ค่ายรถจากแดนมะกันอย่าง Dodge ได้ทำการเปิดตัว 2 ซีดานตัวแรงอย่าง Dodge Charger Scat Pack และ SRT Hellcat Widebody ที่มาพร้อมรูปโฉมอันดุดันและขุมพลังที่แรงได้ใจ
ทั้ง Scat Pack และ SRT Hellcat จะมากับตัวถังภายนอกในรูปแบบ Widebody เป็นมาตรฐาน ทำให้รถมีความกว้างเพิ่มขึ้น 89 มิลลิเมตร และติดตั้งล้อขนาดใหญ่ 20x11 นิ้วหุ้มด้วยยาง 305/35ZR20 ไฮไลท์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ระบบช่วงล่างที่ปรับระดับได้แบบเฉพาะของรุ่นนี้พร้อมกับโช้คอัพที่ปรับได้ 3 โหมดจาก Bilstein และยังติดตั้งระบบเบรกประสิทธิภาพสูงที่มีคาลิปเปอร์ด้านหน้าจาก Brembo แบบ 6 ลูกสูบและจานเบรกด้านหน้า 2 แผ่น
Charger Scat Pack Widebody จะมากับขุมพลังเบนซิน 6.4 ลิตร Hemi V8 ไร้ระบบอัดอากาศ มากับพละกำลังสูงสุด 492 แรงม้า (PS) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดไปยังล้อหลัง ส่งผลให้รถเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ได้ในเวลา 4.3 วินาที และทะยานถึง 179 กม./ชม. ในเวลาแค่ 12.4 วินาทีเท่านั้น
หากคิดว่ายังแรงไม่พอ ใน Charger SRT Hellcat Widebody จะมากับเครื่องยนต์เบนซิน 6.2 ลิตร V8 Supercharged สร้างพละกำลังมากถึง 717 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิดที่มากถึง 881 นิวตัน-เมตรมั สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ภายในเวลา 3.6 วินาทีเท่านั้น ก่อนถึงความเร็วสูงสุดที่ 315 กม./ ชม. ซึ่งทาง Dodge กล่าวว่าด้วยทั้งหมดทั้งมวลนี้ส่งผลให้ Charger SRT Hellcat Widebody กลายเป็น "ซีดานที่ทรงพลังที่สุดและเร็วที่สุดในโลก" กันเลยทีเดียว
ทางด้านประสิทธิภาพรถนั้น ทั้ง 2 ซีดานตัวแรงจะได้รับ 4 เทคโนโลยีที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถในสนามแข่ง โดยจะมากับระบบช่วยปรับเซ็ทรอบเครื่องขณะเริ่มออกตัว Launch Control พร้อม Launch Assist ระบบจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับที่ล้อเพื่อตรวจจับการหมุนของล้อที่อาจสร้างความเสียหายขณะรถเริ่มออกตัวในช่วงเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น จากนั้นระบบจะปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมเพื่อให้ได้ซึ่งการยึดเกาะถนนที่สมบูรณ์ และยังมีระบบ Line Lock ที่เอาใจสายเบิร์นยาง ตามด้วยระบบช่วยปรับความเย็นห้องเครื่อง Race Cooldown ที่อาศัยการทำงานจากปั๊มอินเตอร์คูลเลอร์และพัดลมหม้อน้ำแม้เครื่องยนต์จะดับแล้ว
นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงที่กล่าวมาแล้ว Dodge Charger SRT Hellcat Widebody ยังมีระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าแบบใหม่ที่สามารถปรับได้ตามต้องการโดยมีโหมดให้เลือกในรูปแบบที่แตกต่างกัน 4 โหมด ได้แก่ Street, Sport, Track และ Custom ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งพวงมาลัยเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเองได้
การออกแบบภายนอกค่อนข้างดุดันไม่ว่าจะตัว Scat Pack หรือ SRT Hellcat Widebody โดยมากับกระจังหน้าพร้อมแถบช่องระบายอากาศแนวนอนถัดลงมา เสริมด้วยกันชนหน้าดีไซน์ดุดัน เช่นเดียวกับกันชนท้ายดีไซน์ดุ ทั้งสองคันจะมีโลโก้ชื่อรุ่นแปะไว้ที่กระจังหน้าเพื่อบ่งบอกตัวตนในแต่ละรุ่น
ทางด้านภายในห้องโดยสารในรุ่น Hellcat มีการตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง โดยมากับเบาะนั่งคู่หน้าหุ้มด้วยหนัง Laguna ที่มีระบบเป่าลมร้อน/เย็น ตัวเบาะจะมีโลโก้ Hellcat แบบนูน ผู้ขับขี่จะพบกับพวงมาลัยที่มีหน้าตัดแบนด้านล่างพร้อมระบบปรับลมร้อน บริเวณคอนโซลฝั่งผู้โดยสารหน้าจะมี SRT Hellcat ที่มีผิวสีดำและแดง ลูกค้ายังสามารถสั่งซื้อแพคเกจ Carbon & Suede ใหม่ซึ่งจะเพิ่มการตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และหนังกลับแบบ Dynamica suede ที่ตกแต่งบริเวณเพดานหลังคารถ ที่บังแดดด้านหน้า และเสา A-pillar
Dodge Charger Scat Pack และ SRT Hellcat Widebody จะเปิดรับจองในตลาดสหรัฐฯในฤดูใบไม้ร่วงหรือประมาณเดือนกันยายนนี้และเริ่มส่งมอบรถได้ในช่วงต้นปีหน้า
ที่มา Carscoops
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย