วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2562

แอบถ่ายรถทดสอบ All-New Hyundai H-1/Starex เปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่สู่ความโฉบเฉี่ยว

  Hyundai H-1 หรือบางตลาดเรียก Starex ตัวถังปัจจุบัน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรถตู้สำหรับครอบครัวที่มีอายุตลาดยาวนานกว่าทศวรรษ ซึ่งก็คงได้เวลาสำหรับการเปลี่ยนโฉมใหม่หมดจดแล้ว และเมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาก็มีคนสามารถจับภาพรถที่คาดว่าเป็น All-New Hyundai H-1/Starex ได้

  All-New Hyundai H-1/Starex มีรหัสในการพัฒนาหรือ Codename ว่า US4 จะถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานแพลตฟอร์มเดียวกับ All-New Kia Grand Carnival (Codename: KA4) ที่คาดว่าจะเปิดตัวช่วงปีหน้าเช่นเดียวกับ Hyundai ดังนั้นดีไซน์นั้นจะไม่ได้มาทรงรถตู้ขนของจ๋าแบบโฉมปัจจุบันแล้ว แต่จะมาในแนวมินิแวน MPV สุดหรูแบบ Kia Grand Carnival

  รูปลักษณ์ภายนอกจะเห็นว่าดีไซน์ด้านหน้าจะเป็นไปตาม Hyundai ยุคใหม่ที่เน้นความโฉบเฉี่ยวล้ำสมัย  ลบภาพลักษณ์เดิมๆออกไปหมดสิ้น ต่อเนื่องไปถึงเส้นสายด้านข้างที่ดูสวยงามโฉบเฉี่ยว ส่วนด้านท้ายยังไม่เห็นเพราะรอบคันก็ยังคงพรางด้วยผ้าหุ้มที่แน่นหนา แต่ดูรวมๆแล้วน่าจะสวยลงตัวขึ้นไม่น้อย

  ส่วนภายในห้องโดยสารยังไม่มีภาพงานออกแบบคอนโซลหน้า มีเพียงแค่เบาะหลังที่ดูแล้วน่าจะหรูหราโดนใจไม่น้อย เครื่องยนต์ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดออกมาว่าจะได้ขุมพลังไหน แต่คาดว่าการเปิดตัวของ All-New Hyundai H-1/Starex น่าจะมีขึ้นช่วงปีหน้า ส่วนเมืองไทยก็ต้องมาลุ้นว่าจะเปิดตัวเมื่อไหร่ครับ

ที่มา ฺBlog.naver.com

ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ  

วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Mazda MX-5/Roadster MY2020 เปิดตัวแล้วที่ญี่ปุ่น : เพิ่มสีตัวถังใหม่ ปรับปรุงการตกแต่งใหม่

   Mazda MX-5 (หรือที่ญี่ปุุ่นจำหน่ายในชื่อ Roadster) ได้ทำการปรับอุปกรณ์ใหม่ในรุ่นปี 2020 ซึ่งมีการเพิ่มเติมออปชั่นหลายรายการ และจำหน่ายในญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมาแล้ว

   หนึ่งในการปรับปรุงที่สำคัญในส่วนของภายนอกนั่นคือ การแนะนำสีตัวถังใหม่ "สีเทา Polymetal Grey Metallic" ใหม่ หรือที่บางคนเรียก สีเทานม สีเทา Lamborghini โดยสีนี้ประเดิมใช้ครั้งแรกใน Mazda 3 โฉมใหม่ล่าสุดนั่นเอง สีตัวถังนี้จะหลวมรวมถึงความแข็งของโลหะแต่มีสีที่มันวาวเสมือนพลาสติก เมื่อมาอยู่บนตัวถังรถที่มีสัดส่วนโค้งมนพลิ้วไหวแบบนี้ถือว่าลงตัวมากทีเดียว

   Mazda MX-5/Roadster MY2020 ยังมาพร้อมรุ่นพิเศษที่มากับแพ็คเกจ Silver Top โดยมากับหลังคาผ้าใบสีเทา และล้ออลูมิเนียมขนาด 16 นิ้วที่มีพื้นผิวมันวาวสดใส

