วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556

Nissan เตรียมเปิดตัว Teana 2013 โฉมใหม่ วันที่ 23 ต.ค. นี้

  ตลาดรถยนต์ช่วงนี้กำลังเป็นช่วงขาลง เป็นผลพวงมาจากนโยบายรถคันแรกเมื่อปีที่แล้ว ทำให้ปีนี้กำลังซื้อหดตัวลงไปเยอะ แต่ในเดือนตุลาคมที่กำลังจะเคลื่อนคลามาถึง จะเป็นเดือนที่ตลาดรถยนต์แต่ละรุ่นจะเริ่มคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง เพราะมีการเปิดตัวรถหลายรุ่น ซึ่งในนี้ก็รวมถึง Nissan Teana ที่เรากำลังจะกล่าวถีงด้วยครับ


    ล่าสุด เราได้ข่าวมาแล้วว่า Nissan Teana โฉมใหม่ที่หลายคนรอคอยจะเปิดตัวในปลายเดือนตุลาคมนี้ซึ่งกำหนดไว้วันที่ 23 ต.ค. 56 ซึ่งหลังการเปิดตัว Toyota Yaris Eco Car และ Isuzu MU-X เพียง 1 วันเองครับ แน่นอนว่าเดือนตุลาคมตลาดรถยนต์คึกคักแน่ๆ
   หน้าตาของรถนั้นก็เหมือนกับ Nissan Altima ของอเมริกาทุกประการ หน้าตาตั้งแต่หน้าจรดท้ายคล้ายรุ่นน้องอย่าง Sylphy เครื่องยนต์คาเว่าจะมีให้เลือกใช้ตั้งแต่เครื่อง 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร โดยเฉพาะเครื่อง 2.5 ลิตรที่เปลี่ยนจาก 6 สูบ เป็น 4 สูบ พละกำลัง 182 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT ครับ
    ราคานั้นยังไม่มีข่าวหลุดออกมา ยังไงก็รอวันเปิดตัวกันครับ
Update ทุกความเคลื่อนไหวไปกับเรา ได้ที่ Facebook ข้างล่างนี้
 
และอีกหนึ่งแฟนเพจครับ New Cars Around The World Fan Page

วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

แอบถ่าย BMW 4 Series GranCoupe สปอร์ตซีดานโฉมใหม่ล่าสุด

   BMW 4 Series ตัวตายตัวแทน 3 Series Coupe นั้นได้ทำการเปิดตัวในตลาดโลกกันไปแล้ว และก็ยังจะมี 4 Series Convertible ตามมาอีกเร็วๆนี้ แต่อย่างไร BMW ก็มีแผนแตกไลน์เป็น 4 Series GranCoupe อีก ซึ่งตลาดซีดานคูเป้ก็เป็นตลาดกลุ่มหนึ่งที่มีอัตราการเติบโตสูง

   ล่าสุด มีคนแอบถ่าย BMW 4 Series GranCoupe ไว้ได้ โดยตัวรถเริ่มพรางน้อยลง และเริ่มเผยสัดส่วนให้เห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
   หน้าตาของรถก็ไม่แตกต่างไปจากรุ่นคูเป้มากนัก เพียงแค่เพิ่มประตูหลังเข้าไป และหลังคาถูกออกแบบให้ดูลาดลงกว่าเดิมเพื่อชดเชยจากการเพิ่มประตูหลังเข้าไปครับ ส่วนภายในก็เหมือนกับรุ่นคูเป้ทุกประการครับ
 
    เครื่องยนต์นั้นมีการคาดการณ์ไว้ว่าจะใช้เครื่อง 2.0 ลิตรเทอร์โบ 4 สูบ 240 แรงม้า แรงบิด 345 นิวตัน-เมตร และเครื่อง 3.0 ลิตร 6 สูบ 300 แรงม้า แรงบิด 406 นิวตัน-เมตร
   การเปิดตัวของ BMW 4 Series GranCoupe คาดการณ์ไว้ว่าจะเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้ที่งาน Los Angeles Auto Show 2013 ครับ
ที่มา www.worldcarfans.com
Update ทุกความเคลื่อนไหวไปกับเรา ได้ที่ Facebook ข้างล่างนี้
 
และอีกหนึ่งแฟนเพจครับ New Cars Around The World Fan Page

Honda Odyssee 2014 รถ MPV หรูโฉมใหม่มาแล้ว พร้อมรวมกับรุ่น Elysion

  Honda ประเทศญี่ปุ่น เผยโฉม Honda Odyssee ใหม่ ซึ่งเป็นเจเนเรชั่นที่ 5 แล้วซึ่งการเปลี่ยนโฉมครั้งนี้นั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนโฉมโดยฉีกแนวคิดเดิมๆของรถออกหมด
   หลายคนที่ได้เห็นกันแล้ว คงคิดว่าทำไมมันเปลี่ยนจาก MPV เป็นรถตู้หรูไปได้ เนื่องจากว่า โฉมนี้เป็นการนำ Honda Odyssee เดิมอยู่แล้วที่หลังๆมาขายไม่ค่อยออก และ Honda Elysion รถตู้ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร นำสองรุ่นนี้มาจับรวมกันกลายเป็นมินิแวนที่ดูหรูหราและลงตัว ซึ่งน่าจะเอามาลงแข่งกับ Toyota Estima ที่ประสบความสำเร็จอยู่ ณ ตอนนี้
   หน้าตาของรถได้รับอิทธิพลการออกแบบ Exciting H Design มาแบบเต็มๆ ครับ ซึ่งดีไซน์ดังกล่าวใช้มาแล้วกับ Fit/Jazz โฉมใหม่ และ Brio Mobillio MPV ครับ
    และตอนนี้ Honda Odyssee โฉมใหม่ก็กลายร่างเป็นมินิแวนคันงามติดตั้งบานประตูคู่หลังแบบสไลด์เพื่อความสะดวกสบายในการเข้า-ออก ภายในห้องโดยสารเน้นความเรียบง่าย และความหรูหราด้วยลายไม้สีแปลกตาและชุดเบาะนั่งตอนที่ 2 สามารถเลือกเป็นแบบ Captain Seat ที่ใหญ่และหนาน่านั่งมาก
    แนวคิดการพัฒนาของ Honda Odyssey โฉมใหม่ ก็คือ การเน้นเนื้อที่ภายในห้องโดยสารที่สะดวกสบายและยังรักษาจุดยืนของ Odyssey ก็คือพื้นห้องโดยสารต่ำ มีความสะดวกสบายและหรูหรา อีกทั้งยังมีสมรรถนะการขับขี่ อัตราสิ้นเปลืองที่ดีครับ
   Honda Odyssee น่าะเปิดอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนตุลาคมนี้ครับ
Update ทุกความเคลื่อนไหวไปกับเรา ได้ที่ Facebook ข้างล่างนี้
 
และอีกหนึ่งแฟนเพจครับ New Cars Around The World Fan Page

BMW 1 Series Sedan จะเปิดตัวปี 2017

 BMW เคยคิดมาแล้วว่าจะทำรถคอมแพกต์ซีดานดีหรือเปล่า ซึ่งก็เคยมีข่าวว่า BMW จะทำ 1 Series Sedan และ MINI Sedan อีกด้วยครับ
  ล่าสุด ดูเหมือนสิ่งที่คาดคิดไว้จะเป็นจริง เมื่อทาง BMW ออกมายืนยันแล้วว่าจะทำ BMW 1 Series Sedan จริงๆ ภายใต้โครงการ New Entry Level Sedan (NES) โดยจะสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มขับเคลื่อนล้อหน้า UKL  โดยแหล่งข่าวภายในบอกไว้ว่าโครงการ NES มีความสำคัญต่อการเติบโตของ BMW และเป็นเสาหลักสำคัญในตระกูล 1-Series สำหรับตลาดจีนและสหรัฐอเมริกา เพราะในขณะนี้
ตลาดซีดานพรีเมี่ยมขนาดเล็กกำลังบูม
   โดยการเปิดตัวจะมีขึ้นในปี 2017 พร้อมกับ BMW 1 Series Hatchback โฉมใหม่ เจเนเรชั่นที่ 3 เครื่องยนต์ก็จะมีให้เลือกทั้ง 3 สูบ และ 4 สูบและไฮบริดให้เลือกใช้ครับ
Update ทุกความเคลื่อนไหวไปกับเรา ได้ที่ Facebook ข้างล่างนี้
 
และอีกหนึ่งแฟนเพจครับ New Cars Around The World Fan Page

Aston Martin Cygnet รถหรูขนาดเล็กที่สร้างมาจาก Toyota IQ เตรียมยุติบทบาทการผลิต

     ค่ายสปอร์ตหรูแดนผู้ดี Aston Martin ค่ายที่เน้นทำรถสปอร์ตหรูๆแรงๆเคยสร้างปรากฏการณ์ช็อกเมื่อเปิดตัว Aston Martin Cygnet เมื่อปี 2010 ซึ่งเป็นรถขนาดเล็กที่มีพื้นฐานมาจาก Toyota IQ ซึ่งเอามายกหน้าใหม่ เปลี่ยนภายในใหม่ ตกแต่งและตั้งราคาให้สมกับเป็นรถหรู มันก็เลยกลายเป็นรถเล็กแสนแพงและกลายเป็นรถที่แรงน้อยสุดของค่าย Aston Martin เลยก็ได้ครับ ซึ่งที่ผ่านมายอดขายก็ไม่กระเตื้องเท่าไหร่
  ล่าสุด Aston Martin ก็ได้ทำการหยุดผลิต Cygnet เรียบร้อยแล้วครับ สาเหตุยังไม่เป็นที่แน่ชัด อาจจะเป็นเพราะยอดขายที่ไม่กระเตื้อง หรืออาจเป็นเพราะเหตุอื่นยังไม่รู้ครับ แต่ที่แน่ Aston Martin เคยทำอย่างนี้กับ Virage ซึ่งเลิกผลิตทั้งๆที่วางขายได้แค่ 1 ปีครึ่งเท่านั้น แต่ก็มีแหล่งข่าวบอกว่า Aston Martin ตั้งใจทำ Virage ให้เป็นเวอร์ชั่นพิเศษผลิตจำกัดจำนวน จึงเลิกผลิตไป
   แต่ถึงอย่างไรก็ยังไงรถใหม่เหลืออยู่ในสต็อกอยู่ เศรษฐีไทยที่สนใจรีบซื้อก่อนหมดนะครัสแหม่\
Update ทุกความเคลื่อนไหวไปกับเรา ได้ที่ Facebook ข้างล่างนี้
 
และอีกหนึ่งแฟนเพจครับ New Cars Around The World Fan Page

ค่าย Mercedes-Benz ยืนยัน S-Class มีรุ่น Cabriolet แน่นอน

   ค่ายดาวสามแฉก เมอร์เซเดส-เบนซ์ ขยันกับการแตกไลน์รถยนต์จริงๆเลยครับ เพื่อที่จะสร้างยอดขายให้เป็นกอบเป็นกำมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาก้ได้แตกไลน์ตระกูล A-Class ไว้หลายรุ่นด้วยกัน ได้แก่ CLA-Class, GLA-Class 
   ล่าสุด Mercedes-Benz ได้ส่ง S-Class Coupe Concept อันเป็นเครื่องยืนยันว่า Mercedes-Benz จะขยายไลน์ตระกูล S-Class ออกไปอีก ซึ่งรถคันดังกล่าวจะมาเป็นตัวตายตัวแทนของ CL-Class สปอร์ตหรูของทางค่าย ซึ่งตอนนี้ S-Class Coupe รุ่นต้นแบบกำลังวิ่งทดสอบอยู่
ภาพ : www.motorauthority.com
   และทางค่ายยังมีแผนที่จะทำ S-Class Cabriolet อีก โดย Thomas Weber หัวหน้าฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ออกมาบอกว่า Mercedes-Benz จะทำ S-Class Cabriolet ออกมาแน่นอน โดยจะเปิดตัวหลังจากรุ่น Coupe ประมาณ 1 ปีหรือประมาณปี 2015
  ข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า ตัวรถจะใช้หลังคาที่ทำจากผ้าใบ และติดเครื่องยนต์ V8 และ V12 เทอร์โบชาร์จครับ
Update ทุกความเคลื่อนไหวไปกับเรา ได้ที่ Facebook ข้างล่างนี้
 
