วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2563

All-New Morgan Plus Four สปอร์ตทรงคลาสสิก มาพร้อมแพลตฟอร์มใหม่และเครื่องจาก BMW

  เป็นที่รู้กันว่าค่ายรถอังกฤษนาม "Morgan" เป็นค่ายที่สร้างรถทรงคลาสสิกแต่อยู่ภายใต้งานวิศวกรรมใหม่ ซึ่งล่าสุดทางค่ายได้เผยโฉม All-New Morgan Plus Four ที่ถือว่าเป็นสปอร์ตรุ่นเริ่มต้นของแบรนด์และเป็นรุ่นที่ 2 ของค่ายที่ใช้แพลตฟอร์มใหม่แบบอะลูมิเนียม CX-Generation

  ดูผ่าน ๆ แม้ทรวดทรงจะดูคล้ายกับ Plus 4 รุ่นเก่าเลย แต่แบรนด์อังกฤษสุดเก่าแก่เจ้านี้บอกว่ากว่า 97% ของรถคันนี้เป็นของใหม่หมดจดทั้งคัน

   Morgan Plus Four โฉมใหม่ได้รับการพัฒนาควบคู่ไปกับ Plus Six ใหม่ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาภายใต้แพลตฟอร์มอลูมิเนียมที่ให้ความแข็งแกร่งมากกว่าตัวถังเหล็กแบบเก่า และด้วยความเป็นแบรนด์ Morgan แทบทั้งคันรถถูกประกอบด้วยมือทั้งหมด ทั้งในส่วนโครงสร้างและการตัดเย็บภายในห้องโดยสาร

   ขุมพลังเครื่องยนต์ของรถคันนี้มาจากเครื่องเบนซิน TwinPower Turbo 4 สูบขนาด 2.0 ลิตรจาก BMW ที่มากับพละกำลัง 255 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร และด้วยน้ำหนักตัวรถไม่รวมของเหลวเพียง 1,009 กิโลกรัม ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม Plus Four ใหม่สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.8 วินาทีเท่านั้น ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 240 กม./ ชม.

  ระบบส่งกำลังจะใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด แต่ทาง Morgan ยังมีทางเลือกเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่มีแรงบิดลดลงเหลือ 350 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. กลายเป็น 5.2 วินาที ส่วนแรงม้าและความเร็วสูงสุดยังคงเหมือนเดิม

   Morgan กล่าวว่าเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จมีการวางแผนโดยเฉพาะสำหรับ Plus Four เพื่อให้แน่ใจว่ารถคันนี้จะมีสมรรถนะและการตอบสนองต่อการขับขี่ที่ดีที่สุด” และยังส่งผลให้ค่าการปล่อยก๊าซ CO2 ร้อยละ 30 เมื่อเปรียบเทียบกับ Morgan Roadster รุ่นเก่า (อยู่ที่ 159 กรัม / กม. สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ)

   Morgan Plus Four ใหม่นั้นมีขนาดโดยรวมแคบกว่ารุ่น Plus 78 มิลลิเมตร (แคบกว่า 104 มม. ในส่วนของช่วงกลางลำตัวรถ) เป็นครั้งแรกในรถแพลตฟอร์ม CX ของมอร์แกนนำเสนอล้อซี่ลวดขนาด 15 นิ้วแบบ Low-Offset ที่ถูกปรับให้เข้ากับซุ้มล้อรถ นอกจากนี้ยังออกแบบช่วงล่าง ปีกนก และระบบเบรกใหม่ด้วย

   Morgan ได้เปิดรับจอง Plus Four โฉมใหม่ในราคาเริ่มต้นที่ 62,995 ปอนด์ (ประมาณ 2,548,000 บาทไทบ) ที่สหราชอาณาจักร โดยลูกค้ารายแรกคาดว่าจะสามารถส่งมอบได้ในไตรมาสที่สองของปีนี้

ที่มา Carscoops



ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย

Like Box