หลังจากเมื่อปีที่ผ่านมาค่าย Audi ได้ทำการปรับโฉมและสมรรถนะให้กับสปอร์ตรุ่นขายดีอย่าง TT ทั้งในตัวปกติและ TTS แล้ว คราวนี้ก็เป็นคิวของตัวแรงอย่าง TT RS บ้าง ซึ่งก็มีการปรับใหม่ทั้งตัวคูเป้และเปิดประทุน
ด้วยดีไซน์ภายนอกที่มากับช่องระบายอากาศกันชนหน้าที่ดูดุดันและใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ด้านหลังมากับสปอยเลอร์ที่ขนาดใหญ่ขึ้น กันชนท้ายที่มีรูรับอากาศด้านข้างและครีบรีดอากาศดีไซน์ใหม่ Audi TT RS Minor Change จะติดตั้งไฟหน้าแบบ LED มาให้เป็นมาตรฐาน พร้อมด้วยไฟท้ายแบบ Matrix OLED ให้เลือกเป็นออปชั่นเสริม
ลูกค้าจะสามารถเลือกสีตัวถังภายนอกได้ 8 สี รวมถึงสีเขียว Kyalami Green อันเป็นสีพิเศษเฉพาะรุ่น รวมทั้งสีส้ม Pulse Orange และสีฟ้า Turbo Blue ใหม่ด้วย นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเลือกแพ็คเกจการตกแต่งภายนอกด้วยโทน Matte Aluminum หรือ Gloss Black ที่ใช้สีดำตกแต่งบริเวณลิ้นกันชนหน้าและสปอยเลอร์ท้าย ตัวเลือกอย่างหลังจะมีโลโก้ Audi สีดำและโลโก้ TT RS ในขณะที่ตัวเปิดประทุน Roadster จะมากับหลังคาผ้าใบสีดำ
ห้องโดยสารยังมีการตกแต่งด้วยโทนสีใหม่ตาม RS Design Package ใหม่ซึ่งเพิ่มการตกแต่งด้วยโทนสีแดงหรือสีน้ำเงิน และยังมีอีกหนึ่งแพ็คเกจก็คือ Extended RS Design Package ที่นำเสนอองค์ประกอบการตกแต่งในโทนสีที่ตัดกันของเบาะนั่งและคอนโซลกลาง
Audi TT RS Minor Change จะมีระบบ MMI Navigation Plus ให้เลือกเป็นออปชั่นเสริม และยังมีระบบสั่งการด้วยเสียง , ระบบการค้นหาข้อมูลจากคำสำคัญ free text search และ Wi-Fi Hotspot สำหรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับระบบความบันเทิงก็ย่อมทำได้โดยต่อกับพอร์ต USB ส่วนระบบเครื่องเสียงแน่นอนว่ารถสุดพิเศษนี้จะต้องใช้ของพรีเมี่ยมจาก Bang & Olufsen ที่มีกำลัง 680 วัตต์ อันจะช่วยมอบประสบการณ์สุดพิเศษในการฟังเพลงได้อย่างดีทีเดียว
ขุมพลังของรถไม่มีการปรับแก้ไขอะไรทั้งสิ้น โดยยังคงมากับเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร 5 สูบ พละกำลังสูงสุด 400 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 480 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ 7 สปีด และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัด ไว้ที่ 250 กม. / ชม. แต่สามารถปลดล็อคให้มีความเร็วสูงสุดได้ถึง 280 กม./ชม.
Audi เปิดให้สั่งจอง TT RS รุ่นใหม่ในตลาดยุโรปเป็นที่เรียบร้อย โดยมีราคาเริ่มต้นที่ Coupe เริ่มต้นที่ 67,700 ยูโรหรือประมาณ 2.4 ล้านบาทไทย (ไม่รวมภาษีสรรพสามิต) ส่วนรุ่นเปิดประทุน Roadster จะเริ่มที่ 70,500 ยูโรหรือประมาณ 2.5 ล้านบาทไทย (ไม่รวมภาษีสรรพสามิต) รถล็อตแรกจะมาถึงดีลเลอร์ในฤดูใบไม้ผลินี้ (ประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคมนี้) และตัวรถน่าจะถูกนำไปโชว์ตัวในงาน Geneva Motor Show 2019 ที่จะจัดขึ้นในเดือนมีนาคมอีกด้วย
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย