ดูสะอาดตามากขึ้น ตัวรถจะถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม MFA platform ซึ่งเป็นแบบเดียวกับ A-Class โฉมล่าสุด คาดว่าการเปิดตัวน่าจะมีขึ้นในช่วงปลายปีนี้เป็นอย่างเร็วที่สุด

ภาพจาก Motorauthority
- C-Class Minor Change หลังจากที่อยู่ในตลาดมานาน คราวนี้ก็ได้เวลาปรับโฉมหน้าใหม่แล้วเสียที การเปลี่ยนแปลงหลักๆนั้นก็จะมีกันชนหน้าที่มีการออกแบบใหม่ รวมทั้งโคมไฟหน้าใหม่แบบ Multi-Beam LED รวมทั้งไฟท้ายใหม่ ภายในห้องโดยสารก็มีการเปลี่ยนพวงมาลัยทรงใหม่ และหน้าจอตรงกลางที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ขุมพลังก็ไม่น่าจะหนีพ้นดีเซล เบนซิน รวมทั้ง Plug-In Hybrid คาดว่าน่าจะมีการเปิดตัวในตลาดโลกช่วงต้นปี-กลางปี ส่วนเมืองไทยก็รอติดตามได้หลังจากนั้น

- G-Class รถเอสยูวีทรงกล่องสุดคลาสสิกที่วางขายภายใต้ตัวถังเดิมมานานกว่า 4 ทศวรรษ คราวนี้ก็ได้เวลาผลัดโฉมแล้ว ล่าสุดก็เพิ่งมีภาพหลุดแบบเต็มๆคันออกมาให้ชม ซึ่งจะเห็นได้ว่าโฉมใหม่ก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ทรงกล่องและความคลาสสิกไว้ครบถ้วน แต่ที่ต่างสุดๆคือภายในที่ยกระดับความล้ำสมัยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมแต่ก็ยังคงรายละเอียดความคลาสสิกไว้อยู่ สามารถไปอ่านรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงได้ที่ ชมภาพภายในห้องโดยสาร Mercedes-Benz G-Class รุ่นใหม่ การเปิดตัวจะมีขึ้นภายในงาน  North American International Auto Show 2018 ที่จะจัดขึ้นภายในเดือนมกราคมปีนี้ึีครับ

- GLE-Class อีกหนึ่งรถอเนกประสงค์สุดหรูที่ได้เวลาในการเปลี่ยนโฉมใหม่หมดจด จากภาพรถทดสอบจะเห็นได้ว่ารูปโฉมได้ถูกยกระดับให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น มีสัดส่วนที่ดูมีความโค้งมนมากกว่าเดิม ตัวรถจะสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม MHA อันเป็นแพลตฟอร์มรถอเนกประสงค์ของค่าย ในอนาคตอาจจะมีการใช้แพลตฟอร์มนี้กับ GLS เจเนเรชั่นใหม่ที่จะเปิดตัวราวๆปี 2019 ด้วย

ภายในห้องโดยสารมีดีไซน์ที่ดูล้ำสมัยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมและดูเหมือนว่าจะไม่ใช้ช่องแอร์ทรงกลมแบบรถรุ่นอื่นๆของค่ายด้วย แต่เป็นช่องแอร์ทรงเหลี่ยมที่วางเรียงรายติดกันเหมือนใน Benz รุ่นอื่นๆ ขุมพลังน่าจะมีให้เลือกตั้งแต่ 4 สูบ จนไปถึง 6 สูบ ส่วนเวอร์ชั่นแรงอย่าง AMG จะมีขุมพลัง V8 ให้เลือก การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นภายในช่วงกลางปี-ปลายปี 2018 ครับ

ภาพจาก Motor1.com
- AMG GT4 หลังจากที่มีทั้งเวอร์ชั่นคูเป้และเปิดประทุนแล้ว คราวนี้ค่ายดาวสามแฉกจะทำ AMG GT ในเวอร์ชั่น 4 ประตูออกมา เพื่อมาเป็นคู่แข่งของ Porsche Panamera Turbo และว่ากันว่าอาจจะมาแทน CLS63 อีกด้วย โดยรถคันนี้จะมีรูปโฉมที่อ้างอิงจากต้นแบบ Mercedes-AMG GT Concept ขุมพลังคาดว่าจะทำการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4.0 ลิตร V8 พละกำลัง 469 แรงม้า คาดว่าภายในช่วงต้นปีนี้น่าจะมีการเปิดตัวออกมา

ภาพจาก Motor1.com
- Sprinter สำหรับตลาดเพื่อการพาณิชย์ของค่ายดาวสามแฉกเองก็มีความเคลื่อนไหวเช่นกัน โดยรถตู้ขนาดใหญ่ Sprinter ก็มีแผนที่จะเปิดตัวโฉมใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้เผยภาพภายในห้องโดยสารออกมาให้ชมกันแล้ว ซึ่งจะเห็นถึงดีไซน์ที่ดูทันสมัยใกล้เคียงกับรถเก๋งมากขึ้น

MG
  ค่ายรถอังกฤษในเงื้อมมือจีนที่เพิ่งทำตลาดมาไม่กี่ปีก็ยังรุกตลาดต่อเนื่อง แท้จริงแล้วในปีที่ผ่านมาควรจะมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ 2 รุ่นด้วยซ้ำไป แต่มีหนึ่งรุ่นที่โดนพิษเลื่อนการเปิดตัวออกไปแบบไม่รู้กำหนดการเลยว่าจะมาตอนไหนนั่นคือ "MG GV" (Maxus G10 ในตลาดจีนที่เอามาแปะตรา MG ขายในไทย) รถ MPV 7-11 ที่นั่งคู่แข่ง Hyundai H-1 ซึ่งควรจะเปิดตัวตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมปี 2016 แล้วแต่ก็โดนเลื่อน (ว่ากันว่าเป็นเพราะทำราคาไม่ได้คืออาจจะแพงเกินกว่าจะรับได้) แม้หลายครั้งหลายคราผมเองจะเห็นภาพของ MG GV จอดอยู่ในโรงงานผลิตในไทยที่บรรดาลูกเพจส่งมาให้ดูแต่ก็ยังไร้ข่าวการเปิดตัว ผมเองก็คาดว่าภายในปีนี้น่าจะมีโอกาสได้เห็น MG GV ออกสู่ตลาดไทยเสียที

  แต่คันนี้ยังไงก็เปิดตัวในไทยแน่นอนสำหรับ MG3 Minor Change ที่มีการปรับโฉมครั้งใหญ่ ประยุกต์แนวการออกแบบยุคใหม่เหมือนใน MG ZS และมาจากต้นแบบ MG E-Motion Concept ด้านหน้าออกแบบใหม่ทั้งหมดให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ภายนอกไม่เท่าไหร่ ภายในออกแบบใหม่แทบทั้งหมดให้มีความน่าใช้กว่าเดิม คาดว่าเวอร์ชั่นไทยน่าจะมีการติดตั้งระบบ i-SMART เหมือนใน ZS มาให้ด้วย และน่าจะติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร พละกำลัง 117 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตรที่ 4,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พละกำลังของไทยอาจจะถูกตอนลงมานิดหน่อยอันเป็นผลจากการปรับจูนให้รองรับ E85 ได้ การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นในช่วงต้นปี 2018 ราวๆงาน Motor Show 2018 ช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. ครับ

  คันต่อมาที่คิดว่าน่าจะมีการเปิดตัวก็คือ MG GS Minor Change รถอเนกประสงค์คู่แข่ง Honda CR-V , Mazda CX-5 ฯลฯ ที่ในตลาดจีนมีการเปิดตัวไปแล้ว ซึ่งดันไปพร้อมกับช่วง MG เปิดตัว GS เครื่อง 1.5 ลิตรเทอร์โบในไทยพอดี การเปลี่ยนแปลงหลักๆก็จะมีการออกแบบกันชนหน้าและท้ายใหม่ ภายในออกแบบให้มีความหรูหราและทันสมัยมากขึ้น และแน่นอนว่าเวอร์ชั่นไทยน่าจะมีการติดตั้งระบบ i-SMART มาให้ เครื่องยนต์ก็ไม่ต่างจากเดิม แต่ด้วยข่าวที่ค่อนข้างเงียบและยังไม่เห็นรถทดสอบมาวิ่งในไทยเลย เลยทำให้คาดการณ์ยากว่าจะมาตอนไหน

   และอีกคันที่หลายคนรอคอยก็คือกระบะ Maxus T60 ที่ว่ากันว่าจะมาแปะตรา MG ขายในไทย รูปโฉมก็ถือว่าสวยงามแข็งแกร่งใช้ได้เลย อาจจะมีกลิ่นการออกแบบจากค่ายญี่ปุ่นและอเมริกันผสมเข้ามาบ้าง สำหรับขุมพลังนั้นจะมากับเครื่องยนต๋ดีเซล 2.8 ลิตร VGT ติดตั้งหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงจาก BOSCH มากับพละกำลัง 150 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด/6 สปีด หรือ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบอิเล็กทรอนิกส์จาก BorgWarner นอกจากนี้ Maxus T60 ยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ Normal/Eco/Power ส่วนระบบความปลอดภัยนั้น ทาง SAIC ก็จัดระบบความช่วยเหลือมาแบบไม่น้อยหน้าใคร ด้วยการติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย ระบบควบคุมการทรงตัว ESP ระบบเตือนไม่ให้ออกนอกเลน เป็นต้น ข่าวตอนนี้ก็ค่อนข้างเงียบและยังไม่มีรถทดสอบออกมาวิ่งก็ต้องรอดูว่า MG จะเปิดตัวกระบะตามข่าวที่ร่ำลือกันมาปีกว่าๆหรือไม่ และจะมาในช่วงไหนของปีนี้ ต้องติดตาม

  อีกคันที่ตอนนี้ยังเป็นปริศนาที่ยังหาคำตอบไม่ได้...เมื่อมีสมาชิกหน้าเพจของผม ผู้ใช้ Facebook นามว่า คุณ "ใหม่ กรองทิพย์" ส่งภาพรถอเนกประสงค์ดีไซน์ที่คนไทยหลายคนไม่น่าจะคุ้นตามาวิ่งทดสอบ  ลายพรางสังเกตรู้เลยว่าเครือเดียวกับพวก MG ในไทยแน่นอน ใครไม่ได้ตามข่าวเรื่องรถบ่อยๆจะไม่รู้เลยว่ารถปริศนาคันนี้มีชื่อรุ่นว่า Roewe RX5 (ชื่ออ่านว่าโรวี่) ซึ่งเป็นรถอเนกประสงค์พื้นฐานเดียวกับ MG GS แต่มีรูปโฉมและการตกแต่งที่หรูหรากว่า และผมก็เคยได้อ่านข่าวมาว่า "ทาง MG Thailand ได้ขอบริษัทแม่ให้นำรถอเนกประสงค์ Roewe RX5 เข้ามาจำหน่ายในไทยภายใต้แบรนด์ MG  ขุมพลังของรถคันนี้ในตลาดจีนจะมีให้เลือก 2 แบบ และเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดียวกับ MG GS เลย นั่นก็คือ เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรเทอร์โบ พละกำลัง 169 แรงม้าที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตรที่ 1,700-4,400 รอบ/นาที และเครื่องเบนซิน 2.0 ลิตรเทอร์โบ พละกำลัง 220 แรงม้าที่ 5,000-5,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตรที่ 2,500-4,000 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด , เกียร์อัตโนมัติ 6-7 สปีด 

นอกเหนือจากนั้นแล้วยังมีเวอร์ชั่นปลั๊กอินไฮบริดที่มากับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรเทอร์โบ พละกำลัง 169 แรงม้า พ่วงกับมอเตอร์ไฟฟ้า 41 แรงม้า และเวอร์ชั่น EV ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถวิ่งได้ไกล 320 กิโลเมตร หรือ 425 กิโลเมตรที่ความเร็ว 60 กม./ชม.

ที่น่าสนใจคือทาง MG Thailand กำลังมีแผนอะไรอยู่แน่ จะมาวิ่งทดสอบเล่นๆแต่ไม่ขายในไทยหรือเปล่า หรือว่ารถคันนี้อาจจะมาแทนที่ MG GS ในอนาคต หรืออาจจะมาขายแทน MG GS รุ่น 2.0 ลิตรที่ยอดขายค่อนข้างน้อย เรื่องนี้ยังคงเป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้และต้องโยนหินถามทางต่อไป เอาเป็นว่าก็ต้องติดตามข่าวกันอย่างใกล้ชิด

MINI
   สำหรับค่ายรถเล็กแดนผู้ดี เมื่อปีที่ผ่านมาก็มีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่หลากรุ่นทั้งในไทยและเทศ ซึ่งหลังจากที่เมืองไทยได้เปิดตัว MINI Countryman เจเนเรชั่นใหม่ไปแล้วเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมาโดยเป็นเวอร์ชั่นนำเข้าทั้งคัน คาดว่าภายในปีนี้น่าจะมีการเปิดตัว Countryman รุ่นประกอบในประเทศที่จะมีราคาที่ถูกลงมาและอาจเพิ่มเติมออปชั่นอีกหลายรายการ (ยกเว้นตัวแรง John Cooper Works ที่ยังคงนำเข้าอยู่)
  ทางด้านตลาดต่างประเทศนั้น MINI Cooper ตัวถังแฮตซ์แบ็ค 3 ประตู , เปิดประทุน และ รุ่น 5 ประตู ก็มีการปรับโฉมเล๋กน้อย ซึ่งก็ปรับปรุงหลักๆก็จะมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดโคมไฟหน้าและไฟท้ายใหม่ดีไซน์รายละเอียดเป็นลายธงชาติอังกฤษยูเนี่ยนแจ็ค  ภายในห้องโดยสารมีการอัปเดตระบบภายในให้ทันสมัยขึ้นและตกต่างภายในเพิ่มเติม ส่วนขุมพลังก็ยังคงใช้เครื่องยนต์ 3-4 สูบดีเซลและเบนซินตามเดิม ระบบส่งกำลังจะมีทางเลือกเกียร์อัตโนมัติลูกใหม่เป็นเกียร์อัตโนมัติแบบ Dual Clutch 7 สปีดอีกด้วย เมืองไทยก็รอติดตามช่วงกลางปี-ปลายปีครับ

