วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หลุดก่อนเปิดตัว! Isuzu D-Max Minor Change ก่อนเปิดตัว 2 พ.ย. 58

  เชื่อว่านาทีนี้รถที่ใครๆหลายคนต่างรอคอยมากที่สุด คงจะพุ่งเป้าไปที่ Isuzu D-Max Minor Change หลังจากที่ทราบข่าวว่าจะทำการเปิดตัวในวันที่ 2 พ.ย. ซึ่งก็อีกไม่กี่วันเท่านั้น ทำให้หลายคนที่กำลังรอคอยต่างอดใจรอเพื่อยลโฉมกระบะคันใหม่จากค่ายนี้

  และแน่นอนว่าด้วยความที่ค่ายนี้ไม่มีการปล่อยรูปรถหรือปล่อยทีเซอร์อะไรเลย ทำให้หลายคนต่างเข้าใจผิดในเรื่องรูปทรงบ้างอะไรบ้าง ทั้งหน้าตาที่มีการตัดต่อในอินเทอร์เน็ต รวมทั้งข่าวที่มีคนคาดเดากันไปเองจนทำให้คนกลุ่มใหญ่หลงเชื่อกันไปด้วย ก็ยิ่งเตลิดเติดเติงกันไปยกใหญ่

   และล่าสุด ความจริงที่ถูกปิดบังนั้นก็แตกออกมาจนได้ เมื่อในกลุ่ม Isuzu Club มีการแชร์ภาพของป้ายไวนิลของ Isuzu D-Max Minor Change ใหม่ที่ได้เห็นบริเวณด้านหน้าแบบเต็มๆ รวมทั้งสโลแกนการเปิดตัวของรถ ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันนั้น Isuzu Thailand ก็ได้มีการส่งสารผ่านทางแอพพลิเคชั่น Line มาเช่นกัน

   ซึ่งภาพนี้เดาได้ว่าน่าจะมาจากแหล่งที่มีการทำป้ายไวนิลโปรโมทงานต่างๆ และถ้าใครตาดีช่างสังเกต จะแอบเห็นป้ายไวนิลของ MG5 ที่จะเปิดตัวในวันที่ 19 พ.ย. วางอยู่บนโต๊ะทับของ D-Max Minor Change อยู่ด้วย

   ซึ่งเมื่อดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่า D-Max Minor Change จะมีการเปลี่ยนแปลงบริเวณด้านหน้าใหม่แทบจะทั้งหมด ด้วยการออกแบบรูปทรงไฟหน้าใหม่ที่ดูเรียวขึ้นกว่าเดิม พร้อมทั้งออกแบบชุดกระจังหน้าใหม่ที่ดุดันขึ้น โดยมีรูปหน้าแอบคล้าย MU-X (แต่ไม่ใช่กระจังหน้าของ MU-X) นอกจากนี้จะมีการออกแบบกรอบไฟตัดหมอกที่ดูสปอร์ตขึ้นด้วย ส่วนรายละเอียดด้านท้าย ล้อ และภายในยังไม่มีให้เห็นตอนนี้ครับ


   ส่วนขุมพลังนั้นไฮไลต์สำคัญของพวกเขาเลยก็คือ เครื่องยนต์ใหม่ ซึ่งทาง Isuzu ได้ประกาศคำโฆษณาออกมาแล้วว่า "เครื่องยนต์ใหม่ 1.9 ลิตร Blue Power นวัตกรรมเปลี่ยนโลก" อันเป็นการยืนยันแล้วว่ากระบะคันนี้จะใช้เครื่อง 1.9 ลิตรตามข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งคาดการณ์ว่าเครื่องยนต์ที่เหลือก็คือ 2.5 ลิตรและ 3.0 ลิตรอาจจะยังคงอยู่ แต่มีการปรับขุมพลังใหม่เล็กน้อย ส่วนระบบส่งกำลังนั้นจะมากับเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

   รายละเอียดเต็มๆของรถนั้น รวมทั้งราคา จะมีการประกาศออกมาในวันที่ 2 พ.ย. ครับ อดใจรออีกนิดนึง..

มาร่วมพูดคุยกันสนุกๆเรื่องรถยนต์ประดุจเพื่อนข้างกาย 
พร้อมเกาะติดข่าวการเปิดตัวรถใหม่กันแบบฉับไว
กดไลค์แฟนเพจของ Cars New Update ด้านล่างได้เลยครับ!!!
   