 หากลูกค้าไม่ชอบความมันวาวเกินไปอย่างที่กล่าวมา Mazda ยังแนะนำล้ออลูมิเนียมฟอร์จ 16 นิ้วใหม่ที่พัฒนาจาก Rays ล้อชุดนี้ทำให้น้ำหนักลดลงอีก 3 กิโลกรัม (6.6 ปอนด์) ซึ่งจะช่วยลดน้ำหนักส่วนเกินออกไปเพื่อการขับขี่ที่ดีขึ้น ลูกค้าที่เลือกซื้อล้อ Rays ใหม่ยังสามารถเลือกซื้อเบรคหน้าจาก Brembo ได้

  ทางด้านภายในของ Mazda MX-5/Roadster MY2020  จะมีการปรับปรุงวัสดุตกแต่งภายในใหม่ โดยโมเดลหลังคาแข็ง RF จะตกแต่งด้วยหนัง Burgundy Nappa สีแดงรวมทั้งตะเข็บสีเทาอ่อนเพื่อให้ได้บรรยากาศภายในที่หรูหรายิ่งขึ้น  ทาง Mazda ยังได้ทำการเปลี่ยนแปลงทั้งเบาะหนังสีน้ำตาลและสีดำ ปรับปรุงรูปแบบการตัดเย็บเบาะใหม่ที่ปรับปรุงความสะดวกสบายและความสปอร์ตที่มากขึ้น และยังมีสคัพเพลทสแตนเลสติดบริเวณพื้นประตูรถด้วย

  นอกเหนือจากการอัปเกรดเหล่านี้ MX-5/Roadster MY2020 ทุกรุ่นทุกเกรดจะได้กุญแจโฉมใหม่ โลโก้ฟอนต์รูปแบบใหม่ รวมถึงฟังก์ชั่นการตรวจจับคนเดินเท้าตอนกลางคืนสำหรับระบบความปลอดภัย ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ แบบ Advance (Advance SCBS : Advanced Smart City Brake Support)

  Mazda MX-5/Roadster MY2020 ยังคงเสนอทางเลือกของเครื่องยนต์บล็อกเดิม ได้แก่
- เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 1.5 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว มากับพละกำลังสูงสุด 131 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด
- เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว มากับพละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 205 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและอัตโนมัติ 6 สปีด

  Mazda MX-5/Roadster MY2020 จะมีราคาเริ่มต้นที่ 2,601,500 เยน หรือประมาณ 716,000 บาทไทย

ที่มา Carscoops / Mazda

ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ  

วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2562

All-New Chevrolet Tahoe & Suburban สองเอสยูวีหรูรุ่นใหญ่จากแดนลุงแซม

   Chevrolet ได้ทำการเปิดตัว 2 SUV หรูรุ่นใหญ่เจเนเรชั่นใหม่ อย่าง Chevrolet Tahoe และ Suburban มีสิ่งที่น่าสนใจคือ   การติดตั้งระบบช่วงล่างแบบ multi-link และ ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระ

  รถถูกสร้างขึ้นแพลตฟอร์ม T1 ของ GM ซึ่งจะถูกใช้ใน Cadillac Escalade และ GMC Yukon โฉมใหม่ที่จะเปิดตัวตามมาอีกด้วย แพลตฟอร์มนี้ยังมากับโครงสร้างแพตลฟอร์มระบบไฟฟ้า Global B ของ GM และรองรับการอัปเดตแบบ Over The Air ใหม่ และมากับความปลอดภัยของเครือข่ายขั้นสูงสำหรับเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ

  ดีไซน์ภายนอกของทั้งสองมีการอิงการออกแบบจากกระบะ Chevrolet Silverado รุ่นล่าสุด เห็นได้ชัดจากด้านหน้าดีไซน์ใหม่ที่มากับกระจังหน้าขนาดใหญ่ขึ้น และไฟหน้าใหม่ขนาดเล็กลงพร้อมไฟ LED Daytime Running Lights ทรงบูมเมอแรง ส่วน Suburban นั้นก็คือ Tahoe ในเวอร์ชั่นที่ยึดขยายตัวถังให้ยาวขึ้นอีก เห็นชัดจากช่วงประตูหลังเป็นต้นไปที่มีความแตกต่าง 

  อีกไฮไลต์ที่น่าสนใจคือ Tahoe Z71 ทีมีการตกแต่งสไตล์ออฟโรดพร้อมยกช่วงล่างให้สูงขึ้น

   ทั้ง Tahoe และ Suburban รุ่น High Country และ Z71 จะติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบ Air Ride Adaptive Suspension ที่นำเสนอการปรับระดับความสูงของรถได้อัตโนมัติ ผู้ขับขี่สามารถปรับความสูงรถได้มากสุด 4 นิ้ว (101 มิลลิเมตร) เมื่อขับบนทางหลวงระบบจะลดความสูงลงราวๆ 19 มิลลิเมตร เพื่อปรับปรุงอากาศพลศาสตร์และประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงของรถ

  ลูกค้าสามารถปรับความสูงของรถลดลงอีก 2 นิ้ว (51 มิลลิเมตร) เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารเข้าและออกรถได้ง่ายเมื่อจอดรถ ผู้ขับขี่ยังสามารถเพิ่มความสูงรถได้อีก 1 นิ้ว (25 มิลลิเมตร) เมื่อขับรถออฟโรดในโหมด 4WD Hi และเพิ่มได้อีก 1 นิ้วในโหมด 4WD LO

  สำหรับขนาดของตัวรถนั้น ทาง Chevrolet ได้ยืดระยะฐานล้อของ Tahoe ให้ยาวขึ้น 124 มิลลิเมตร ทำให้รถมีความยาวมากกว่าก่อนถึง 170 มิลลิเมตร ส่วน Suburban นั้นระยะฐานล้อถูกเพิ่มให้ยาวขึ้นอีก  104 มิลลิเมตร และทำให้รถยาวขึ้น 33 มิลลิเมตร

  นั่นส่งผลให้พื้นที่เก็บของด้านหลังของ Tahoe ในแถวที่สามเพิ่มขึ้นถึง 66% โดยมีความจุรวมที่ 3,480 ลิตร ในขณะที่ Suburban จะมีพื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มขึ้น 19% โดยมีความจุรวมเป็น 4,097 ลิตร นอกจากนี้ยังส่งผลให้ผู้โดยสารแถวที่สามใน Tahoe ได้รับพื้นที่วางขาเพิ่มเติม 10 นิ้วในขณะที่แถวที่สองและแถวที่สามของ Suburban ได้พื้นที่วางขาเพิ่มขึ้น 2 นิ้ว

   ในส่วนของเครื่องยนต์นั้นจะติดตั้ง
- เครื่องยนต์เบนซินขนาด 5.3 ลิตร V8 พละกำลัง 335 แรงม้าที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 519 นิวตันเมตรที่ 4,100 รอบ/นาที
-เครื่องยนต์เบนซินขนาด 6.2 ลิตร V8 พละกำลัง 420 แรงม้าที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 623 นิวตันเมตรที่ 4,100 รอบ/นาที
  เครื่องยนต์ทั้งสองรุ่นมีเทคโนโลยีการจัดการเชื้อเพลิงแบบไดนามิกโดยมีโหมดปิดใช้งานกระบอกสูบมากกว่า 12 โหมด
  นอกจากนี้ยังมีเครื่องดีเซลเทอร์โบดูราแม็กซ์ 3.0 ลิตร แถวเรียง 6 สูบซึ่งมีให้เลือกติดตั้งทุกรุ่นยกเว้นใน Z71 มีพละกำลัง 277 แรงม้าที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 623 นิวตันเมตรที่ 1,500 รอบ/นาที โดยทาง Chevrolet เคลมว่าจะประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดในกลุ่ม

  ลูกค้าที่ซื้อรถแนวนี้มักจะนำรถมาลากจูงด้วย ดังนั้นทั้ง Tahoe และ Suburban จะติดตั้งเทคโนโลยีลากจู
งของ Silverado ด้วย ไม่ว่าจะเป็นแพ็คเกจ Max Trailering , ระบบ Integrated trailer brake controller, ระบบควบคุมกล้องหลัง  Hitch Guidance พร้อมคุณสมบัติ Hitch View และแอป Chevrolet Trailering พร้อมกันนี้ยังติดตั้งกล้องรอบคันไม่น้อยกว่า 9 ตัว

   Tahoe และ Suburban ยังติดตั้งอีก 30 เทคโนโลยีความปลอดภัยที่มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้า, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบวัดระยะห่างจากรถคันหน้า, ระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อตรวจพบคนเดินเท้า, ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ, ระบบควบคุมไฟหน้าอัตโนมัติ IntelliBeam, ระบบแจ้งเตือนคนเดินเท้าจากทางด้านหลัง, ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในเลน พร้อมระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนและอื่น ๆอีกมากมาย

   ภายในติดตั้งระบบ Infotainment หน้าจอสัมผัสขนาด 10 นิ้วรองรับระบบ Infotainment Chevrolet 3 ระบบนี้ยังรวมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 8 นิ้วในแผงหน้าปัดอันเป็นมาตรฐานสำหรับรุ่น Premier และ High Country ในขณะที่รุ่นรองลงมาใช้หน้าจอ 4.2 นิ้ว

   นอกจากนี้ยังมีจอแสดงผล Head-Up Display ขนาด 15 นิ้วรวมถึงระบบความบันเทิงด้านหลังที่มีหน้าจอสัมผัสขนาด 12.6 นิ้ว และยังมีฮอตสปอต WiFi รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto, พอร์ตชาร์จ USB หลายจุดและแท่นชาร์จไร้สาย

  Chevrolet  ยังไม่ได้ประกาศรายละเอียดราคาสำหรับรุ่นใดรุ่นหนึ่งทั้งนั้น แต่ใ
ทั้ง Chevrolet Tahoe และ Suburban จะเริ่มจำหน่ายในสหรัฐช่วงกลางปี ​​2020

ที่มา Carscoops 

ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ  

วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Hyundai Grand Starex MY2020 ปรับอุปกรณ์ใหม่รถตู้ 7 ที่นั่งระดับหรูแดนกิมจิ

  นอกจาก Hyundai H-1 ที่มีการปรับอุปกรณ์ใหม่แล้ว แน่นอนว่าเวอร์ชั่นหรูอย่าง Hyundai Grand Starex ก็มีการปรับปรุงตามมาด้วยเช่นกัน ซึ่งก็ปรับเพิ่มโดยไม่มีการเพิ่มราคาแต่อย่างใด

  สีตัวถังมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว Arctic White, สีเงิน Hyper Metallic และ สีดำ Timeless Black 
มี 2 รุ่นอีกเช่นเคย
- Premium 2,349,000 บาท
- VIP 2,399,000 บาท


  การเปลี่ยนแปลงภายนอกทุกรุ่น
- กระจังหน้าใหม่แบบโครเมียม
- ล้อขนาด 17 นิ้วลายใหม่
- เพิ่มระบบไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ และไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED
- เพิ่มสเกิร์ตรอบคัน เสริมด้วยโครเมียมเพิ่มความหรูหรา


  การเปลี่ยนแปลงภายใน
- ทุกรุ่นเพิ่มช่องจ่ายไฟ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
- ทุกรุ่นเพิ่มชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless Charger), หน้าจอสัมผัสที่เพิ่มการรองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto 
- รุ่น Premium เพิ่มช่องต่อ USB, HDMI และ Mirror Link สำหรับจอติดเพดาน
- รุ่น VIP เพิ่มช่องต่อ USB, HDMI และระบบ Mirror Link สำหรับเคาน์เตอร์บันเทิง

สำหรับข้อมูลทางเทคนิค สเปคและออปชั่นแต่ละรุ่นจะมีดังนี้
* เครื่องยนต์ดีเซล Commonrail Direct Injection ความจุ 2.5 ลิตรแบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว พละกำลัง 175 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 441 นิวตัน-เมตรที่ 2,000-2,250 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดพร้อม Sequential Shift
* มิติภายนอกยาว 5,169 มิลลิเมตร กว้าง 1,920 มิลลิเมตร สูง 1,925 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 3,200  มิลลิเมตร ระดับตํ่าสุดจากพื้น 190 มิลลิเมตร ปริมาตรถังนํ้ามัน 75 ลิตร รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.6 เมตร
* ระบบบังคับเลี้ยว Rack & Pinion with Hydraulic Assist
* ระบบช่วงล่าง (หน้า/หลัง) MacPherson Struts / 5-Link Rigid Axle, Coil Springs
* ระบบเบรก (หน้า/หลัง) Ventilated Discs / Discs
* ยางขนาด 235/60 R17

รุ่น Premium ราคา 2,349,000 บาท
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก
  • ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วดีไซน์ใหม่
  • กระจังหน้าโครเมียมดีไซน์ใหม่
  • สเกิร์ตหน้า/ข้าง และกันชนหลังตกแต่งด้วยแถบโครเมียม
  • ไฟหน้าแบบ Projector Lens
  • ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ
  • ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED
  • ไฟท้ายแบบ LED
  • ไฟตัดหมอก
  • คิ้วป้ายทะเบียนหลังโครเมียม
  • ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้างแบบ LED
  • กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า
  • สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
  • ประตูสไลด์ไฟฟ้า 2 ข้าง พร้อมรีโมท
  • ไฟส่องพื้นที่กระจกมองข้าง (Puddle Lamps)
  • ที่ปัดน้ำฝนหลัง
  • เสาอากาศแบบสั้น
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน
  • พวงมาลัยหุ้มหนัง
  • คันเกียร์หุ้มหนัง
  • เบาะหนัง
  • เบาะแถวที่ 2 แบบ VIP พร้อมพนักพิง และที่พักขาปรับด้วยไฟฟ้า
  • พนักพิงศีรษะแบบปีกผีเสื้อ
  • ระบบเบาะ อุ่น/เย็น สำหรับคนขับ
  • พวงมาลัยปรับระดับ สูง-ต่ำ เข้า-ออก
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
  • ปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศแยกสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • ภายในตกแต่งลายไม้
  • กระจกแบบ Flush Glass ที่ประตูสไลด์
  • กล่องเก็บแว่นตาที่คอนโซลเหนือศีรษะ
  • กุญแจรีโมทแบบพับเก็บ
  • ไฟที่ช่องเสียบกุญแจ
  • กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
  • ไฟในห้องโดยสารแบบ LED พร้อม Mood Lighting
  • ช่องจ่ายไฟ 12V ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง
  • ช่องจ่ายไฟ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
  • หน้าปัดแบบ Supervision Meters
  • ปุ่มควบคุมเครืองเสียงที่พวงมาลัย
  • ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ที่พวงมาลัย
  • ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless Charger)
  • ที่ปัดน้ำฝนหน้าแบบหน่วงเวลา
  • แผงบังแดดพร้อมกระจก และไฟส่อง
  • กระจกคนขับขึ้น-ลงอัตโนมัติ
  • เครื่องเสียง DVD หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว
  • ระบบนำทาง GPS
  • ระบบ WIFI เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
  • ช่องต่อ HDMI
  • ระบบบลูทูธ
  • รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto
  • จอภาพ LCD ติดเพดานพับไฟฟ้าแบบ Full HD ขนาด 13.3 นิ้ว
  • ช่องต่อ USB, HDMI และระบบ Mirror Link สำหรับจอติดเพดานด้านหลัง
  • ลำโพง 6 ตัว
ระบบความปลอดภัย
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้าแบบ SRS
  • ถุงลมนิรภัยด้านข้าง สำหรับคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า
  • ระบบป้องกันล้อล็อก ABS
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESP
  • ระบบสัญญาณกันขโมย
  • ระบบล็อกประตูสัมพันธ์กับความเร็ว
  • ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทางอัจฉริยะ Smart View
  • สัญญาณเตือนกะระยะถอยหลัง
  • ระบบป้องกันการหนีบสำหรับกระจกไฟฟ้า (ฝั่งคนขับ)
  • ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
  • เข็มขัดนิรภัย 3 จุด สำหรับผู้โดยสารแถวที่ 1 และแถวที่ 2
รุ่น VIP ราคา 2,399,000 บาท (เพิ่ม 50,000 บาทจากรุ่น Premium)
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอกและความปลอดภัย เหมือนรุ่น Premium ทุกประการ
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน (เพิ่มจากรุ่น Premium)
  • เคาน์เตอร์บันเทิง (Entertainment Counter)
  • ไฟ Ambient Light ที่เคาน์เตอร์บันเทิงเปลี่ยนได้ 3 สี
  • ไฟส่องพื้นที่เคาน์เตอร์บันเทิง
  • กล่องใส่ของที่เคาน์เตอร์บันเทิงพร้อมไฟส่อง
  • ช่องจ่ายไฟ 12V ที่เคาน์เตอร์บันเทิง
  • ลำโพง 8 ตัว
  • เครื่องเสียง DVD จาก Pioneer ที่เคาน์เตอร์บันเทิงพร้อมช่อง USB
  • จอ LCD 22 นิ้ว แบบ FHD ขึ้น-ลง ด้วยระบบไฟฟ้าที่เคาน์เตอร์บันเทิง
  • ช่องต่อ USB, HDMI และระบบ Mirror Link สำหรับเคาน์เตอร์บันเทิง
บทความที่เกี่ยวข้อง
 ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ
  

Like Box