Mitsubishi
   ค่ายทรีไดมอนด์ในปีที่ผ่านมา ไม่มีการเปิดตัวรถโมเดลใหม่แม้แต่คันเดียว มีเพียงแค่การเปิดตัวรุ่นปรับอุปกรณ์และรุ่นพิเศษเท่านั้น แต่ในปีนี้นั้นมีไฮไลต์ที่น่าติดตามก็คือ Mitsubishi Xpander รถอเนกประสงค์แนว MPV ขนาด 7 ที่นั่งรุ่นล่าสุดของค่าย มากับรูปโฉมที่ค่อนข้างล้ำสมัยสุดๆ ซึ่งตอนนี้ถือว่าประสบความสำเร็จมากทีเดียวในตลาดอินโดนีเซีย ขุมพลังจะมีทางเลือกเพียงแบบเดียวคือ เครื่องยนต์เบนซินรหัส 4A91 ความจุ 1.5 ลิตร MIVEC มากับกำลังสูงสุด 104 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ระบบเบรกด้านหน้าเป็นแบบดิสก์และหลังเป็นดรัมเบรก แต่เริ่มเดิมทีนั้น Xpander จะต้องเปิดตัวในไทยปลายปี 2017 ที่ผ่านมาแล้ว แต่ด้วยยอดขายที่ดีมากในอินโดนีเซียจนแทบส่งรถไม่ทัน ทำให้กำหนดการถูกเลื่อนมาภายในปี 2018 นี้แทน แต่จะเป็นช่วงไหนของปีก็ต้องติดตามกัน

  และในปีนี้นั้นกระบะอย่าง Mitsubishi Triton ก็กำลังจะเดินทางก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว แต่ยังไม่มีการปรับโฉมด้านหน้าเลย มีเพียงแค่การเปิดตัวรุ่นพิเศษประคับประคองยอดขายไปพลางๆเท่านั้น เนื่องด้วยรถรุ่นนี้ก็เป็นอีกคันที่โดนตำหนิเรื่องหน้าตาพอสมควรพอๆกับ Toyota Hilux Revo (แต่ Revo รีบปรับโฉมเรียบร้อย) มีหลายคนที่อยากให้ Triton ปรับโฉมใหม่ให้มีหน้าตาคล้ายๆกับ Pajero Sport ก็ต้องรอดูว่าปีนี้ทาง Mitsubishi เขาจะขยับเขยื้อนอะไรบ้างมั้ย

Nissan
   ค่ายเพื่อนที่แสนดี ในปีที่ผ่านมานั้นมีรถโมเดลใหม่เปิดตัว 1 คันก็คือ Nissan Note นอกนั้นก็จะเป็นรุ่นปรับอุปกรณ์ไม่ก็รุ่นพิเศษ ถือว่าเป็นอีกปีที่ค่อนข้างเงียบ คาดว่าในปี 2018 นี้ ค่าย Nissan น่าจะมีความคึกคักอีกครั้งกับการเปิดตัวรถรุ่นใหม่อีกหลากหลายรุ่นในไทย
ภาพจาก Autohome
- Nissan Terra (Navara PPV) อีกหนึ่งรุ่นใหม่ที่มีข่าวว่าจะมาขายในไทยเป็นปีสองปีแล้ว หลายคนอาจจะกังวลว่ามันจะไม่ทับกับ X-Trail คำตอบคือไม่ครับ เพราะ Navara PPV ก็จะมาในรูปแบบเครื่องยนต์ดีเซล ส่วน X-Trail ก็ขายเบนซินกับไฮบริดไป รูปโฉมภายนอกก็น่าจะไม่ต่างจากเวอร์ชั่นจีนมากนััก ขุมพลังแน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร พละกำลัง 163 และ 190 แรงม้า พร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและอัตโนมัติ 7 สปีด แต่หลายคนก็คงลุ้นว่าเครื่องดีเซล 2.3 ลิตรแบบตลาดนอกจะมีโอกาสมาไทยหรือไม่ คาดว่าชาวไทยน่าจะได้เห็นราวๆต้นปี-กลางปีนี้ครับ

- Nissan X-Trail Minor Change ได้เวลาแล้วสำหรับการปรับโฉมรถอเนกประสงค์คันเก่งของค่าย หลังจากที่ทำตลาดมา 3 ปีกว่าๆแล้ว รูปโฉมก็อิงจากต่างประเทศมาเลยแต่แน่นอนว่าอาจจะมีรายละเอียดบางจุดที่แตกต่างกันบ้าง ขุมพลังนั้นคาดว่าจะยังคงเป็นเครื่องยนต์เบนซินธรรมดาและไฮบริดดังเดิม การเปิดตัวน่าจะอยู่ในช่วงต้นปี-กลางปี

- Nissan Note E-Power หลังจากที่ Note เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตรเปิดตัวในไทยเมื่อต้นปี 2017 ที่ผ่านมานั้น ก็มีหลายคนไม่น้อยที่เรียกร้องให้เอา Note E-Power แบบในตลาดญี่ปุ่นมาขายในไทย ล่าสุดทาง Nissan ได้นำ Note E-Power มาโชว์ตัวภายในงาน Motor Expo 2017 บวกกับข่าวจากสื่อหลายเจ้าที่ให้ข้อมูลว่า Nissan เมืองไทยเตรียมจะนำ Note E-Power มาขายในไทยด้วย โดยความพิเศษของ Note E-Power ก็คือการใช้เครื่องยนต์ในการปั่นไฟเข้าแบตเตอรี่เพื่อใช้เป็นพลังงานให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนรถ (ซึ่งเครื่องยนต์นั้นไม่ใช่ตัวช่วยในการขับเคลื่อน แต่เป็นมอเตอร์ไฟฟ้านั่นเอง) ไม่เหมือนกับเครื่องยนต์ Hybrid แบบทั่วๆไป มีความเป็นไปได้ที่เราอาจจะได้ใช้ Note E-Power ภายในปีนี้ หรืออย่างช้าก็ปีหน้า

- Nissan Leaf อีกหนึ่งคันที่จะมาเติมเต็มไลน์อัพของ Nissan เมืองไทยให้มีความหลากหลายมากขึ้น และได้นำมาโชว์ตัวในไทยภายในงาน Motor Expo 2017 ช่วงปลายปีที่ผ่านมาด้วย ซึ่งถ้ามาไทยแล้วจะทำให Nissan เป็นเจ้าแรกในไทยที่บุกเบิกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยรถคันนี้จะขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนขนาด 40 กิโลวัตต์ชั่วโมงและมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว พละกำลัง 150 แรงม้า ฃ แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร รองรับระยะทางวิ่งได้สูงสุดถึง 400 กิโลเมตรตามมาตรฐาน JC08 ของญี่ปุ่น ระยะเวลาการชาร์จนั้น เมื่อใช้ปลั๊ก 3 กิโลวัตต์จะใช้เวลา 16 ชั่วโมง ถ้าเป็นปลั๊ก 6 กิโลวัตต์จะใช้เวลา 8 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันการชาร์จไฟแบบเร่งด่วนที่สามารถชาร์จได้ 80% ในเวลา 40 นาทีเท่านั้น คาดว่า Leaf น่าจะเปิดตัวและวางขายในไทยอย่างเร็วที่สุดภายในปีนี้ หรืออย่างช้าก็ปีหน้าเลย


- Nissan Micra หรือชื่อ Nissan March ในตลาดไทย ซึ่งโฉมเก่าถือว่าทำตลาดนานแล้ว น่าจะได้เวลาเปลี่ยนโฉมแล้ว ซึ่งก็มีหลายคนสามารถจับภาพรถทดสอบในไทยได้ น่าจะเป็นการส่งสัญญาณแล้วว่ารุ่นนี้ยังไงก็เข้ามาขายในไทยแน่นอน และน่าจะเป็นรถคันแรกของ Nissan ที่ทำตลาดภายใต้โครงการอีโคคาร์เฟส 2 ขุมพลังในตลาดต่างประเทศจะมีทั้งหมด 3 เครื่องยนต์ด้วยกัน
- เครื่องยนต์เบนซิน 0.9 ลิตรเทอร์โบชาร์จ 3 สูบ พละกำลัง 90 แรงม้า  แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร
- เครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร พละกำลัง 73 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 95 นิวตัน-เมตร
- เครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร พละกำลัง 90 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร
ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ CVT สำหรับเมืองไทยมารอลุ้นกันครับว่าจะเปิดตัวเมื่อไหร่


- Nissan Kicks คันนี้เคยคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วก็ยังไม่มาเสียที ในปีนี้ก็หวังว่าจะได้เห็นความเคลื่อนไหวบ้าง เพราะทราบมาว่า Nissan Juke ก็ยุติการนำเข้าแล้ว ฉะนั้นจะทำให้ตลาด B-SUV ของ Nissan ว่าง และตอนนี้ก็ยังไม่แม้แต่จะเห็นรถทดสอบมาวิ่งในไทยแม้แต่น้อย ซึ่งก็ยังแอบหวังว่า Nissan น่าจะมีการเปิดตัว Kicks ในไทยภายในปีนี้หรือถ้าไม่ทันก็คงเป็นปีหน้าเลย

  สำหรับในตลาดโลกนั้นก็มีรถที่น่าสนใจก็คือ All-New Nissan Altima หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ Nissan Teana ที่ได้ฤกษ์สำหรับการเปลี่ยนโฉมใหม่หมดจด เพื่อมาต่อกรกับ Toyota Camry และ Honda Accord ที่ต่างเปลี่ยนโฉมไปเรียบร้อย รูปโฉมของ Altima เจเนเรชั่นใหม่จะอ้างอิงมาจากรถต้นแบบ  Nissan Vmotion 2.0 Concept มาพอสมควร คาดว่าภายในต้นปีนี้น่าจะมีการเปิดตัวในตลาดสหรัฐ

Porsche
   ค่ายรถหน้ากบแห่งเยอรมัน สำหรับในตลาดไทยเมื่อปีที่ผ่านมาก็มีการเปิดตัวทั้ง Porsche Panamera Sport Turismo และเวอร์ชั่นฐานล้อยาว Executive และมีการเปิดตัว Porsche Cayenne เจเนเรชั่นใหม่อีกด้วย แต่รถที่โชว์ยังคงเป็นเวอร์ชั่นเยอรมันซึ่งเป็นพวงมาลัยซ้าย คาดว่าภายในช่วงต้นปีนี้น่าจะมีรุ่นพวงมาลัยขวาที่พร้อมขายในไทยมาโชว์ตัวในสยามพารากอนและโชว์รูมของ Porsche แน่นอน

ภาพจาก Motorauthority
  สำหรับการเปิดตัวรถใหม่ในต่างประเทศนั้น ก็มีรถที่น่าติดตามหลายคัน ขอเริ่มที่ Porsche 718 Boxster Spyder รถสปอร์ตเปิดประทุนที่มีดีไซน์การเปิดหลังคาที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งต้องพับเก็บด้วยมือ โดยช่วงท้ายนั้นออกแบบฝากระโปรงท้ายเพื่อให้รำลึกถึง Porsche 718 Spyder ในยุค 1960 นั่นเอง  ขุมพลังยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะวางเครื่องยนต์แบบไหน แต่ในรุ่นปัจจุบัน 718 รุ่นปกตินั้นติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบ ทำให้คาดว่าเวอร์ชั่นเปิดประทุนสมรรถนะสูงคันนี้อาจจะติดตั้งเครื่อง 6 สูบก็เป็นได้ โดยใน Spyder รุ่นก่อนมีพละกำลัง 375 แรงม้า ในรุ่นใหม่อาจจะทำได้ราวๆ 400 แรงม้า พร้อมทางเลือกเกียร์ธรรมดา 6 สปีดแต่ยังไม่ทราบว่าจะมีเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch มาให้หรือไม่ การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นภายในช่วงต้นปีนี้



ภาพจาก Motor1.com
  คันต่อมาก็คือ Porsche 718 Cayman GT4 อีกหนึ่งตัวแรงของตระกูล 718 ในเวอร์ชั่นคูเป้หลังคาแข็ง รูปร่างหน้าตาภายนอกจะมีการออกแบบให้ดุดันขึ้นกว่ารุ่นปกติโดยจะมากับช่องระบายอากาศกันชนหน้าขนาดใหญ่ และสปอยเลอร์ที่ติดบริเวณฝาท้าย ขุมพลังยังไม่มีการชี้ชัดว่าจะใช้เครื่องยนต์แบบไหนแต่จากรุ่นก่อนที่ทำตัวเลขสมรรถนะได้ 385 แรงม้าจึงคาดว่าในรุ่นใหม่น่าจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 400 แรงม้า พร้อมกับระบบส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นภายในช่วงต้นปีนี้

ภาพจาก Carscoops
  ต่อด้วย Porsche Macan Minor Change รถอเนกประสงค์รุ่นเล็กของค่ายที่จะปรับรูปทรงภายนอกและภายในให้มีความทันสมัยมากขึ้น รวมทั้งติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามา ขุมพลังมีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มรุ่น Plug-In Hybrid มาเป็นทางเลือกด้วย ในปีนี้น่าจะมีการเปิดตัวออกมาแน่นอน

ภาพจาก Motorauthority
ภาพจาก Carscoops
  อีกคันที่มีความเป็นไปได้ก็คือ Porsche 911 สปอร์ตหรูเจเนเรชั่นใหม่ภายใต้รหัสตัวถัง 992 แน่นอนว่ารูปทรงตัวถังยังคง DNA ความเป็น 911 ไว้เช่นเดิม แต่มีความโฉบเฉี่ยวและปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือไฟท้ายทรงใหม่ที่จะลากยาวจากซ้ายจรดขวา รวมทั้งช่องระบายอากาศเครื่องยนต์ดีไซน์ใหม่ ภายในห้องโดยสารจะมาพร้อมกับความล้ำสมัยมากกว่าเดิม มีการใช้การแสดงผลแบบดิจิตอลมากขึ้น เครื่องยนต์น่าจะมีให้เลือกตั้งแต่ 4-6 สูบ และมีความเป็นไปได้ที่จะติดตั้งขุมพลัง Plug-In Hybrid และขับเคลื่ิอนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียวหรือ EV ในอนาคตด้วย การเผยโฉมน่าจะมีขึ้นอย่างเร็วที่สุดปลายปีนี้หรืออย่างช้าต้นปีหน้า

ภาพจาก Motorauthority
ปิดท้ายด้วย Porsche Mission-E รถคันแรกของค่ายที่มาพร้อมกับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียวๆ รูปทรงรถนั้นถือว่ามีความล้ำสมัยและแปลกตากว่า Porsche รุ่นอื่นๆ ดีไซน์การออกแบบจะได้แนวจาก Porsche Mission-E Concept ที่เคยเผยโฉมในปี 2015 มาแบบเต็มๆ  ขุมพลังของรถจะมีการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวด้านหน้าและหลัง พละกำลังสูงสุด 600 แรงม้า และสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 3.5 วินาที คาดว่าตัวรถอาจจะเผยโฉมภายในปีนี้และอาจจะวางขายจริงราวๆปีหน้า

Rolls-Royce
  ค่ายอัครมหายานยนต์หรูแห่งแดนผู้ดี คาดว่าในปีนี้มหาเศรษฐีชาวไทยน่าจะได้สัมผัสกับ All-New Rolls-Royce Phantom ที่มีการเปิดตัวในตลาดต่างประเทศมาระยะหนึ่งแล้ว ฉะนั้นตอนนี้น่าจะได้เวลาอันสมควรแล้ว ใครสนใจก็สามารถไปอ่านรายละเอียดได้ที่ All-New Rolls-Royce Phantom รถที่ถูกหมายมั่นปั้นมือให้มีความหรูหราที่สุดในโลก คาดว่าการเปิดตัวในไทยน่าจะมีขึ้นช่วงต้นปีนี้ ราวๆงาน Motor Show 2018 ช่วงมี.ค.-เม.ย.

ภาพจาก Motorauthority
  นอกจากนี้ในตลาดต่างประเทศยังมีรถอีกคันที่รอการเปิดตัว นั่นคือ Rolls-Royce Cullinan ครั้งแรกกับการลงตลาดเอสยูวีหรูของค่าย Rolls-Royce โดยรูปทรงยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของค่ายไว้ครบถ้วน แน่นอนว่ารถคันนี้จะสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดเหมือนใน Phantom ขุมพลังคาดว่าน่าจะทำการติดตั้งเครื่องเบนซิน 6.75 ลิตร V12 ทวินเทอร์โบบล็อกใหม่ มากับพละกำลัง 563 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 900 นิวตัน-เมตร การเปิดตัวจะมีขึ่้นภายในปีนี้แน่นอนแต่จะเป็นช่วงไหนของปีต้องติดตาม ส่วนเศรษฐีขาวไทยจะได้สัมผัสหรือไม่นั้นก็ต้องรอดูเช่นกัน

Ssangyong
  ค่ายรถแดนโสมรายนี้ยังคงให้ Ssangyong Stavic เป็นพระเอกผู้ช่วยสร้างยอดในไทยเช่นเคย คาดว่าในปีนี้เมืองไทยน่าจะมีการเปิดตัว All-New Ssangyong Rexton รถเอสยูวีหรูรุ่นล่าสุดที่เปิดตัวในตลาดโลกช่วงเมษายนปี 2017 ที่ผ่านมา โดยในตลาดโลกจะมีให้เลือก 2 ขุมพลังคือ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร พละกำลัง 187 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร และเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พละกำลัง 224 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร มีทางเลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและอัตโนมัติ 7 สปีด คาดว่าชาวไทยน่าจะได้เห็นช่วงงาน Motor Show 2018 ช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. ครับ

Subaru
  ค่ายรถดาวลูกไก่เมื่อปีที่ผ่านมาในไทยมีไฮไลต์ที่สำคัญก็คือการเปิดตัว All-New Subaru XV นั่นเอง และยังมีการเปิดตัวรุ่นย่อยเพิ่มเติมให้กับ Forester และมีการเปิดตัว BRZ Minor Change อีกด้วย คาดว่าในปีนี้ในไทยน่าจะมีการเปิดตัวรถใหม่หลายรุ่นเหมือนเช่นเคย เริ่มจาก

ภาพจาก Netcatshow 1 / 2
- Subaru WRX และ Subaru WRX STi Minor Change สองซีดานตัวแรงที่มีการเปิดตัวรุ่นปรับโฉมในตลาดอื่นๆไปแล้ว ถือว่าเป็นการปรับโฉมรอก่อนที่ WRX และ WRX STi ที่พัฒนาภายใต้พื้นฐาน Subaru Impreza โฉมใหม่จะมาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ขุมพลังนั้นยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ซึ่งใน WRX จะมากับเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ พละกำลัง 268 แรงม้า ส่วนใน WRX STI จะมากับเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร 4 สูบ พละกำลัง 305 แรงม้า ทุกรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือ เกียร์อัตโนมัติ Lineatronic CVT มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Symmetrical AWD เมืองไทยน่าจะมีการเปิดตัวราวๆต้นปีนี้เป็นอย่างเร็วที่สุด


- Subaru Outback Minor Change รถอเนกประสงค์สไตล์รถแวกอนยกสูงที่อัพหน้ามาใหม่ให้ดูทันสมัยมากขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา และยังมีการตกแต่งภายในที่ให้ความหรูหราน่าสัมผัสกว่าเดิม แน่นอนเครื่องยนต์ในตลาดไทยก็คงหนีไม่พ้นครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร 4 สูบที่มากับพละกำลัง 175 แรงม้าที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 235 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT ที่ปรับปรุงให้มีอัตราเร่งที่นุ่มขึ้น พร้อม Paddle Shift เมืองไทยน่าจะมีการเปิดตัวราวๆต้นปีนี้เป็นอย่างเร็วที่สุด


- Subaru Levorg Minor Change ปรับโฉมด้านหน้าเล็กน้อยเท่านั้น พร้อมกับล้ออัลลอยลายใหม่ ภายในตกแต่งด้วยวัสดุที่มีคุณภาพมากขึ้น เมืองไทยน่าจะทำตลาดด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตรเทอร์โบ พละกำลัง 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT โดยเครื่องยนต์มีการปรับจูนกล่อง ECU ส่งผลให้มีประสิทธิภาพการขับขี่ดีขึ้น และยังมีการติดตั้งผ้าเบรกใหม่อีกด้วย การเปิดตัวในไทยน่าจะมีขึ้นช่วงต้นปีเป็นอย่างเร็วที่สุด

