ค่าย BMW ถือว่าเป็นต้นตำรับรถเอสยูวีครอสโอเวอร์ทรวดทรงคูเป้นับตั้งแต่การเปิดตัว X6 โฉมแรกในปี 2007 ถึงตอนนี้ก็ผ่านมา 12 ปีและล่าสุดทางค่ายใบพัดก็ได้เผยโฉม All-New BMW X6 ที่เดินทางมาถึงเจเนเรชั่นที่ 3 แล้ว
กระจังหน้ารถถูกขนาบข้างด้วยไฟหน้าทรงใหม่ที่ดูเรียวขึ้นและมีดีไซน์เฉียบคม พร้อมกันชนหน้าดีไซน์ดุที่ออกแบบให้ดูมีมิติ บริเวณซุ้มล้อด้านข้างยังถูกออกแบบให้มีช่องระบายอากาศเหมือนกับ BMW รุ่นใหม่ๆ เส้นสายด้านข้างยังคงถูกออกแบบให้มีความลาดชันขึ้นจากด้านหน้าไปยังท้ายรถ แนวหลังคามีความลาดเอียงมากขึ้นและหลังคารถมีการออกแบบในรูปแบบของ Double Bubble ด้วย ส่วนด้านท้ายมีการออกแบบใหม่โดยย้ายตำแหน่งติดตั้งป้ายทะเบียนไปยังกันชนท้ายแทน มากับโคมไฟท้ายทรงใหม่ดีไซน์เรียวที่มีรายละเอียดตามแนวทาง BMW ยุคใหม่ซึ่งคล้ายคลึงกับ 8-Series กันชนท้ายยังมีการออกแบบให้มีช่องระบายอากาศด้วย
ล้อรถจะได้ขนาด 19 นิ้วเป็นมาตรฐาน (อเมริกาจะได้ 20 นิ้วเป็นมาตรฐาน) ส่วนล้อลายอื่นๆที่มีขนาด 21-22 นิ้ว ลูกค้าจะต้องจ่ายเงินสั่งออปชั่นเพิ่ม
ทางด้านภายในห้องโดยสารจะมีการใช้คอนโซลหน้าร่วมกับ BMW X5 มาพร้อมกับเบาะนั่งหุ้มหนังแบบ Vernasca และแผงหน้าปัดที่ตกแต่งด้วยหนัง Sensatec เข้ามาก็จะพบกับชุดหน้าปัดดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้วและระบบอินโฟเทนเมนต์พร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ทางด้านเบาะหลังของรถยังสามารถพับแบบแยกส่วนได้ในสัดส่วน 40:20:40 ซึ่งจะเพิ่มความจุสัมภาระจากปกติที่มี 580 ลิตรกลายเป็น 1,530 ลิตร ซึ่งถือว่าเยอะใช้ได้เลย
นอกจากนี้ภายในห้องโดยสารยังมีออปชั่นอื่นๆให้เลือกมากมาย รวมทั้งระบบปรับอากาศแบบ 4 โซน, ที่วางแก้วที่สามารถปรับร้อน/เย็นได้ และ หลังคากระจกแบบพาโนรามาพร้อมระบบไฟภายในห้องโดยสารที่ปรับได้กว่า 15,000 รูปแบบ, ระบบลำโพงรอบทิศทาง 20 ตัวจาก Bowers & Wilkins Diamond Surround, การตกแต่งด้วยหนัง Merino และจอ Head-Up Display
ในสเปคอเมริกาจะติดตั้งชุดระบบความปลอดภัย Driver Assistance มาเป็นมาตรฐานซึ่งจะมาพร้อมกับระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา Blind Spot Detection, ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร Lane Departure Warning, ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติขณะถอยจอด Rear Collision Warning นอกจากนี้ยังมีระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert, ระบบเตือนป้ายจราจร Speed Limit Information และ ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมตรวจจับคนเดินถนนและช่วยเบรก Frontal Collision Warning system with Pedestrian Warning and City Collision Mitigation
เท่านั้นยังไม่พอยังมีออปชั่น Driving Assistance Professional Package ให้เลือกเสริมอีกเพิ่มการควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแอคทีฟ (Active Cruise Control) พร้อม Stop & Go, ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางพร้อมการป้องกันการชนจากด้านข้าง Lane Keeping Assistant with Active Side Collision Protection , ระบบ Extended Traffic Jam Assistant และระบบช่วยหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ Evasion Aid
ในตลาดสหรัฐอเมริกาจะมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบได้แก่ X6 sDrive40i และ xDrive40i โดยมากับเครื่องยนต์เบนซิน TwinPower Turbo ขนาด 3.0 ลิตรแบบ 6 สูบที่ให้พละกำลัง 340 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิดสูงสุด 447 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ในเวลาเพียง 5.2 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจะถูกจำกัดไว้ที่ 209 กม./ชม. เมื่อติดตั้งยางรถยนต์แบบ All season แต่ถ้าใช้ยางแบบปกติทั่วไปสำหรับรถสมรรถนะสูงก็จะสามารถทำท็อปสปีดได้ที่ 250 กม./ชม.
หากคิดว่ายังแรงไม่พอ ยังมี X6 M50i ซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินทวินเทอร์โบ 4.4 ลิตร V8 พละกำลังสูงสุด 530 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ด้วยเครื่องยนต์ที่ทรงพลังขึ้นและมากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นมาตรฐาน ส่งผลให้สามารถทะยานจาก 0-96 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.1 วินาทีเท่านั้น
ทางด้านตลาดยุโรปจะมีทางเลือกเครื่องยนต์ดีเซลอีก 2 รุ่นด้วย ซึ่งประกอบไปด้วย X6 M50d ซึ่งมากับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร 6 สูบ ที่ให้พละกำลัง 400 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 760 นิวตัน-เมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 5.2 วินาทีเท่านั้น
ปิดท้ายด้วย X6 xDrive30d ที่มากับเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 3.0 ลิตร 6 สูบ พละกำลังสูงสุด 265 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 620 นิวตัน-เมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 6.5 วินาทีก่อนทะยานไปที่ความเร็วสูงสุดซึ่งจำกัดไว้ที่ 230 กม./ชม.
BMW X6 โฉมใหม่ยังสามารถเลือกออปชั่นระบบช่วงล่างแบบถุงลมและแพ็คเกจ Dynamic Handling ซึ่งจะรวมถึงระบบช่วยกันโคลง active roll stabilization, ระบบพวงมาลัยแบบแอคทีฟและเบรก M Sport และยังมีอีกหนึ่งแพ็คเกจคือ Off-Road ซึ่งจะมากับระบบช่วงล่างแบบถุงลมเหมือนที่กล่าวข้างต้น รวมถึงระบบเฟืองท้ายด้านหลัง M Sport ที่ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์และโหมดการขับขี่แบบออฟโรดที่มีให้เลือก 4 โหมดตามความเหมาะสมของภูมิประเทศ ได้แก่ โหมดบนหิมะ, ทราย, กรวด หรือ ก้อนหิน
All-New BMW X6 จะเข้าสู่การผลิตในเดือนสิงหาคมนี้ ส่วนเมืองไทยจะมีการเปิดตัวเมื่อไหร่นั้นต้องติดตามชมครับ
ภาพจาก Carscoops
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย