วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2561

Mercedes-AMG GT R Pro อีกรุ่นย่อยใหม่สุดพิเศษ พร้อมปรับอุปกรณ์ใน AMG GT รุ่นอื่นๆ

  เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทางค่าย Mercedes-Benz ได้ทำการเผยโฉมรถสปอร์ตระดับท็อปอย่าง Mercedes-AMG GT R Pro ที่ได้รับการอัปเกรดความร้อนแรงให้เทียบเท่ารถสนามแข่งมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ยังมีการปรับอุปกรณ์ใน AMG GT รุ่นอื่นๆด้วย

  เริ่มที่รุ่นใหม่ล่าสุด AMG GT R Pro ที่ได้รับการออกแบบโดยเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพของรถทัดเทียมกับรถในสนามแข่งมากขึ้น สร้างขึ้นภายใต้ประสบการณ์ของการทำรถแข่งไม่ว่าจะเป็น AMG GT3 และ GT4 สิ่งที่รุ่น Pro มีโดดเด่นกว่ารุ่นอื่น ๆ ก็จะมี ชุดระบบช่วงล่างหรือระบบกันสะเทือนที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง และ ออกแบบให้มีแอโร่ไดนามิกมากขึ้น

 โดยทาง Mercedes-AMG ได้พัฒนาชุดคอยล์โอเวอร์ใหม่สำหรับ GT R Pro ที่สามารถปรับการยุบและยืดได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังมีการติดตั้งแถบทอร์ชั่นบาร์แบบปรับได้ที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์บริเวณเพลาหน้า รวมทั้งชุดบาร์เหล็กบริเวณข้างหลังรถ นอกจากนี้ AMG GT R Pro ยังมาพร้อมกับตลับลูกปืนทรงกลม Uniball ไม่เพียงแต่บนปีกนกล่างด้านหลังเช่น AMG GT R รุ่นปกติแต่ยังรวมถึงบนปีกนกบนเช่นกัน และมีพื้นตัวถังที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ซึ่งทางผู้ผลิตให้สัญญาว่ามีการปรับปรุงความแข็งแกร่งและเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่มากขึ้นกว่าเดิม

    Mercedes-AMG GT R Pro ยังได้รับการติดตั้งชุดเบรกคอมโพสิตเซรามิกเป็นมาตรฐานและมาพร้อมกับล้อ AMG Performance น้ำหนักเบาพิเศษพ่นสีเทาไทเทเนียม นอกจากนี้ภายนอกของรถยังมีการตกแต่งใหม่หลายจุด โดยมีการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระจกมองข้าง หรือสปอยเลอร์หลัง 

   เช่นเดียวกับ AMG GT R รุ่นปกติ ในตัว Pro จะติดตั้งเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ความจุ 4.0 ลิตร พละกำลังสูงสุด 585 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตรที่ 1,900-5,500 รอบ/นาที

  ไม่ใช่แค่การแนะนำรุ่น AMG GT R Pro ใหม่อย่างเดียวเท่านั้น ใน AMG GT รุ่นอื่นๆก็ได้มีการปรับปรุงอุปกรณ์ภายนอกใหม่เพิ่มเติมอีกด้วยเช่นกัน โดยมาการปรับปรุงรายละเอียดที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก AMG GT 4-Door Coupe ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า LED ที่ปรับปรุงรายละเอียดใหม่ รวมทั้งด้านท้ายที่มากับครีบรีดอากาศและท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกล้อลายใหม่ด้วย

   ภายในห้องโดยสารยังมีการเปลี่ยนแปลงใหม่หลายๆจุดเช่นกัน เริ่มที่แผงหน้าปัดดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้วเป็นมาตรฐาน พร้อมกับหน้าจอมัลติมีเดียขนาด 10.25 นิ้วที่คอนโซลกลาง แผงหน้าปัดจะมีรูปแบบการแสดงผลที่แตกต่างกันจำนวนมากรวมถึงโหมด 'Supersport' ที่สามารถแจ้งเตือนกับผู้ขับขี่ได้ว่าเมื่อใดที่ผู้ขับขี่ควรเปลี่ยนเกียร์ นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนปุ่มกดใหม่บริเวณช่วงฐานเกียร์อีกด้วย และที่ขาดไม่ได้ก็คือพวงมาลัย AMG ทรงใหม่เหมือนที่ใช้ในรถตระกูล AMG รุ่นใหม่ๆหลายรุ่น

   นอกจากนี้ยังมีการแนะนำโหมดการขับขี่ใหม่ "AMG DYNAMICS" ระบบนี้สามารถคาดการณ์พฤติกรรมของรถตามการขับขี่ของผู้ขับขี่และระบบเซ็นเซอร์ Mercedes กล่าวว่าระบบนี้จะให้ความรู้สึกในการขับขี่อย่างแท้จริง ด้วยการเข้าโค้งและการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมรวมถึงมีเสถียรภาพสูงและการควบคุมที่สามารถคาดการณ์ได้

   เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีชุดระบบ AMG Track Pack ที่เป็นส่วนหนึ่งของชุดระบบ COMAND Infotainment เมื่อมีการใช้งานระบบนี้ตรวจจับและบันทึกชุดข้อมูลการขับขี่ในแต่ละครั้งเพื่อวิเคราะห์และสามารถนำไปพัฒนาทักษะการขับขี่ได้

   ขุมพลังก็ยังคงเหมือนเดิม โดยใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4.0 ลิตร V8 ที่มีพละกำลังแตกต่างกันตามแต่ละรุ่น ได้แก่
- Mercedes-AMG GT พละกำลัง 476 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 630 นิวตัน-เมตร
- Mercedes-AMG GT S พละกำลัง 522 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตัน-เมตร
- Mercedes-AMG GT C พละกำลัง 558 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 680 นิวตัน-เมตร
- Mercedes-AMG GT R พละกำลัง 580 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร

ที่มา Carscoops

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย

Like Box