วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2562

9 ประเด็นน่าสนใจในกระบะน้องใหม่ MG Extender

สนใจออกรถ Mazda วันนี้ พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษ จัดหนักส่วนลด+ของแถม เพียงคุณแสดงตัวว่ากดติดตามเพจ Car News Update (แคปโพสต์ให้ดูด้วย) สามารถติดต่อและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line ID : anuntasooragath ครับ
---------------------------------------------------------------------------------


9 ประเด็นน่าสนใจในกระบะน้องใหม่ MG Extender
   หลังจากการเปิดตัวกระบะ MG Extender ที่นับว่าเป็นน้องใหม่ที่ขอเข้าร่วมตลาดกระบะที่นับว่าเป็นตลาดสุดหิน สำคัญสุดตอนนี้มีหัวโจกอย่าง Toyota และ Isuzu ครองตลาดอยู่ ส่วนที่เหลือก็เป็นทางเลือกเสริมสำหรับใครที่อยากได้รถที่ไม่ใช่รถตลาด และ MG ที่เข้ามาใหม่นั้น มีอะไรที่น่าสนใจและพอจะเคาะออกมาเป็นประเด็นให้พูดถึงได้ ก็เลยลองเคาะมาสัก 9 ประเด็นมาพูดถึงกัน จะมีอะไรบ้าง ลองไปอ่านกันครับ

1. เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ไทย ภายใต้แบรนด์ MG
   แม้ว่ากระบะ MG Extender จะเป็นการนำกระบะ Maxus T60 ที่เปิดตัวมาราวๆ 2 ปีได้แล้วมาเปลี่ยนกระจังหน้าและเปลี่ยนโลโก้ใหม่ แต่การเปิดตัวในไทยนับว่าเป็น "ครั้งแรกในโลก" ที่เปิดตัวภายใต้แบรนด์ MG สาเหตุที่เมืองไทยใช้แบรนด์ MG ในการแนะนำกระบะ ก็เห็นจะเป็นเรื่องแบรนด์ที่หลายคนเข้าถึงได้ง่ายกว่า จากที่ MG วางจำหน่ายรถหลายรุ่นในไทย ถือว่าสร้างชื่อเสียงมาได้ระดับหนึ่ง ก่อนหน้านี้แบรนด์ Maxus ก็เคยจำหน่ายในไทยจากการเปิดตัวรถตู้ Maxus V80 แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่นัก จนล่าสุดปีนี้พอมีการปรับโฉมจึงย้ายมาอยู่ภายใต้แบรนด์ MG โดยใช้ชื่อว่า "MG V80" นั่นเอง ที่แปลกใจคือกระบะ MG นั้นเลือกที่จะตั้งชื่อใหม่เป็น "MG Extender" แทนที่จะเป็น "MG T60" ที่เคยคาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้ 

2. ปรับแต่งหน้าตาใหม่ตามคาแรกเตอร์ MG
   แน่นอนว่าพอมาอยู่ภายใต้แบรนด์ MG แล้วก็ต้องมีการปรับแต่งดีไซน์ให้เข้ากับความเป็น MG และบ่งบอกว่าเป็นรถ MG มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

- การปรับดีไซน์กระจังหน้าใหม่จากที่เป็นซี่ลวดตรงใน Maxus กลายเป็นตะแกรงหน้าแบบรังผึ้งแบบ MG รุ่นใหม่ๆหลายรุ่น 

- แก้มด้านข้างซึ่งเคยเป็นตำแหน่งติดตั้งโลโก้ T60 กลายเป็นตัวอักษร i-SMART แทน เพื่อบอกให้รู้ว่ารถคันนี้ติดตั้งระบบ i-SMART (ส่วนตัวคิดว่าไม่จำเป็นต้องติดมาก็ได้ เพราะอย่าง Toyota ยังไม่ติดโลโก้ Telematics หรือ Mazda ยังไม่ติดโลโก้ MZD Connect มาให้ข้างนอกรถตัวเองเลย)

- ล้อขนาด 18 นิ้วที่ไม่เหมือนกับเวอร์ชั่นที่จำหน่ายในจีน แต่ยกเอาล้อมาจาก Maxus D90 ซึ่งเป็นรถ SUV พื้นฐานเดียวกับ Maxus T60 หรือ MG Extender นั่นเอง

- กระบะท้ายติดโลโก้ MG พร้อมชื่อรุ่น Extender และที่ขาดไม่ได้ของรถ MG ที่จำหน่ายในประเทศไทย นั่นคือโลโก้ "Brit Dynamic" พร้อมพื้นหลังโลโก้เป็นธงยูเนี่ยนแจ๊ค เหมือนบอกให้รู้ว่ารถคันนี้ก็มีเชื้ออังกฤษ หรือให้เชื่อกันง่ายๆเลยว่าเป็นรถอังกฤษ (ทั้งที่ในความจริงกระบะรุ่นนี้ยังไม่มีจำหน่ายในอังกฤษแต่อย่างใด ที่สำคัญคือรถ MG ที่จำหน่ายในอังกฤษไม่ได้ติดโลโก้นี้ครับ) ซึ่งโลโก้นี้มี MG ที่จำหน่ายในไทยเท่านั้นที่ติดมาให้
3. กระบะตอนครึ่งยกสูงขับสองออปชั่นและความปลอดภัยครบที่ราคาถูกในตลาด
     ตัวเริ่มต้นของ MG Extender Giant Cab ยกสูง MG Extender 2.0 GC GRAND D 6MT ราคา 659,000 บาท ได้ตำแหน่งนี้ไปครอง ซึ่งก่อนหน้านี้รถที่ครองตำแหน่งนี้คือ Chevrolet Colorado X-Cab LT Z71 ราคา 699,000 บาท ด้วยความที่ MG ได้อุปกรณ์มาตรฐานอย่างไฟหน้าโปรเจคเตอร์พร้อมไฟ Daytime Running Lights ในโคม, ระบบควบคุมการ เปิด - ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ ภายในห้องโดยสารได้หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 10 นิ้ว ที่กล่าวมานี้เหนือกว่า Chevrolet แถมยังได้ระบบความปลอดภัยครบ ได้แก่
- ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descend Control System)
- กล้องมองหลัง พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
ในขณะ Chevrolet ไม่มีกล้องมองหลัง แต่มีสิ่งที่เหนือกว่า MG คือ
- ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP - Anti Rolling Protection)
- ระบบควบคุมเสถียรภาพของรถ ขณะลากจูง (TSC - Trailer Sway Control)
- ถุงลมนิรภัยหัวเข่า

  ไม่ใช่แค่ตัวนี้เท่านั้น สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 2.0 GC GRAND D 6AT ราคา 719,000 บาท ยังกลายเป็น กระบะตอนครึ่งยกสูงขับสองเกียร์อัตโนมัติออปชั่นและความปลอดภัยครบที่ราคาถูกในตลาด อีกด้วย

4. กระบะ 4 ประตูยกสูงขับสองออปชั่นครบสุดในตลาด
  นอกจากในตัวตอนครึ่งตามที่กล่าวข้างต้นแล้ว ตัวยกสูง 4 ประตูตัวเริ่มต้นก็ได้ตำแหน่งนี้ไปครองเช่นเดียวกัน นั่นคือ MG Extender 2.0 DC GRAND D 6MT 759,000 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้รถที่ครองตำแหน่งนี้คือ Chevrolet Colorado C-Cab LT Z71 ราคา 822,000 บาท ระบบก็จะเหมือนกับที่กล่าวไว้ในตัวตอนครึ่ง ฉะนั้นจะไม่พิมพ์ซ้ำให้ยาวเยิ่นเย้อแล้ว เช่นเดียวกับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 2.0 DC GRAND D 6AT 819,000 บาท ยังกลายเป็น กระบะ 4 ประตูยกสูงขับสองเกียร์อัตโนมัติออปชั่นและความปลอดภัยครบที่ราคาถูกในตลาด อีกด้วยเช่นกัน

5. จอสัมผัสใหญ่สุดในกลุ่มคู่แข่ง
   ในขณะที่รถกระบะส่วนใหญ่นั้นจะติดตั้งชุดหน้าจอสัมผัสขนาดประมาณ 6 นิ้วกว่าๆ จนถึงอย่างมากสุด 8 นิ้วแต่ค่าย MG ขอประเดิมด้วยการติดตั้งจอสัมผัสขนาดใหญ่โต 10 นิ้ว ซึ่งนับว่าใหญ่สุดในกลุ่มคู่แข่งที่จำหน่ายในไทยแล้วตอนนี้ แถมยังติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานในตัวยกสูงทุกรุ่นย่อยด้วย และมีในตัวเตี้ยอีก 1 รุ่นย่อย  ในขณะที่ Chevrolet ที่ได้จอสัมผัสเกือบทุกรุ่นเหมือนกันแต่ขนาดจอจะอยู่ที่ 7 นิ้วในตัว LT และ 8 นิ้วในตัว LTZ รวมทั้ง High Country

6. เบาะไฟฟ้าคู่หน้า เจ้าเดียวในไทยตอนนี้
   อีกหนึ้งจุดเด่นที่น่าสนใจคือ การที่ MG ติดตั้งเบาะคู่หน้าที่สามารถปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง ซึ่งเป็นเจ้าเดียวในไทยขณะนี้ เพราะส่วนใหญ่นั้นจะติดตั้งแค่เฉพาะเบาะคนขับเสียมากกว่า อีกอย่างคือเบาะไฟฟ้าคู่หน้านั้นมักจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดให้ในรถ PPV หรือไม่ก็รถเก๋งกลุ่ม D-Segment เสียส่วนใหญ่ อันนี้ถือว่าเข้าใจจัดอุปกรณ์มาให้ครับ

7. ระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยที่ครอบคลุมและรอบด้าน (แต่ใช้ดีมั้ย ก็อีกเรื่อง!)
  อีกจุดขายที่ MG มักชูในรถรุ่นใหม่ๆก็คือ ระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย i-SMART ซึ่งระบบนี้ก็ได้ถูกบรรจุในกระบะ MG Extender ด้วย โดยมีเฉพาะเกรด Grand X เท่านั้น แน่นอนว่าเป็นเจ้าแรกในไทยที่ติดตั้งระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยมาให้ในกระบะ ซึ่งระบบสั่งการนี้จะครอบคลุมในหลากหลายด้าน เห็นว่าระบบยังช่วยตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ด้วย! ส่วนระบบที่น่าสนใจอื่นๆก็จะมี
SMART CHECK (ระบบตรวจเช็กอัจฉริยะ)
  • ระบบตรวจสอบสถานะรถยนต์
  • ระบบสั่งการ และระบบค้นหารถ Find My Car
  • ระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์
  • ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์
  • ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
SMART COMMAND (ระบบสั่งการอัจฉริยะ)
  • ระบบสั่งการผ่านเสียงภาษาไทย
  • ระบบวางแผนการเดินทาง Travel Plan
  • ระบบโทรออก - รับสายกรณีฉุกเฉิน
  • ระบบเลขาส่วนตัว MG Call Centre
SMART CONNECT (ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ)
  • ระบบนำทาง Navigation พร้อมรายงานการจราจรแบบ Real Time
  • ระบบช่วยค้นหาร้านอาหาร และที่พักบนแผนที่นำทาง
  • ระบบเล่นเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่ง
  • อัพเกรดระบบผ่านออนไลน์
  • ระบบเรียกดูข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ปัจจุบัน
    เมื่อดูจากฟีดแบ็คของระบบ i-SMART จากผู้ใช้จริงนั้น ก็มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ แต่สำหรับผู้เขียนนั้นคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีระบบพวกนี้ก็ได้ บางอย่างเราสามารถควบคุมเอง ดูเองก็ได้ไม่มีปัญหาอะไร  แต่อาจจะมีไว้เป็นลูกเล่นใช้งานขำๆก็ได้ เหมือน iPhone ที่มี Siri จะสั่งให้ Search หาข้อมูล เปิดแอพพลิเคชั่น เปิดอะไรก็ได้ แต่สุดท้ายบางทีเราเลือกที่จะจิ้มมือถือหาเอง เปิดแอพพลิเคชั่นเองมันอาจจะสะดวกและคุ้นชินกับชีวิตเรามากกว่า

8. ตัวท็อปเกินล้าน! แต่มีเหตุผลที่ตอบได้ว่าทำไม?
    ก่อนการเปิดตัว MG Extender นั้น เคยคาดการณ์ไว้ว่าตัวท็อปอาจจะไม่เกิน 1 ล้าน เพราะดูจากเกมการตั้งราคาของ MG หลายรุ่นที่มักจะสร้างความว้าวได้เสมอ (อย่างกรณี MG ZS EV ที่เปิดราคา 1,190,000 บาท ถูกสุดในกลุ่ม) แต่ภายหลังการเปิดตัวและเปิดราคามาคือ 1,029,000 บาท ความคิดเหล่านั้นก็ได้หล่นลงไป ตอนแรกก็คิดในใจว่าจะขายได้เหรอ?
.
   แต่เมื่อเข้าไปค้นดูใน http://www.car.go.th ดู Eco Sticker นั้น ทำให้ค้นพบว่า กระบะ MG Extender ตัวท็อปสุด 2.0 DC GRAND 4WD X 6AT ราคา 1,029,000 บาท มีอัตราการปล่อยไอเสียอยู่ที่ 207 กรัม/กม. โดนภาษีสรรพสามิตในอัตรา 13% ในขณะที่รุ่นย่อยอื่นๆนั้นมีอัตราการปล่อยไอเสียไม่เกิน 200 กรัม/กม. ทำให้เสียภาษีสรรพสามิตในอัตรา 10% 
  
   อย่างตัวรองท็อป 2.0 DC GRAND X 6AT จะมีราคาค่าตัวที่ 879,000 บาท และมีอัตราการปล่อยไอเสียอยู่ที่ 198 กรัม/กม. เสียภาษีสรรพสามิตในอัตรา 10% ตามที่กล่าวข้างต้น นั่นเลยเป็นสาเหตุว่า ในตัวท็อปรุ่นขับสอง 4 ประตู 2.0 DC GRAND X 6AT และท็อปสุดอย่าง 2.0 DC GRAND 4WD X 6AT ถึงมี Gap (ช่องว่างราคา) ห่างกันถึง 150,000 บาท ทั้งๆที่ในความเป็นจริงนั้น Gap ของรุ่นขับสองและขับสี่เกรดเดียวกันอย่างมากก็่น่าจะต่างกันสัก 50,000-60,000 บาท แต่ถ้ามีความปลอดภัยเพิ่มอีกก็น่าจะต่างสัก 80,000 บาทเป็นอย่างมาก ฉะนั้นจึงคิดว่าภาษีน่าจะมีผลจริงๆกับราคารถ
.
   ซึ่งก็เป็นไปได้ว่า หากตัวท็อปขับสี่ของกระบะ MG ถ้าสามารถปรับไอเสียให้ไม่เกิน 200 กรัม/กม. ได้ ก็จะสามารถใช้อัตราภาษีสรรพสามิต 10% ได้เช่นเดียวกัน และอาจทำให้ราคาไม่เกินล้านได้ อันนี้ก็เป็นการบ้านที่ MG 

   แต่ก็เอาจริงๆ ยอมรับว่าตัวท็อปราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับรถแบรนด์ตลาดหลากหลายแบรนด์ เห็นราคาทำให้ชวนนึกถึง Ford Ranger Double 2.0 Limited 4x4 ราคา 1,039,000 บาท หรือไม่ก็อัปเงินเพิ่มอีก 60,000-70,000 บาทก็ได้ตัวท็อประบบความปลอดภัยจัดเต็มอย่าง Mitsubishi Triton หรือ Chevrolet Colorado เช่นเดียวกัน แต่ก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่าเพราะเรื่องค่าไอเสียรถและภาษีเต็มๆที่ทำให้ราคาโดด

9. หนึ่งในกระบะไม่กี่เจ้าที่ติดตั้งดิสก์เบรก 4 ล้อมาให้
   นอกจากกระบะ Foton ที่มีการติดตั้งดิสก์เบรก 4 ล้อให้ ก็มี MG ที่เป็นอีกค่ายที่ประเดิมติดตั้งดิสก์เบรก 4 ล้อมาให้เป็นมาตรฐานในตัวถังยกสูงทุกรุ่น ในขณะที่หลายๆเจ้ายังคงใช้หน้าดิสก์เบรก หลังดรัมเบรกอยู่ ซึ่งแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นดิสก์เบรกหรือดรัมเบรกก็ต่างมีข้อดีและข้อเสียต่างกัน หลายท่านก็ว่าดรัมเบรกอาจจะดีกว่าในเรื่องความทนทาน เหมาะกับรถกระบะที่หลายคนมักซื้อไปใช้บรรทุก แต่กลับกันอาจจะคิดว่าดิสก์เบรกดีกว่าในเรื่องการตอบสนองของเบรคที่ค่อนข้างดีกว่า ระยะเบรกสั้น เหมาะกับรถสมรรถนะสูงๆ แถมซ่อมบำรุงง่ายกว่า ก็ว่ากันไปครับ

   และนี่ก็คือ 9 ประเด็นที่เอามาเล่าพอหอมปากหอมคอครับ จริงๆแล้วก็มีอีกหลายประเด็นที่น่าเอามาเล่าเหมือนกัน ทั้งเรื่องขนาดตัวถังที่ดูใหญ๋โต หรือเรื่องเครื่องยนต์ที่ทาง MG เลือกจำหน่ายแค่เทอร์โบเดี่ยวอย่างเดียว ไม่เอาเทอร์โบคู่มาขาย เป็นต้น ซึ่งประเด็นนี้อาจจะเอาไปพูดถึงกันอีกทีที่เพจ Car News Update ดังนั้นอ่านจบแล้วอย่าลืมเข้าไปกดไลก์เพจ กดติดตาม และแชร์โพสต์กันด้วยนะครับ

เรียบเรียงโดย Car News Update

     ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ
  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย

Like Box