ภาพจาก Motorauthority
  นอกจากนั้นแล้วยังมีอีกคันที่เป็นโฉมใหม่หมดจดรอการเปิดตัวในตลาดโลกก่อนก็คือ All-New Subaru Forester ดูจากรถทดสอบน่าจะมีการออกแบบด้านหน้าตามแนว Subaru ยุคใหม่ เส้นสายตัวรถดูมีความปราดเปรียวกว่าเดิม และมากับไฟท้ายแนวนอน ตัวรถจะถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดเหมือนใน Impreza และ XV เจเนเรชั่นล่าสุด การเปิดตัวในตลาดโลกน่าจะในช่วงใดช่วงหนึ่งของปีนี้ ส่วนเมืองไทยน่าจะมีการเปิดตัวในปี 2019

Suzuki
  ค่ายผู้ถนัดทำรถเล็กอย่าง Suzuki ร้างหายจากการเปิดตัวรถโมเดลใหม่ๆในไทยมาค่อนข้างนานพอสมควรแล้ว ในปีนี้แน่นอนว่าจะต้องมี All-New Suzuki Swift มาเปิดตัวในไทยเป็นอย่างแน่นอน รูปโฉมนั้นก็ยังคง DNA ความเป็น Swift ไว้อย่างครบครัน เพิ่มเติมคือภายในที่ดูทันสมัยและน่าสัมผัสมากยิ่งขึ้น ขุมพลังนั้นจะทำการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.25 ลิตร Dual Jet พละกำลัง 91 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 118 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที พร้อมระบบส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ CVT คาดว่า Swift เจเนเรชั่นใหม่จะเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์เฟส 2 และติดตั้งระบบความปลอดภัยไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมการทรงตัว ระบบป้องกันการลื่นไถล ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชันมาให้ในทุกรุ่นย่อยเหมือนอีโคคาร์หลายรายในปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้ Swift โฉมใหม่เป็นรุ่นแรกของ Suzuki ในไทยที่ติดตั้งระบบพวกนี้มาให้ การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นภายในช่วงต้นปีนี้อย่างแน่นอน


ภาพจาก Gaadiwaadi
Suzuki Ciaz เวอร์ชั่นจีน ใช้ชื่อว่า Alivio Pro
  อีกคันที่น่าจะมีการเปิดตัวก็คือ Suzuki Ciaz Minor Change ในภาพรถทดสอบเป็นโฉมของตลาดอินเดีย ซึ่งจะมีการออกแบบรูปโฉมให้แตกต่างจากเวอร์ชั่นจีนไปพอสมควร เครื่องยนต์นั้นก็น่าจะใช้ขุมพลังเดิมและอาจจะเพิ่มระบบความปลอดภัยใหม่ๆเข้ามา ในอินเดียเปิดตัวปีนี้แน่นอน ส่วนไทยจะเข้ามาตอนไหนและจะใช้หน้าตาแบบใดก็ต้องรอชม

 สุดท้ายยังมีอีกคันที่หวังจะกระตุ้นตลาดบ้างก็คือ Suzuki Celerio ที่เดาว่าอาจจะมีการปรับโฉมเหมือนในตลาดอินเดีย ทั้งนี้ก็ต้องรอดูท่าที Suzuki Thailand ว่าจะเลือกที่จะขายรุ่นนี้ต่อหรือจะยกเลิกการขายไป

  นอกจากนี้ในตลาดต่างประเทศยังมีอีกหลายคันที่น่าสนใจก็คือ
ภาพจาก Motor1.com
- Suzuki Jimny รถเอสยูวีขนาดเล็กของค่ายที่กำลังจะเปลี่ยนโฉมใหม่ รูปทรงในรุ่นใหม่นี้จะเน้นไปในทางคลาสสิกผสมผสานกับความทันสมัย มาในรูปทรงกล่องคล้ายคลึงกับ Mercedes-Benz G-Class ขุมพลังมีความเป็นไปได้ที่จะใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตรเทอร์โบชาร์จ BoosterJet 3 สูบ รวมถึงเครื่องเทอร์โบขนาดเล็ก 0.66 ลิตร หรืออาจจะเป็นเบนซิน 1.2 ลิตร ภายในปีนี้น่าจะมีการเปิดตัวในสาวกได้ชมอย่างแน่นอน 


ภาพจาก Team-BHP
ภาพจาก Gaadiwaadi
- Suzuki Ertiga รถ Mini MPV 7 ที่นั่งคู่แข่ง Toyota Avanza , Honda Mobilio ที่ได้เวลาเปลี่ยนโฉมใหม่หมดจดแล้ว รถจะถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม HEARTECT เหมือนที่ใช้ใน Swift เจเนเรชั่นล่าสุด ดูรูปทรงแล้วตัวรถน่าจะยังมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น มีรูปทรงไฟหน้าและไฟท้ายที่ดูเรียวและทันสมัยมากขึื้น ภายในช่วงใดช่วงหนึ่งของปีนี้น่าจะมีการเปิดตัว ส่วนชาวไทยจะได้สัมผัสรุ่นนี้ตอนไหนก็ต้องติดตามกันต่อ

Toyota
  ค่ายรถสามห่วงในปีนี้เป็นอีกปีที่น่าสนใจ เพราะมีรถโมเดลใหม่หลายรุ่นรอการเปิดตัวในไทยอยู่ ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นรถที่ใครๆหลายคนต่างรอคอย

   เริ่มที่ Toyota C-HR รถอเนกประสงค์ดีไซน์โฉบเฉี่ยวคู่แข่ง Honda HR-V , Mazda CX-3 ฯลฯ ในปีที่ผ่านมาทาง Toyota ก็ได้ยั่วน้ำลายด้วยการนำรถคันจริงมาจัดแสดงภายในงาน Motor Expo 2018 ก่อนการขายจริงจะเริ่มต้นราวๆเดือนมีนาคมของปีนี้ เครื่องยนต์ที่วางจำหน่ายในไทยจะมีด้วยกัน 2 แบบ คือ
- เครื่องยนต์เบนซิน 2ZR-FBE 4 สูบแถวเรียง 1.8 ลิตร พละกำลัง 141 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 177 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT 
- เครื่องยนต์เบนซิน 2ZR-FXE DOHC 4 สูบแถวเรียง Atkinson cycle  1.8 ลิตร พละกำลังสูงสุด 98 แรงม้าที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที  ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 72 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 163 นิวตัน-เมตร แบตเตอรี่แบบนิกเกิลเมทัลไฮไดรต์ รวมกำลังทั้งระบบ 122 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT

จุดเด่นของ C-HR โดยเฉพาะในรุ่นท็อปก็คือการติดตั้งชุดระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense มาให้ รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้ที่ เผยข้อมูลคร่าวๆ Toyota C-HR ก่อนวางขายในไทยต้นปี 2018 ราคาค่าตัวคาดว่าน่าจะอยู่แถวๆ 9 แสนกว่าๆ-ไม่เกิน 1.2 ล้านบาท 


  คันต่อมาก็คือ Toyota Alphard และ Vellfire Minor Change ที่ทาง Toyota Motor Thailand ยังคงนำเข้ามาขายเหมือนเดิมแบบไม่ง้อผู้นำเข้าอิสระกันเลยทีเดียว การเปลี่ยนแปลงรูปโฉมก็จะเหมือนกับเวอร์ชั่นญี่ปุ่นแต่อาจจะมีการติดตั้งชุดแต่งเพิ่มเติมให้มีความแตกต่าง ยังคงทำตลาดด้วย 3 รุ่น 3 ขุมพลัง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตรใน Vellfire , Hybrid 2.5 ลิตร และเบนซิน 3.5 ลิตรใน Alphard การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นในช่วงต้นปีนี้


  และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่คนไทยต่างรอคอยก็คือ All-New Toyota Camry ที่มีการเปิดตัวในตลาดสหรัฐเมื่อช่วงเดือนมกราคมปีที่แล้ว และวางขายในตลาดญี่ปุ่นช่วงกลางปีเดียวกัน คาดว่ารูปโฉมไทยน่าจะอิงมาจากตลาดญี่ปุ่นเหมือนเคย รถมีการออกแบบให้มีความโค้งมนและโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ไม่ดูเชยๆแบบรุ่นปัจจุบันพร้อมภายในห้องโดยสารที่ดูน่าสัมผัสกว่าเดิม เมืองไทยน่าจะยังคงทำตลาดด้วย 3 เครื่องยนต์เหมือนเดิม ถ้าให้เดาคิดว่าเครื่อง 2.0 ลิตรน่าจะใช้เครื่องเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนเครื่องบล็อกอื่นไม่แน่ใจว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ โดยเครื่อง 2.0 ลิตรจะมีรายละเอียดดังนี้

- เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร แบบฉีดตรง D-4S ให้พละกำลังสูงสุด 167 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 199 นิวตัน-เมตรที่ 4,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด 
ขุมพลัง 2.5 ลิตรในตลาดสหรัฐฯ
- เครื่องยนต์ 2.5 ลิตรแบบฉีดตรง D-4S พละกำลัง 203 แรงม้าที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตรที่ 5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
ขุมพลัง 2.5 ลิตรในตลาดญี่ปุ่นและสหรัฐฯ
- เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร Hybrid ที่มากับพละกำลัง 178 แรงม้าที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตรที่ 4,500 รอบ/นาที ผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบมอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ชนิดนิกเกิลเมทัลไฮดราย มีกำลัง 120 แรงม้า รวมกำลังทั้งระบบ 211 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT
การเปิดตัวในไทยน่าจะมีขึ้นราวๆกลางปีจนถึงครึ่งหลังของปีนี้ครับ

  นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่ Toyota อาจจะเปิดตัวรุ่นพิเศษเพิ่มเติมให้กับ Hilux Revo อย่าง TRD Sportivo ซึ่งแน่นอนว่าจะแยกจากตัว Rocco ชัดเจน เพราะ Rocco จะเจาะตลาดระดับบนเช่นเดียวกับ Isuzu D-Max V-Cross Max หรือ Ford Ranger Wildtrak เป็นต้น ส่วน TRD จะวางเครื่องยนต์ 2.4 ลิตรทำตลาดในตัวเตี้ยและ Prerunner และอาจจะมีการปรับปรุงอุปกรณ์ให้กับ Fortuner อีกซักรอบก็เป็นได้

  สำหรับตลาดต่างประเทศนั้นก็มีหลายคันที่น่าติดตาม ได้แก่
- Toyota Hiace Commuter เจเนเรชั่นใหม่ ที่ในขณะนี้ยังไม่มีแม้แต่รูปรถทดสอบหรือรูปหลุดคันจริงออกมาแม้แต่รูปเดียว แต่ก็พอทราบรายละเอียดว่ารถตู้โฉมใหม่จะย้ายตำแหน่งเครื่องยนต์จากใต้เบาะผู้โดยสารไปไว้ด้านหน้าแทนเพื่อความปลอดภัย ขุมพลังแน่นอนว่าจะติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลรหัส GD เหมือนใน Hilux Revo / Fortuner / Innova รวมทั้งเครื่องเบนซิน 2.7 ลิตร การเปิดตัวนั้นน่าจะมีขึ้นในญี่ปุ่นก่อนภายในปีนี้ส่วนชาวไทยนั้นจะได้ใช้ภายในปีนี้หรือไม่ต้องติดตาม


ภาพจาก Motorauthority
- ตัวตายตัวแทน Toyota Supra ที่วิ่งทดสอบเคียงคู่กับ BMW Z4 เจเนเรชั่นใหม่มานานแสนนานแล้ว คาดว่าในปีนี้น่าจะมีการเปิดผ้าคลุมเสียที รถคันนี้จะเป็นการพัฒนาและใช้โครงสร้างร่วมกับ BMW Z4 ตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ รูปโฉมจะอ้างอิงแนวการออกแบบจากต้นแบบอย่าง FT-1 Concept มาเต็มๆ แต่อาจจะมีการปรับรายละเอียดบางจุดเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบันมากขึ้น ซึ่งดูๆแล้วน่าจะลดความหวือหวาจากต้นแบบลงไปพอสมควร คาดว่าขุมพลังนั้นจะมีการหยิบยืมขุมพลังจาก BMW มาใช้ และอาจจะมีขุมพลัง Hybrid ที่ใช้ระบบ Hybrid ของ Toyota ภายในช่วงใดช่วงหนึ่งของปีนี้น่าจะได้เห็นกัน


ภาพจาก Motorauthority
ภาพจาก Motor1.com
- Toyota Corolla iM หรือ Auris เจเนเรชั่นใหม่ (จะเรียกว่าเป็น Corolla Hatchback ก็ได้) คันนี้เป็นหนึ่งในรถที่คนไทยต้องจับตา เพราะ Corolla Altis 4 ประตูเจเนเรชั่นใหม่บ้านเราก็คงมีดีไซน์บางจุดไม่ต่างจากคันนี้ จากรูปโฉมจะเห็นถึงความโฉบเฉี่ยวและปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังตัดกระจกโอเปร่าด้านหลังออกไปด้วย ตัวรถจะถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐาน TNGA Platform เช่นเดียวกับ C-HR , Camry การเปิดตัวในต่างประเทศมีขึ้นภายในปีนี้แน่นอน แต่จะอยู่ในช่วงใดของปีต้องรอต่อไป


ภาพจาก Motorauthority
- Toyota Avalon เจเนเรชั่นใหม่ รถซีดานระดับหรูที่มีตำแหน่งทางการตลาดสูงกว่า Camry ซึ่งก็มีการแอบปล่อยทีเซอร์ไฟหน้าและไฟท้ายออกมาให้ชม เมื่อดูจากภาพรถทดสอบเก่าๆก็จะพบว่าภาพรวมของการออกแบบรถจะเป็นไปในทางที่สปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ขุมพลังนั้นคาดว่าจะน่าจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตรไฮบริดและเบนซิน 3.5 ลิตร V6 การเปิดตัวจะมีขึ้นภายในงาน North American International Auto Show 2018 เดือนมกราคมนี้