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2558

มาแล้ว All-New MINI Convertible รถเล็กสุดแนวในฉบับเปิดหลังคา

  ซุ่มทดสอบในต่างประเทศมานานโขแล้ว ค่ายรถเล็กแห่งแดนผู้ดีอย่าง MINI ก็พร้อมแล้วสำหรับการเผยโฉม MINI Convertible เวอร์ชั่นเปิดประทุนของแฮตซ์แบ็คสุดแนว ซึ่งจะทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในงาน Toyko Motor Show 2015 ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้


   โดยวิวัฒนาการของตัวรถนั้นจะเห็นได้ว่ามันมีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก และรูปโฉมนั้นก็แทบไม่ได้ต่างจากรุ่นที่แล้วเลย ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นมาตลอด 3 เจเนเรชั่นที่อยู่ภายใต้ชายคาของ BMW และแน่นอนว่ารูปทรงหน้าตาของตัวรถนั้นไม่ได้มีความต่างจาก MINI Hatch เลยแม้แต่นิดเดียว ต่างกันแค่เป็นหลังคาผ้าใบพับเก็บได้ 


   และคงเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครๆหลายคนถ้าสังเกตไม่ออกถึงความต่างระหว่างโฉมเก่ากับโฉมใหม่ ถ้าไม่เอาตลับเมตรมาวัดแบบจริงๆจัง โดยตัวรถนั้นจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นในแทบทุกมิติ ตัวรถมีความยาว 3,821 มม. (+98 มม.) กว้าง 1,727 มม. (+44 มม.) และสูง 1,415 มม. (+1 มม.) นอกจากนี้ยังมีแทร็กด้านหน้าและด้านหลังที่กว้างขึ้น 42 มม. และ 34 มม. ตามลำดับ ซึ่งน่าจะส่งผลต่อเนื้อที่วางสัมภาระที่มากถึง 215 มม. เมื่อปิดหลังคา แต่จะลดลงเหลือ 160 มม. 


   เมื่อเราเปิดหลังคารับแสงตะวัน โดยหลังคาผ้านั้นถูกบุด้วยผ้าคุณภาพหลายชั้น ออกแบบกลไกลใหม่ให้ทำงานเงียบกว่าเดิม โดยสามารถพับเก็บได้ในเวลา 18 วินาที เมื่อวิ่งที่ความเร็ว 30 กม./ชม. นอกจากนี้แล้วยังมีลูกเล่นใหม่เป็นหลังคาผ้าลายธงยูเนี่ยนแจ็คให้เราเลือกอีกด้วย ส่วนภายในนั้นขอไม่กล่าวถึง เพราะเหมือนกับตัว Hatch ทุกประการ


   สำหรับขุมพลังนั้นก็ยกชุดมาจากรุ่น Hatch ทั้งหมด แต่ก็อาจจะมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดร็อปลงจากรุ่น Hatch อันเป็นผลมาจากการติดตั้งกลไกการพับหลังคาและเสริมความแข็งแรงทำให้มีน้ำหนักที่บวกเพิ่มอีก 120 กก.


   โดยขุมพลังนั้นจะมีเครื่องเบนซิน ซึ่งมี 2 ทางเลือกได้แก่ รุ่น Cooper ที่มากับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 3 สูบ 136 แรงม้า และรุ่น Cooper S ที่มากับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบ พละกำลัง 192 แรงม้า ส่วนในขุมพลังดีเซลก็จะมี 2 ทางเลือกเช่นกัน ได้แก่รุ่น Cooper D จะมากับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 3 สูบ มากับพละกำลัง 116 แรงม้า ส่วนอีกตัวก็คือเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรเทอร์โบ 170 แรงม้า ปิดท้ายด้วยเวอร์ชั่นฮาร์ดคอร์อย่าง John Cooper Works ที่จะมากับพละกำลัง 231 แรงม้า ทั้งหมดนี้ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดแล้วแต่จะเลือก โดยทุกรุ่นจะใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าทั้งหมด

   MINI Convertible จะทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน  Toyko Motor Show 2015 ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยยังไม่มีการประกาศราคาออกมาครับ

ที่มา Carscoops
มาร่วมพูดคุยกันสนุกๆเรื่องรถยนต์ประดุจเพื่อนข้างกาย 
พร้อมเกาะติดข่าวการเปิดตัวรถใหม่กันแบบฉับไว
กดไลค์แฟนเพจของ Cars New Update ด้านล่างได้เลยครับ!!!
   

วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ส่องข้อมูล MG5 ก่อนเปิดตัวในไทยวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้

 ค่ายรถน้องใหม่อย่าง MG ที่ตอนนี้ก็เหมือนต้นไม้ที่กำลังแตกกิ่งก้าสาขาเรื่อยๆ แม้ว่า MG จะโดนสื่อหลายเจ้าตำหนิเรื่องรถสมัยเปิดตัว MG6 ใหม่ แต่ทางค่ายก็ไม่ย่อท้อ ก็ได้นำข้อเสียไปปรับปรุงใหม่ให้ดีขึ้นในระดับที่หลายคนรับได้ ซึ่งหลังจากที่ MG ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ของพวกเขาไปแล้ว 2 รุ่น ได้แก่ MG6 และ MG3 ล่าสุด MG ยังคงรุกตลาดต่อเนื่อง ก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้ชื่อ MG5

  โดย MG5 นั้นจะเข้าไปแข่งขันในตลาดกลุ่ม B-Segment ทั้งหลาย และด้วยตัวถังขนาดที่ใหญ่ๆเกือบใกล้เคียง C-Segment ก็อาจจะไปแย่งยอดขายของกลุ่ม C-Segment อีกด้วย ซึ่งถ้าดูงานออกแบบตัวรถคร่าวๆนั้นก็ถือว่าเป็นรถ MG ที่ดูสวยงามคันหนึ่งเลยก็ว่าได้ และน่าจะแข่งขันกับคู่แข่งจากญี่ปุ่นและอเมริกาได้สบายแน่นอน

   จุดเด่นของรถคันนี้ที่เมืองไทยจะนำเสนอก็คือฟังก์ชันระบบอินโฟเทนเมนต์ Inkanet ที่ทำอะไรได้รอบด้าน ซึ่ง MG ได้ติดตั้งให้กับ MG6 Minor Change เป็นครั้งแรก พร้อมแนวการออกแบบตามจิตวิญญาณของรถอังกฤษ Brit Dynamic นอกจากนี้จะมากับขุมพลังที่ได้เปรียบคู่แข่ง และน่าจะสามารถรองรับเชื้อเพลิง E85 ได้

   สำหรับขุมพลังของ MG5 ในเมืองไทย สำหรับขุมพลังนั้นมีข้อมูลมาว่าจะได้ขุมพลังเบนซิน 1.5 ลิตรที่มากับ 2 ความแรง ได้แก่ เวอร์ชั่น n/a ไร้ระบบอัดอากาศ 109 แรงม้า และ 1.5 ลิตรเทอร์โบ พละกำลัง 129 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ DCT แบบเดียวกับ MG6 และคาดว่าน่าจะรองรับ E85 ได้อีกด้วย

  การเปิดตัวของ MG5 จะมีขึ้นในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ ฉะนั้นรอชมกันได้เลย
มาร่วมพูดคุยกันสนุกๆเรื่องรถยนต์ประดุจเพื่อนข้างกาย 
พร้อมเกาะติดข่าวการเปิดตัวรถใหม่กันแบบฉับไว
กดไลค์แฟนเพจของ Cars New Update ด้านล่างได้เลยครับ!!!
   

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Ferrari F12tdf เวอร์ชั่นฮาร์ดคอร์ของสปอร์ตรุ่นใหญ่ม้าลำพอง

  และในที่สุดค่ายม้าลำพองแห่งอิตาลี Ferrari ก็ได้ทำการเผยโฉมรถรุ่นใหมนามว่า Ferrari F12tdf ซึ่งถือว่าเป็นเวอร์ชั่นฮาร์ดคอร์ของสปอร์ตรุ่นเดอะคันนี้ และจะผลิตออกมาจำนวนจำกัดที่ 799 คันเท่านั้น

  โดยที่มาของตัวย่อ tdf นั้นมาจากคำเต็มๆว่า "Tour de France" โดยตั้งชื่อเพื่อสดุดีถึงยุค 1950s ถึง 1960s ที่รุ่นลุงอย่าง Ferrari 250 GT Berlinetta ซึ่งได้รับรางวัลในการแข่งขันที่ฝรั่งเศสติดต่อกันถึง 4 ครั้งรวด

   และที่สำคัญในเวอร์ชั่นพิเศษตัวนี้สามารถลดน้ำหนักจากรุ่นมาตรฐานลงไปได้ถึง 110 กก. อันเป็นผลพวงจากการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์รอบคันรถ ทั้งภายนอกรวมทั้งการตกแต่งภายในห้องโดยสาร และตัวเครื่องยนต์อีกด้วย

   รูปลักษณ์ภายนอกนั้นมีความแตกต่างจากเดิมแบบสุดขั้วเพราะทาง Ferrari เล่นลงทุนออกแบบชิ้นส่วนตัวถังภายนอกใหม่เกือบจะทั้งคันกันเลยทีเดียว โดยออกแบบในส่วนกันชนหน้าใหม่ที่มากับกระจังหน้าลายรังผึ้งพร้อมลิ้นกันชนที่ยื่นออกมาเล็กน้อย ฝากระโปรงหน้าพร้อมช่องระบายความร้อนทรงโหด ออกแบบในส่วนครีบระบายอากาศด้านข้างตัวรถใหม่ให้ดูดุดันกว่าเดิม ส่วนด้านท้ายนั้นออกแบบใหม่เกือบทั้งหมด มาพร้อมดิฟฟิวเซอร์ท้ายขนาดใหญ่เพิ่มความน่าเกรงขาม สปอยเลอร์ท้ายขนาดพอดีกับท้ายรถ โดยรวมน่าจะโหดดิบเถื่อนถูกใจสาวกม้าลำพองแน่นอน ส่วนภายในห้องโดยสารนั้นมีการตกแต่งด้วยโทนสีเหลือง มาพร้อมวัสดุภายในทั้งคาร์บอนไฟเบอร์ และ Alcantara รอบคันรถ

  พละกำลังของรถคันนี้มากับเครื่องยนต๋ 6.3 ลิตร V12 ที่มากับพละกำลัง 780 แรงม้าที่ 8,500 รอบ/นาที พร้อมแรงบิด 705 นิวตัน-เมตรที่ 6,500 รอบ/นาที โดยการปรับแต่งเครื่องยนต์นั้นได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งสูตร 1 นั่นเอง โดยจะส่งกำลังด้วยเกียร์ F1 DCT ที่ปรับอัตราทดเกียร์ให้สั้นลง 6% สามารถเปลี่ยนเกียร์สูงให้เร็วขึ้น 30% และเปลี่ยนเกียร์ต่ำเร็วขึ้น 40%  โดยเจ้าม้าผยองคันนี้สามารถทพอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาแค่ 2.9 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ในเวลา 7.9 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 340 กม./ชม. และสามารถวิ่งรอบสนาม Fiorano ได้ในเวลาแค่ 1 นาที 21 วินาทีเท่านั้น

  Ferrari F12tdf จะผลิตแค่ 799 คันทั่วโลกเท่านั้น มารอดูว่าเมืองไทยจะมีเข้ามาขายกี่คัน ส่วนราคายังไม่มีการประกาศออกมาครับ

ที่มา Carscoops

   
มาร่วมพูดคุยกันสนุกๆเรื่องรถยนต์ประดุจเพื่อนข้างกาย 
พร้อมเกาะติดข่าวการเปิดตัวรถใหม่กันแบบฉับไว
กดไลค์แฟนเพจของ Cars New Update ด้านล่างได้เลยครับ!!!
   

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ฺBMW M2 สปอร์ตรุ่นเล็กใบพัดฟ้าขาวพร้อมซ่าแล้ว

  และในที่สุดค่ายใบพัดฟ้าขาว BMW ก็ได้ทำการเผยโฉมสปอร์ตัวแรงน้องเล็กคันใหม่ล่าสุดที่พร้อมออกมาซ่าบนท้องถนนแล้ว รถที่ว่าก็คือ BMW M2 ที่ซุ่มวิ่งทดสอบเก็บข้อมูลกันเสียนาน ซึ่งตอนนี้ก็ได้ทำการเผยโฉมแบบเต็มๆคันมาให้สาวกใบพัดได้ยลโฉมกันแล้ว


  ซึ่งหน้าตาของรถนั้นได้ยกระดับความโหดจาก BMW M235i แบบสุดๆ ด้วยรูปทรงกันชนหน้าทรงโหดที่มากับช่องระบายอากาศทรงที่ไม่เหมือนตระกูล M รุ่นอื่นๆเลย ยังมีลูกเล่นเพิ่มมิติบริเวณกันชนหน้าทำให้เพิ่มความโหดได้เต็มพิกัดทีเดียว ซุ้มล้อนั้นดูแล้วชัดเลยว่ามีการขยายขนาดเพิ่มขึ้นเพื่อสอดรับกับขนาดล้อที่ใหญ่ขึ้น โดยรถคันนี้จะได้ล้อขนาด 19 นิ้วสวมยาง Michelin Pilot Super Sport tires ขนาดยาง 245/35 ZR 19 ที่ด้านหน้า และ ยาง 265/35 ZR 19  ที่ด้านหลัง ส่วนด้านท้ายที่ออกแบบกันชนท้ายให้ดูมีมิติและดูสวยงามขึ้น โดยรวมหน้าตารถน่าจะโดนใจใครๆหลายคนไม่น้อยเลย


   ภายในห้องโดยสารได้รับการตกแต่งให้ดูสปอร์ตขึ้นกว่าเดิม ด้วยพวงมาลัย 3 ก้านทรงสปอร์ตพร้อมโลโก้ M บริเวณตรงพวงมาลัย อีกทั้งยังตกแต่งรอบคันด้วยวัสดุ Carbon Fibre / Alcantara และยังเย็บตะเข็บรอบคันด้วยสีฟ้า


   ไฮไลต์สำคัญคือขุมพลังที่สถิตอยู่ในรถคันนี้ ซึ่งมันมากับขุมพลังเบนซินความจุ 3.0 ลิตร V6 แบบเทอร์โบคู่ มากับพละกำลัง 370 แรงม้าที่ 6,500 จนถึง 7,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 465 นิวตัน-เมตรที่ 1,400-5,560 รอบ/นาที และเมื่อเพิ่มฟังก์ชัน Overboost นั้นจะลากรอบได้ถึง 1,450 จนถึง 4,750 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือ เกียร์อัตโนมัติ DCT แบบคลัตซ์คู่ 7 สปีด ซึ่งมีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้งแบบ Comfort , Sport และ Sport+ อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. สามารถทำได้ในเวลาระหว่าง 4.3-4.5 วินาที ขึ้นอยู่กับระบบส่งกำลังของรถ ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม.

    ทางด้านงานวิศวกรรมนั้น BMW M2 ได้รับการขยายระยะแทร็คทางด้านหน้าเพิ่มขึ้น 64 มม. และทางด้านหลังอีก 71 มม. ลดน้ำหนักช่วงล่างด้วยการเปลี่ยนวัสดุในบางจุดเป็นอลูมิเนียม ปรับปรุงการตอบสนองของพวงมาลัยใหม่ และยังติดตั้ง Active M Differential ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับรถขับหลังโดยเฉพาะ และมีชุดเบรคใหม่ด้านหน้าคาลิเปอร์ 4 สูบ ดิสก์เส้นผ่านศูนย์กลาง 380 มม. ส่วนด้านหลัง 2 สูบ ดิสก์ 370 มม.

   BMW M2 ประกาศราคาจำหน่ายออกมาเรียบร้อย โดยเปิดราคาของประเทศอังกฤษเป็นที่แรกโดยจะเริ่มต้นราวๆ 44,070 ปอนด์ (ราวๆ 2,400,397 บาทไทย) ครับ

ที่มา Carscoops
มาร่วมพูดคุยกันสนุกๆเรื่องรถยนต์ประดุจเพื่อนข้างกาย 
พร้อมเกาะติดข่าวการเปิดตัวรถใหม่กันแบบฉับไว
กดไลค์แฟนเพจของ Cars New Update ด้านล่างได้เลยครับ!!!
   

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ยืนยันวันเปิดตัว Isuzu D-Max Minor Change วันที่ 2 พฤศจิกายน นี้

  เรียกได้ว่าเป็นกระบะที่ใครๆหลายคนรอคอยการเปิดตัวและถามหากันแทบทุกวันกันเลยทีเดียว สำหรับ Isuzu D-Max Minor Change ที่มีแต่ข่าวลือประโคมกันมาตลอดว่าจะเปิดตัวช่วงปลายปีนี้ และจะมาพร้อมกับขุมพลังขนาด 1.9 ลิตรทวินเทอร์โบ แน่นอนว่าจะหาข่าวที่เป็นข่าวจริงๆ 100% คงยาก เพราะ ค่ายนี้ปิดข่าวกันได้ดีมาก ซึ่งสวนทางกับความอยากรู้ข่าวของใครๆหลายคนที่อยากรู้มากเช่นกัน

   และความคืบหน้าล่าสุดที่ทำให้ใครๆหลายคนที่รอได้ชื่นใจบ้างก็คือ ตอนนี้ Isuzu ได้ทำการร่อนจดหมายเชิญสื่อมวลชนทั้งหลายมาร่วมงานเปิดตัว Isuzu D-Max รุ่นใหม่ ซึ่งได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากค่ายกระบะรายใหญ่รายนี้แล้วว่าจะทำการเปิดตัวในช่วงเย็นของวันที่ 2 พฤศจิกายน 2558 ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน

ซึ่งแน่นอนว่าน่าจะทำให้ใครหลายคนที่รอข่าวรวมทั้งสาวกทั้งหลายได้อุ่นใจซะที หลังจากที่ปิดข่าวเงียบกันเสียนานเลย

   ซึ่งแน่นอนว่าการปรับปรุงโฉมครั้งนี้ก็น่าจะมีการปรับปรุงโฉมในส่วนของรูปร่างใหม่ทั้งภายนอกและภายในให้ดูทันสมัยขึ้นและน่าจะมีออปชั่นอะไรหลายๆอย่างประโคมเข้ามาเพื่อต่อกรกับคู่แข่งในตลาดได้อย่างสมน้ำสมเนื้อมากกว่าเดิม

   และแต่ไฮไลต์สำคัญนั้นน่าจะอยู่ที่เครื่องยนต์ ซึ่งว่ากันว่าจะมากับขุมพลังดีเซล 19xx CC. ที่ Downsizing ขนาดลงมาตามกระแสค่ายอื่นๆ และว่ากันว่าจะมีขุมพลังแบบทวินเทอร์โบอย่างในเวอร์ชั่นยุโรปมาให้ด้วย ส่วนระบบส่งกำลังนั้นยืนยันได้ว่าจะมากับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดและเกียร์ธรรมดา 6 สปีดตามที่มีภาพหลุดรถทดสอบออกมาก่อนหน้านี้เลย

   สรุปก็คือ Isuzu D-Max Minor Change จะเปิดตัวในช่วงเย็นวันที่ 2 พฤศจิกายน 2558 ที่สยามพารากอน ฉะนั้นนับถอยหลังอีก 2 อาทิตย์กว่าๆครับ มารอดูกันว่ากระบะรุ่นใหม่นี้จะมีอะไรให้ตื่นเต้นบ้าง
มาร่วมพูดคุยกันสนุกๆเรื่องรถยนต์ประดุจเพื่อนข้างกาย 
พร้อมเกาะติดข่าวการเปิดตัวรถใหม่กันแบบฉับไว
กดไลค์แฟนเพจของ Cars New Update ด้านล่างได้เลยครับ!!!
   

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Nissan Sylphy DIG Turbo กระตุ้นตลาดด้วยขุมพลังเทอร์โบ

   Nissan Sylphy หลังจากที่ทำตลาดมานานสองนาน แทบไม่มีรุ่นปรับโฉมอะไรเลย ในขณะที่คู่แข่งนั้นก้าวไปไหนต่อไหนกันหมดแล้ว ฉะนั้นแล้วค่าย Nissan ก็นิ่งนอนใจไม่ได้หลังจากทำตลาดมา 3 ปีแล้ว ก็ได้เวลาสำหรับการกระตุ้นตลาดด้วยการปล่อยของเด็ดของ Nissan Sylphy DIG Turbo นอกจากนั้นแล้ว Nissan ยังได้ทำการปรับรูปโฉมให้กับ Sylphy รุ่นย่อยอื่นๆด้วย

   ไฮไลต์สำคัญนั้นคือเจ้า Nissan Sylphy DIG Turbo ที่เข้ามาเปิดตัวในเมืองไทย ด้วยการวางเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตรหัวฉีดไดเรคอินเจคชัน มากับพละกำลัง 190 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตรที่ 5,200 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์เอง Manual Mode อีก 6 สปีด

   สำหรับระบบความปลอดภัยของรถนั้นก็จัดมาให้เพิ่มเติมจากรุ่นปกติหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งระบบความปลอดภัยมาตรฐานก็จะมีระบบเบรก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD พร้อมระบบเสริมแรงเบรก BA แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ VDC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS ถุงลมนิรภัยที่เพิ่มเข้ามากลายเป็น 6 ใบ (คู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลม) นอกจากนี้ยังมีสัญญาณกะระยะถอยหลัง กล้อมองหลัง ระบบล็อคประตูสัมพันธ์กับความเร็วรถ 

   โดยการเปลี่ยนแปลงภายนอกนั้น ไม่ต่างอะไรจาก Nissan Sylphy Turbo ที่ขายในต่างประเทศ นั่นก็คือมีการเปลี่ยนแปลงชุดกันชนหน้าที่ออกแบบใหม่ให้สปอร์ตกว่าเดิม กระจังหน้าสีดำทำให้ดูสปอร์ตขึ้น และยังมีระบบฉีดล้างไฟหน้ามาให้ด้วย กระจกมองข้างลายคาร์บอนเคฟลาร์สีดำพร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED ล้ออัลลอยนั้นมากับขนาด 17 นิ้วสี Hyper Black (ลายเดียวกับ Pulsar Turbo) ส่วนด้านท้ายก็มากับชุดกันชนท้ายใหม่ที่มีดิฟฟิวเซอร์ท้ายที่ทำให้รถดูสปอร์ตขึ้น พร้อมโลโก้ DIG Turbo บนฝากระโปรงท้าย ไฮไลต์สำคัญคือการติดตั้งหลังคาซันรูฟเข้ามาด้วย

   ภายในห้องโดยสารนั้นมากับการตกแต่งโทนสีดำที่ทำให้ดูสปอร์ตขึ้นกว่าเดิม จอแสดงข้อมูลการขับขี่เปลี่ยนเป็นโทนสีฟ้า พร้อมกันนี้ยังมีพรมปูพื้นและแป้นคันเร่งกับแป้นเบรกแบบสปอร์ตอีกด้วย ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินรอบคัน ระบบอินโฟเทนเมนต์ก็จะได้หน้าจอสัมผัสขนาด 5.8 นิ้วพร้อมระบบ Nissan Connect และระบบนำทางติดตั้งมาให้

สำหรับราคาค่าตัวของ Nissan Sylphy DIG Turbo นั้นอยู่ที่ 999,000 บาท (เพิ่มเงินจากรุ่น 1.8 SV CVT อีก 66,000 บาท)

   นอกจากนี้แล้วยังมีการปรับปรุงโฉมให้กับ Nissan Sylphy รุ่นธรรมดาอีกด้วย โดยตั้งแต่รุ่น 1.6 V เป็นต้นไป จะได้กันชนหน้าและกระจังหน้าใหม่แบบเดียวกับตัว DIG Turbo ทั้งหมด แต่โดยเฉพาะในรุ่น 1.8 SV นั้นจะได้ชุดแต่งครบชุดเลยไม่ว่าจะเป็นกันชนหน้าแบบสปอร์ต ไฟหน้า Projector พร้อ DRL กันชนท้ายสปอร์ต ล้ออัลลอย 17 นิ้วรมดำ พร้อมระบบฉีดล้างไฟหน้า ภายในติดตั้ง Criuse Control มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และยังมีชุดระบบอินโฟเทนเมนต์ก็จะได้หน้าจอสัมผัสขนาด 5.8 นิ้วพร้อมระบบ Nissan Connect ในราคาค่าตัว 933,000 บาท

โดยราคาค่าตัวของ Nissan Sylphy Model Year 2016 มีดังนี้ครับ
- รุ่น 1.6 S MT ราคา 761,000 บาท (บวกจากรุ่นเดิม 10,000 บาท)
- รุ่น 1.6 E CVT ราคา 814,000 บาท (บวกจากรุ่นเดิม 10,000 บาท)
- รุ่น 1.6 V CVT ราคา 848,000 บาท (บวกจากรุ่นเดิม 10,000 บาท)
- รุ่น 1.6 SV CVT ราคา 867,000 บาท (บวกจากรุ่นเดิม 14,000 บาท)
- รุ่น 1.8 V CVT ราคา 914,000 บาท (บวกจากรุ่นเดิม 10,000 บาท)
- รุ่น 1.8 SV CVT ราคา 933,000 บาท (รุ่นย่อยใหม่)
- รุ่น 1.6 DIG Turbo ราคา 999,000 บาท
* รุ่นที่ตัดออก รุ่น 1.6 E CNG 

ที่มา Nissan

มาร่วมพูดคุยกันสนุกๆเรื่องรถยนต์ประดุจเพื่อนข้างกาย 
พร้อมเกาะติดข่าวการเปิดตัวรถใหม่กันแบบฉับไว
กดไลค์แฟนเพจของ Cars New Update ด้านล่างได้เลยครับ!!!
   

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Mazda CX-3 เตรียมเปิดตัวรอบสื่อมวลชนในเมืองไทย 10 พ.ย. นี้

  หลังจากที่ใครๆหลายคนรอคอยการเปิดตัวของซับคอมแพกต์รุ่นใหม่จากค่าย Mazda นั่นก็คือ Mazda CX-3 ที่จะมาต่อกรกับคู่แข่งในตลาดอย่าง Honda HR-V รวมทั้ง Ford Ecosport และ Nissan Juke ซึ่งต่างคนคงลุ้นกันว่ามันจะเปิดตัวในเมืองไทยวันไหนและเมื่อไหร่


   ซึ่งล่าสุดนั้นทาง Mazda CX-3 Club ได้ปล่อยข่าวออกมาล่าสุดว่า Mazda CX-3 โฉมใหม่จะทำการเปิดตัวในเมืองไทยในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2558 โดยว่ากันว่า Mazda จะซอยรุ่นย่อยของ CX-3 ให้ถึง 5 รุ่นย่อยด้วยกัน และจะมี 2 ขุมพลังให้เลือก ได้แก่

- เครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,500 รอบ/นาที ที่คาดการณ์ว่าจะวางให้เป็นรุ่นท็อปสุด


- เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 192 นิวตันเมตร ที่ 2,800 รอบ/นาที

ระบบส่งกำลังน่าจะมีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ต้องมาลุ้นว่าเมืองไทยจะเอาเกียรืธรรมดาเข้ามาหรือไม่

ระบบขับเคลื่อนก็จะมีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งคาดการณ์ว่าเวอร์ชั่นไทยอาจจะมีแค่ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า แต่ก็ต้องรอดูกันต่อไป

ส่วนสเปคเบื้องต้นและระบบความปลอดภัยนั้น อ้างอิงข้อมูลจาก  Headlightmag  จะประกอบด้วย
– ระบบ Infotainment MZD Connect
– ระบบควบคุมไฟหน้าสูง-ต่ำ อัตโนมัติ High Beam Control (HBC)
– ระบบตรวจจับรถในจุดบอด Blind Spot Monitoring System (BSMS)
– ระบบเตือนให้อยู่ในช่องจราจร Lane Departure Warning (LDW)
– ระบบตรวจจับรถขณะออกจากช่องจอด Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
– ระบบเตือนการชนด้านหน้าและชะลอความเร็ว Smart City Brake Support (SCBS)
– ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย)
– ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Dynamic Stability Control (DSC)
– ระบบป้องกันการลื่นไถล Traction Control System (TCS)
– กล้องมองภาพขณะถอยจอด Rear view camera


ส่วนราคาค่าตัวนั้นน่าจะอยู่ในช่วง 83x,xxx ไปจนถึง ไม่เกิน 1.1 ล้านบาท ทั้งนี้ก็ต้องรอชมข้อมูลซึ่งน่าจะออกมาในวันที่  10 พ.ย. 2558 อันเป็นการเปิดตัวในรอบสื่อมวลชน ส่วนประชาชนทั่วไปจะได้ชมคันจริงในงาน Motor Expo 2015 ช่วงวันที่่ 2-13 ธันวาคม 2558 ครับ
มาร่วมพูดคุยกันสนุกๆเรื่องรถยนต์ประดุจเพื่อนข้างกาย 
พร้อมเกาะติดข่าวการเปิดตัวรถใหม่กันแบบฉับไว
กดไลค์แฟนเพจของ Cars New Update ด้านล่างได้เลยครับ!!!
   

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Subaru Forester Minor Change ปรับนิดเติมหน่อยเพิ่มความสมบูรณ์แบบ

  ค่ายรถดาวลูกไก่ได้ทำการปรับโฉมกระตุ้นตลาดให้กับรถอเนกประสงค์รุ่นใหญ่อย่าง Subaru Forester ใหม่รุ่นปี 2016 ที่ไดรับการเติมแต่งรูปโฉมภายนอกและภายในรวมทั้งเทคโนโลยีต่างๆเข้าไปในรถ เพื่อให้รถมีความสมบูรณ์แบบถูกใจลูกค้ามากขึ้น

   การเปลี่ยนแปลงภายนอกนั้นอาจจะต้องเพ่งเล็งนิดหน่อยเพราะค่ายนี้เวลาปรับโฉมมักปรับเล็กๆอยู่แล้ว โดยมีการปรับชุดโคมไฟหน้าใหม่ที่ดูดีกว่าเดิม พร้อมออกแบบลวดลายบนกระจังหน้าใหม่ให้ดูสปอร์ตขึ้นกว่าเดิม ออกแบบกรอบไฟตัดหมอกใหม่ให้ดูเข้ากับหน้าตาใหม่ของรถมากขึ้น มีการเพิ่มล้ออัลลอยลายใหม่ ส่วนด้านท้ายนั้นก็ได้เปลี่ยนชุดไฟท้ายแบบใหม่ที่ดูทันสมัยขึ้นกว่าเดิม

   ส่วนภายในห้องโดยสารนั้นได้ทำการเปลี่ยนพวงมาลัยใหม่แบบที่ Subaru รุ่นใหม่ๆของ Subaru ใช้กัน ตกแต่งรายละเอียดบนคอนโซลใหม่ให้ดูสปอร์ตขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ปรับเปลี่ยนหน้าจอ MID เป็นแบบจอสี รวมทั้งระบบเบาะอุ่นบริเวณแถวสองของห้องโดยสาร นอกจากนี้ยังมีระบบเครื่องเสียงของ Harman Gordon พร้อมระบบนำทาง SD Navigator ที่สามารถเลือกติดตั้งเพิ่มเติมได้

   สำหรับขุมพลังนั้นจะเป็นขุมพลังชุดเดิมเครื่องเบนซิน Boxer ความจุ 2.0 ลิตร ซึ่งในรุ่นบนสุดจะเป็นขุมพลังแบบเดียวกันแต่มาพร้อมเทอร์โบไดเรคอินเจคชัน ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด (รุ่นล่างสุด)หรือ เกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT 

   นอกจากนี้แล้วทาง Subaru ยังได้ปรับปรุงการขับขี่และความสบายภายในห้องโดยสารมากขึ้น ด้วยการปรับปรุงการเก็บเสียงภายในที่ดีขึ้นกว่าเดิม ปรับปรุงแซสซีส์ใหม่ให้แข็งแรงมากขึ้น ส่วนในรุ่น Turbo จะมีระบบ Active Torque Vectoring ซึ่งทำให้การเข้าโค้งดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

   ส่วนระบบความปลอดภัยนั้นทาง Subaru ก็ได้อัพเกรดแพ็คเกจความปลอดภัย Eye Sight เวอร์ชั่นที่ 3 ซึ่งได้ทำการปรับปรุงระบบเตือนการเปลี่ยนเลน ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติและ Adaptive Cruise Control  ระบบตรวจจับจุดบอด, ระบบช่วยเปลี่ยนเลน, ระบบเตือนวัตถุกีดขวางขณะถอยหลัง, ระบบเตือนสัญญาณไฟ และระบบปิดไฟสูงอัตโนมัติ เป็นต้น

   Subaru Forester Minor Change จะทำการเปิดตัวภายในงาน Toyko Motor Show 2015 ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยจะมีราคาเริ่มต้นราวๆ 2,149,100 เยน ถึง 3,128,760 เยน รวมภาษีมูลค่าเพิ่มของญี่ปุ่นแล้ว (คิดเป็นเงินไทยราวๆ 638,777 บาท ถึง 929,919 บาท)

ที่มา Carscoops
มาร่วมพูดคุยกันสนุกๆเรื่องรถยนต์ประดุจเพื่อนข้างกาย 
พร้อมเกาะติดข่าวการเปิดตัวรถใหม่กันแบบฉับไว
กดไลค์แฟนเพจของ Cars New Update ด้านล่างได้เลยครับ!!!
   

Like Box