Volkswagen
  ค่ายนี้ปัจจุบันในไทยนั้นได้สิทธิ์ทำตลาดรถตู้ Volkswagen Caravelle อย่างเดียวซึ่งมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ล่าสุดไปแล้วเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา แถมทางบริษัทแม่ VW ยังถอยจากโครงการอีโคคาร์เฟส 2 ไปแล้วด้วย ฉะนั้นตัดความคืบหน้ารถใหม่ออกไปก่อน ปีนี้ไม่น่าจะมีความเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น มาดูของต่างประเทศดีกว่า

ภาพจาก Autoevolution
- Volkswagen Touareg รถอเนกประสงค์คู่แข่ง Mercedes-Benz GLE , BMW X5 , Audi Q7 ที่ถึงเวลาเปลี่ยนโฉมใหม่หมดจดแล้ว รูปโฉมนั้นจะอิงมาจาก VW T-Prime GTE Concept สร้างบนแพลตฟอร์ม MLB  เหมือนกับ Audi Q7 , Bentley Bentayga และ Porsche Cayenne โฉมล่าสุด ขุมพลังคาดว่าจะมีให้เลือกตั้งแต่ 4 จนถึง 8 สูบ ทั้งเบนซิน ดีเซล และ Plug-In Hybrid การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นราวๆต้นปีนี้


- Volkswagen Jetta รถซีดานพื้นฐานเดียวกับ Polo นั่นเอง หลังจากที่ Polo นำหน้าเปิดตัวไปก่อนแล้ว มีการออกแบบดีไซน์ภายนอกให้ดูทันสมัยมากขึ้นแต่ยังคงเส้นสายที่ดูเรียบง่ายตามสไตล์ VW การเปิดตัวจะมีขึ้นภายในงาน North America International Auto Show 2018 เดือนมกราคมปีนี้


ภาพจาก Motorauthority
- Volkswagen T-Cross รถครอสโอเวอร์ขนาดกะทัดรัดที่จะอ้างอิงโฉมหน้าจากต้นแบบ T-Cross Breeze Concept สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม MQB เช่นเดียวกับ Polo การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นในช่วงใดช่วงหนึ่งของปีนี้อย่างแน่นอน

Volvo
   เมื่อปีที่ผ่านมา ค่ายสวีเดนรายนี้ก็ได้มีการแนะนำรถรุ่นใหม่ในไทยหลายรุ่นด้วยกัน มาถึงปีนี้คิวต่อไปน่าจะหนีไม่พ้น Volvo XC40 รถครอสโอเวอร์น้องเล็กสุดของค่ายตอนนี้ ซึ่งรถคันนี้จะวางตัวเป็นคู่แข่ง BMW X1 , Mercedes-Benz GLA และ Audi Q3 โดยเจ้า XC40 ได้แรงบันดาลใจการออกแบบมาจาก Volvo 40.1 Concept รวมทั้งยังยกแนวการออกแบบของรุ่นพี่อย่าง XC60 และ XC90 เข้ามาใส่ในรุ่นน้องอย่างคันนี้ด้วย ขุมพลังในตลาดโลกตอนนี้มีให้เลือก 2 แบบคือ
- D4 เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรเทอร์โบชาร์จ พละกำลัง 247 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตรที่ 1,800-4,800 รอบ/นาที
- T5 เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรเทอร์โบชาร์จ พละกำลัง 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตรที่ 1,750-2,500 รอบ/นาที
ซึ่งในอนาคตอาจจะมีขุมพลังอื่นๆมาเป็นทางเลือกด้วย และแน่นอนว่าถ้ามาขายในไทยก็คงจะนำเข้าจากมาเลเซียตามเคย และเมืองไทยจะได้ขุมพลังแบบไหน ต้องรอติดตามหลังมาเลเซียเปิดตัว จึงจะพอเดาได้ครับว่าเมืองไทยจะเอามาขายเมื่อไหร่แต่อยู่ภายในปีนี้แน่นอน

ภาพจาก Autoweek.nl
  ส่วนในตลาดโลกนั้น รถของ Volvo แต่ละรุ่นก็ทยอยเปลี่ยนโฉมกันหมดแล้ว คราวนี้น่าจะเป็นคิวของ Volvo S60 และ V60 โฉมใหม่หมดจดเพื่อมาแทนที่รุ่นเดิมที่อายุอานามนานพอสมควรแล้ว รูปโฉมนั้นก็ไ่ม่ต้องคาดเดาให้ยากเพราะได้กลิ่นอายจากรุ่นพี่อย่าง Volvo S90 แต่อาจจะมีสัดส่วนที่ดูโค้งมนกว่าและการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเพื่อไม่ให้เหมือนรุ่นอื่นๆเกินไป ภายในห้องโดยสารแม้ยังไม่มีภาพออกมาแต่ก็ไม่ต้องเดาให้ยากเช่นกันเพราะคงจะคล้ายๆ Volvo รุ่นใหม่ๆที่เปิดตัวออกมา ขุมพลังที่ติดตั้งก็คงหนีไม่พ้นเครื่องยนต์ดีเซล เบนซิน รวมทั้งแบบ Plug-In Hybrid การเปิดตัวน่าจะมีขึ้นภายในช่วงใดช่วงหนึ่งของปีนี้แน่นอน

  และทั้งหมดนี้ก็คือรถรุ่นใหม่ที่คาดว่าจะเปิดตัวภายในปี 2018 นี้ หวังว่าทุกท่านน่าจะเพลิดเพลินกับรถรุ่นใหม่ที่ผมพยายามรวบรวมมาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกัน หวังว่าจะมีรถหลายรุ่นที่พวกท่านกำลังติดตามข่าวหรือกำลังจะซื้อครับ และสุดท้ายนี้ก่อนจะจบ อย่างที่กล่าวตั้งแต่ย่อหน้าแรกๆว่าข้อมูลทั้งหมดอาจจะไม่ได้จริงหรือเป๊ะๆ 100% ฉะนั้น "จงเสพข่าวกันอย่างมีสติ" ครับ และพบกันใหม่กับการอัปเดตความเคลื่อนไหวอีกรอบใน "รวมรถใหม่ที่คาดว่าจะเปิดตัวครึ่งปีหลังของปี 2018"

เรียบเรียงข้อมูลและเนื้อหาทั้งหมดโดย Car News Update 
ขอบคุณที่มาของเนื้อหารูปภาพและแหล่งข่าววงในทุกท่าน
อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ได้ไม่ว่ากันแต่กรุณาให้เครดิตกันด้วยจะดีมาก โดยเฉพาะเว็บบางเว็บ "ที่ชื่อเว็บมีตัวเลข 3 หลักลงท้าย" (ไม่บอกว่าเว็บอะไร) ที่ชอบก๊อปข่าวไปลงในเว็บตัวเองซึ่งโดนมาหลายเพจ ผมก็โดน ถ้าเนื้อหาเรื่องรถที่เปิดตัวเหมือนกันเราอันนี้ยังโอเค ปรดเห็นใจคนที่อุตส่าห์นั่งพิมพ์นอนพิมพ์ด้วย กว่าจะทำเสร็จใช้เวลาเกือบครึ่งเดือน แต่ตัวเองยกไปวางแล้วไม่ให้เครดิตคนทำเลย!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย

Like Box