และอีกหนึ่งแฟนเพจครับ New Cars Around The World Fan Page

วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556

แอบถ่าย 2015 Lamborghini Cabrera (Gallaro โฉมใหม่) วิ่งทดสอบที่ Nurburgring

  สปอร์ตแห่งค่ายกระทิงดุ Lambroghini Gallardo ซึ่งทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2003 นับถึงตอนนี้ก็ 10 ปีแล้วครับ ถือว่ามีอายุการตลาดที่ยาวนานมาก ซึ่งตอนนี้ก็ได้เวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยนโฉมใหม่เสียที
    ซึ่งตามข่าวที่ออกมานั้นตัวตายตัวแทนของ Gallardo โฉมใหม่ มีชื่อเรียกว่า "Cabrera" ซึ่งทางค่ายกระทิงดุก็น่าจะใช้ชื่อนี้ทำตลาดด้วยก็เป็นไปได้ครับ
  ล่าสุดมีช่างภาพแอบถ่ายซูเปอร์คาร์ตัวแรงคันนี้วิ่งทดสอบที่สนาม Nurburgring โดยรูปลักษณ์ของรถจะมีรูปลักษณ์ที่ีรับ DNA มาจากรุ่นพี่อย่าง Aventador และอาจจะมีของ Sesto Elemento ปะปนมาด้วยครับ ซึ่งรูปลักษณ์จะต้องโดนใจและเตะตาผู้ซื้อแน่นอนครับ
   ซึ่งรูปลักษณ์ที่คาดว่าจะแสดงถึงบุคลิกรถที่แสดงถึงความร้อนแรงและเร่าร้อน ซึ่งจากภาพแอบถ่ายก็เห็นท่อรถที่พ่นไฟสีฟ้าออกจากปลายท่อไอเสีย รวมทั้งเห็นภายในเล็กน้อยและช่องรับอากาศด้านข้างอีกด้วยครับ
   ด้านเครื่องยนต์ที่ข่าวออกมานั้นคาดว่าจะใช้เครื่องความจุเท่าเดิม 5.2 ลิตร วี10 แต่เพิ่มพละกำลังให้สูงขึ้นอีกเป็น 600 แรงม้า และมากับชื่อต่อท้ายใหม่ LP600-4
   ตัวรถจะมากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นมาตรฐาน และอาจมีระบบขับเคลื่อนล้อหลังให้เลือกใช้ด้วย ระบบส่งกำลังที่เดิมใช้ E-Gear ที่แสนเชยและอุ้ยอ้าย เปลี่ยนเป็นเกียร์อัตโนมัติดูอัลคลัตซ์ 7 สปีด
    ตัวถังของรถคาดว่าจะใช้วัสดุอลูมิเนียม คาร์บอนไฟเบอร์และคอมโพสิตซึ่งส่งผลให้น้ำหนักเบาลงจากรุ่นเดิม แต่มีความแข็งแรง อาจมีการใช้ไฟเบอร์กลาสร่วมด้วย  และยังส่งผลให้มีต้นทุนการผลิตที่ถูกลง นอกจากนี้แพลตฟอร์มของ Cabrera จะใช้กับ Audi R8 โฉมใหม่ เจเนอเนชั่นที่ 2 ในอีก 1 ปีหลังการเปิดตัว Cabrera อีกด้วยครับ
   การเปิดตัว Lamborghini Cabrera น่าจะมีขึ้นในปี 2014 ที่งาน Geneva Motor Show 2014 และจะวางขายเป็นรุ่นปี 2015 แฟนๆกระทิงรอเก็บตังค์ได้เลยครับ
ที่มา http://www.motorauthority.com/news/1086758_2015-lamborghini-cabrera-gallardo-replacement-spy-shots
Update ทุกความเคลื่อนไหวไปกับเรา ได้ที่ Facebook ข้างล่างนี้
 
และอีกหนึ่งแฟนเพจครับ New Cars Around The World Fan Page

วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

จีนไม่ได้ทำรถแย่อย่างที่คิด! Qoros 3 คว้า 5 ดาวจาก Euro NCAP ได้ตำแหน่งรถที่ปลอดภัยที่สุดในปี 2013

 หากเราพูดถึงรถเมืองจีน พวกเราคงต้องนึกถึงคุณภาพรถกันก่อนอันดับแรก เพราะ ค่ายรถจีนส่วนใหญ่มักผลิตรถแบบสักแต่ว่าทำ ประกอบไม่ค่อยจะดี ซ้ำยังไปเลียนแบบหน้าตารถยี่ห้อดังๆอีก นิ่งหนักข้อไปใหญ่ แต่ถึงอย่างไร มีค่ายรถจีนค่ายเดียวเท่านั้นที่กล้าประกันคุณภาพ และก็ทำได้ดีเสียด้วย และยังคิดการณ์ใหญ่ไปบุกตลาดยุโรป นั่นคือ Qoros นั่นเองครับ
   อย่าคิดว่าค่ายรถจีนจะทำรถแย่ๆเสมอไป ค่ายรถอย่าง Qoros มีแผนการใหญ่ที่จะไปบุกในตลาดยุโรป ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องคิดหนักอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไร Qoros พยายามยกระดับคุณภาพรถของตนให้เทียบชั้นรถยุโรปให้ได้ และก็ทำได้จริงเสียด้วย ซึ่งด้รับการพิสูจน์แล้วจากหน่วยงานที่มีชื่อเสียงจากยุโรปครับ
    โดย Qoros ได้นำรถ Qoros 3 Sedan ของตนไปทดสอบกับหน่วยงาน Euro NCAP ซึ่งผลปรากฏออกมาแบบชนิดอ้าปากค้าง โดย Qoros 3 Sedan ได้ผ่านมาตรฐานการชนจาก Euro NCAP 5 ดาวเลยทีเดียว! ที่น่าตกใจมากกว่านี้ึคือเจ้ารถคันนี้ยังมีคะแนนเฉลี่ยสูงที่สุดในการทดสอบของปี 2013 และยังได้ตำแหน่งรถที่มีคะแนนการทดสอบสูงที่สุดเท่าที่ Euro NCAP เคยมีมาเลยละครับ
    โดย Qoros 3 ได้คะแนนการปกป้องผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ 95%, คะแนนการปกป้องผู้โดยสารที่เป็นเด็กเล็ก 87%, คะแนนการปกป้อง (หรือช่วยลดอาการบาดเจ็บ) ของคนเดินถนน 77% และคะแนนการทำงานของอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยที่มีมาให้เป็นมาตรฐานติดรถ สำหรับลดผลกระทบจากการชน 81%
   ต้องชื่นชมผู้บริหารของ Qoros ที่ทำรถออกมาได้ดีขนาดนี้มากครับ ไม่เหมือนค่ายรถจีนอื่นๆ ที่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องนี้ ไม่แปลกหรอกครับ แม้แต่คนจีนด้วยกันเองยังซื้อรถจากค่ายรถยุโรปทั้งนั้นครับ แต่การมาถึงของ Qoros นั้น ทำให้เราอดชื่นชมไม่ได้เลยว่า จีนก็มีของดีอย่างเค้าเหมือนกันครับ
Update ทุกความเคลื่อนไหวไปกับเรา ได้ที่ Facebook ข้างล่างนี้
 
และอีกหนึ่งแฟนเพจครับ New Cars Around The World Fan Page

วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

Porsche Panamera S E-Hybrid ปลั๊ก-อิน ไฮบริด คันแรกของเจ้าชายกบ เปิดตัวในไทย

   บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด หลังจากเมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ได้เปิดตัว Porsche Panamera Diesel รุ่นปรับโฉมไปเรียบร้อย ล่าสุด ก็ได้ทำการเปิดตัว Porsche Panamera S E-Hybrid ซึ่งเป็นรถ PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) เป็นที่เรียบร้อยในเมืองไทย

   Porsche Panamera S E-Hybrid จะมาทำตลาดแทนรุ่น S Hybrid ครับ เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นแบบระบบไฮบริดแบบคู่ขนาน หรือ parallel hybrid เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าหมุนล้อไปพร้อมกัน กำลังที่ได้จะมาจากการจับคู่เครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 ลิตร ซูเปอร์ชาร์จ ผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า 95 แรงม้า ทั้งระบบกำลังรวมทั้งระบบได้ 416 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ทิปทรอนิค S 8 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 270 กม./ชม.
   ในโหมดไฟฟ้าเพียวๆ จะสามารถวิ่งได้ระยะทาง 35 กม. โดยสามารถพาตัวรถที่มีน้ำหนัก 2,095 กก. ใช้ความเร็วได้ 135 กม./ชม. โดยมีอัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์แค่ 71 กรัม/กม. เท่านั้นครับ
   Porsche Panamera S E-Hybrid มีค่าตัวที่ 9,600,000 บาทครับ
Update ทุกความเคลื่อนไหวไปกับเรา ได้ที่ Facebook ข้างล่างนี้
 
และอีกหนึ่งแฟนเพจครับ New Cars Around The World Fan Page

วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556

เผยข้อมูลเบื้องต้น ISUZU MU-7 โฉมใหม่ มาพร้อมชื่อใหม่ที่เรียกขานกันว่า MU-X (มิว-เอ็กซ์)

    ค่ายอีซูซุ ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมานี้ เป็นปีที่เงียบเหงาอย่างมาก เพราะยังไม่มีรถรุ่นใหม่ๆ มาเปิดตัวเลย แม้ว่าอีซูซุจะนำรถไปแต่งโชว์ออกงานอย่าง Bangkok Auto Salon 2013 ก็เรียกกระแสในค่ายได้บ้าง แต่เชื่อว่าปีนี้หลายคนต้องเฝ้ารอรถรุ่นใหม่จากอีซูซุแน่นอน โดยเฉพาะ MU-7 โฉมใหม่ที่หลายคนตั้งตารอคอยกันตั้งแต่ D-Max รุ่นใหม่หมดเปิดตัว เนื่องจากรุ่นปัจจุบันก็ได้ลากขายมา 8 ปีแล้ว ตอนนี้ก็ได้เวลาที่ควรจะเปลี่ยนโฉมเสียทีครับ แต่ก็ไม่มีใครทราบเลยว่ามันจะมาเมื่อไหร่ อีกทั้งกระแสข่าวที่ว่าบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นจะเลิกทำ MU-7 และข่าวว่า ISUZU จะไม่เปิดตัว MU-7 ในช่วง 1 - 2 ปีนี้ ก็อาจทำให้หลายคนเริ่มลังเลในการเลิกซื้อ PPV 
   แต่ความคิดทั้งหมดก็ต้องล้มเลิกไปครับ ในช่วงครึ่งหลังของปีมานี้ เราเริ่มเห็นความเคลื่อนไหวของ MU-7 มากขึ้น โดยเฉพาะภาพแอบถ่ายครั้งแรก จะว่าเป็นครั้งแรกในโลกเลยก็ว่าได้ โดยในภาพเป็นภาพแอบถ่ายขณะกำลังวิ่งทดสอบอยู่ โดยมีผ้าคลุมพรางเต็มคัน ดูจากสัดส่วนแล้วเป็นรถทรง SUV แน่ๆ อีก ทั้งยังมีภาพรถคันดังกล่าวจอดอยู่บนรถบรรทุกของอีซูซุ นั่นทำให้เรารู้เลยว่ามันต้องเป็น ISUZU MU-7 โฉมใหม่แน่นอนครับ
   และล่าสุดเราก็มีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมมาบอกกล่าวให้ท่านผู้อ่านได้ทราบกันครับ ซึ่งข่าวพวกนี้ผมก็เอามาตามเว็บไซด์ต่างๆ ซึ่งล่าสุดในเว็บบอร์ดของ Headlightmag.com ของพี่ J!MMY ก็มีการคุยกันในเรื่อง MU-7 กันอยู่นะครับ ซึ่งเราก็ได้รายละเอียดเพิ่มเติมมาครับ
ภาพ Rendering ของ ISUZU MU-7 โฉมใหม่
   ISUZU MU-7 โฉมใหม่นั้น อาจจะใช้ชื่อว่า MU-X (มิว-เอ็กซ์) ซึ่งผมก็ยังไม่รู้ว่าทางค่ายจะสื่อถึงอะไร ฟังชื่อแล้วก็ดูเท่ แปลกดี คงอาจจะเป็นเพราะว่าเปลี่ยนโฉมใหม่ ISUZU จึงคิดเปลี่ยนชื่อให้กิ๊บเก๋ยูเรก้าเสียหน่อยกระมังครับ
 
ภาพแอบถ่าย MU-7 ครั้งแรกในโลกโดยผู้ใช้รายหนึ่งในเว็บ Pantip
    รูปลักษณ์ภายนอก มีการแชร์โครงสร้างตัวถังของ Chevrolet Trailblazer แต่จะออกแบบใหม่ให้ดูแตกต่างตามสไตล์ของ ISUZU แน่นอนอยู่แล้ว คงไม่ใช่เรื่องแปลกครับที่ 2 ค่ายนี้จะแชร์ตัวถังรถ PPV ร่วมกัน เพราะ 2 ค่ายนี้ก็แชร์ตัวถังกระบะร่วมกันอยู่แล้ว และอีกอย่างอีซูซุก็ไม่ต้องเสียเงิน และเสียเวลามาพัฒนาตัวถังใหม่อีกด้วย ทำให้การเปิดตัวเป็นไปได้เร็วขึ้นครับ
   เครื่องยนต์นั้นก็ยกมาจาก D-max ยกเซ็ต ตั้งแต่เครื่อง 2.5 - 3.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ระบบขับเคลื่อนก็ยังคงมากับขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อตามเคยครับ
   ด้านราคานั้น มีการคาดการณ์ว่าไว้ราคาจะไม่เกิน 1.4 - 1.5 ล้านบาท ซึ่งราคาก็สามารถฟัดเหวี่ยงกับคู่แข่งในตลาดได้อย่าง Toyota Fortuner และ Chevrolet Trailblazer ส่วน Mitsubishi Pajero Sport แม้จะมีราคาที่ต่ำกว่า แต่ด้วยภาพลักษณ์ที่ดีกว่าของ ISUZU คงฟัดเหวี่ยงกันได้ไม่ยาก ส่วน Ford Everest นั้นโฉมใหม่คงต้องร้องเพลงรอกันจนถึงปีหน้าครับ
   การเปิดตัวนั้นมีข่าวว่าจะเปิดตัวในวันที่ 22 ต.ค. ของปีนี้ซึ่งดันไปชนกับ Toyota Yaris Eco Car พอดีเป๊ะ ถือว่าวันนั้นได้แจ็กพอตเปิดตัว 2 ยี่ห้อ 2 เซ็กเมนต์เลย แต่จะทำการขายจริงกันในช่วงต้นเดือน พ.ย. ก็คือ 8 พ.ย. ครับ ยังไงก็มารอดูกันว่าหน้าตารถจะออกมาเป็นอย่างไร จะสวยแค่ไหน รอชมครับ
ข้อมูลบางส่วนจาก http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,33895.0.html
Update ทุกความเคลื่อนไหวไปกับเรา ได้ที่ Facebook ข้างล่างนี้
 
และอีกหนึ่งแฟนเพจครับ New Cars Around The World Fan Page

วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

Honda เปิดตัว StepWGN Spada Minor Change และ Honda Freed MY2013 ลดราคา เพิ่มอุปกรณ์ เพิ่มความคุ้มค่า

    ค่ายฮอนด้ายังคงยิ้มร่ากับความเป็นที่หนึ่งในด้านยอดขายรถเก๋งในปีนี้อย่างต่อเนื่อง ในปีนี้แม้จะดูเงียบเหงาบ้าง เพราะ ไม่ค่อยมีรถเปิดตัวใหม่ แต่ล่าสุดในวันนี้ (24 ก.ย. 56) Honda ได้ทำการเปิดตัว StepWGN Spada Minor Change ใหม่ และ Honda Freed รุ่นปรับปรุง MY 2013 โดยทำการเปิดตัวที่ใจกลางศูนย์การค้าสยามพารากอน ท่ามกลางสื่อมวลชนมากมายครับ
Honda StepWGN Minor Change 2013
   หลังจากเมื่อปีที่แล้ว Honda ได้ทำการนำเข้า StepWGN มาทำตลาดเล่นๆ ปรากฏว่าได้เสียงตอบรับค่อนข้างดี ดังนั้นค่ายฮอนด้าจึงไม่รอช้า ล่าสุดได้ทำการปรับโฉมใหม่ในทันทีครับ
  การเปลี่ยนแปลงหลักๆ อยู่ที่หน้าตาของรถ ไฟหน้าใหม่รมดำแบบ HID ไฟหรี่แบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้า กระจังหน้าออกแบบใหม่ เพิ่มชุดไฟท้าย LED ใหม่ คิ้วโครเมียมฝาประตูท้ายแบบโครมดำ สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED และทีเด็ดสำคัญก็คือ การเพิ่มหลังคา Skyroof ขนาดใหญ่ มองท้องฟ้าได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

   ภายในนั้นมีการเปลี่ยนหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วใหม่ พร้อมระบบนำทางเนวิเกเตอร์ เพิ่มความหรูหราด้วยเบาะหนังสไตล์พรีเมียม และพื้นห้องโดยสารแบบลามิเนต (ลายไม้) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติและช่องปรับอากาศสำหรับเบาะนั่งแถวที่ 2 และ 3
   เครื่องยนต์นั้นมากับเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย เพิ่มความมั่นใจในทุกมุมมองกับไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว กระจกมองมุมด้านข้าง และกล้องส่องภาพด้านหลัง
   ระบบความเทคโนโลยีต่างๆก็มี ระบบ Idling Stop ดับเครื่องยนต์ขณะจอรอ สวิตช์เปิด-ปิดระบบ Econ Mode ช่วยควบคุมเครื่องยนต์ให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด Eco Coaching ระบบแสดงผลการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน ช่วยส่งเสริมพฤติกรรมการขับขี่ให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น รองรับพลังงานทางเลือก E20 เทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานสากล ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSA ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ถุงลมคู่หน้า และโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-CON
   Honda StepWGN จะมีค่าตัวถูกลงราว 2 - 3 กว่าบาทครับ เนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ทำให้ราคาถูกลง ในรุ่นปรับโฉมนี้จะมีรุ่นให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น E และหนังสังเคราะห์ พื้นห้องโดยสารเป็นแบบพรม ราคา 1,899,000 บาท และรุ่น EL เบาะหนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์ พื้นห้องโดยสารลามิเนต (ลายไม้) ราคา 1,959,000 บาท มีให้เลือก 2 สี คือ สีขาวออร์คิด (มุก) และสีดำพรีเมียมสปาร์คเคิล (มุก) ครับผม
Honda Freed MY2013
 
   ฮอนด้า ฟรีด รุ่นปรับปรังใหม่ ปี 2013 นั้น รูปลักษณ์ไม่ได้มีการแตะต้องทั้งสิ้น เป็นการเพิ่มอุปกรณ์ภายในเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องเล่น DVD พร้อมจอ LCD ระบบสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว จำนวน 2 จอ สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เครื่องยนต์ยังคงเป็นเครื่องเบนซิน 1.5 ลิตร 118 แรงม้า พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ พวงมาลัยไฟฟ้า EPS มีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร ระบบความปลอดภัยมาครบทั้งถุงลมคู่หน้า ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และกล้องส่องภาพด้านหลัง เพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้น ขณะถอยหลังเข้าจอด

   Honda Freed MY2013 มีราคาค่าตัวปรับลดลงเล็กน้อยครับ โดยในรุ่น SE เบาะผ้า ราคา 834,000 บาท มีการเพิ่มใหม่คือรุ่น E เพิ่มเบาะหนัง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และวิทยุ CD/MP3 แบบ 1 แผ่น ราคา 879,000 บาท และรุ่น EL ออปชั่นครบ เครื่องเล่น DVD
พร้อมจอ LCD ระบบสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว จำนวน 2 จอ สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง วิทยุ MP3 พร้อมจอ
LCD ระบบสัมผัส 7 นิ้ว ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth ราคา 959,000 บาทครับ โดยสีขาวออร์คิด (มุก-เพิ่มเงิน 10,000 บาท) และสีดำคริสตัล (มุก-เพิ่มเงิน 6,000 บาท)
   นอกจากนี้ Honda ยังได้จัดกิจกรรม  A new Step to Freedom of Living - ก้าวใหม่สู่อิสระแห่งการใช้ชีวิต ต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 25 ไปจนถึงวันที่ 29 กันยายน 2556 ณ ลานแฟชั่น แกลลอรี่ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ กับโครงการ Freed Your Mind Design Contest ซึ่งเป็นการประกวดการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายใน Honda Freed เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจ งานนี้ฮอนด้าเชิญชวนนักศึกษาระดับปริญญาตรีทั่วประเทศ รวมทีมกับเพื่อนๆ 2 - 4 คน ส่งไอเดียเข้าร่วมประกวดเพื่อชิงทุนการศึกษารวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท นักศึกษาที่สนใจสามารถส่งไอเดียเข้าร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึง 31 ตุลาคม 2556
    คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะคัดเลือกผลงานที่โดดเด่นที่สุด 10 ทีม เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม Workshop กับนักออกแบบชื่อดัง และในวันนำเสนอผลงาน คณะกรรมการจะคัดเลือกผลงานชนะเลิศ และรองชนะเลิศ รวม 3 อันดับ ทั้งนี้ผลงานทั้ง 3 อันดับจะถูกนำไปผลิตจริงใน Honda Freed ใหม่ เพื่อร่วมในกิจกรรมประชาสัมพันธ์ของบริษัท และจัดแสดงในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป เดือนพฤศจิกายน 2556 นี้
ดูรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/freedyourmind และ www.facebook.com/HondaSuperFan
Update ทุกความเคลื่อนไหวไปกับเรา ได้ที่ Facebook ข้างล่างนี้
 
และอีกหนึ่งแฟนเพจครับ New Cars Around The World Fan Page

เปิดเผยสเปกก่อนเปิดตัวจริง Toyota Yaris 2013 (Eco Car)

   กำลังเป็นกระแสฟีเวอร์ในโลกออนไลน์สำหรับอีโคคาร์ที่ทุกคนรอคอยอย่าง Toyota Yaris ที่เปิดตัวไปแล้วที่ประเทศจีน และตอนนี้คนไทยอย่างเรากำลังเฝ้ารอคอยกันอย่างใจจดใจจ่อครับ มีทั้งรถทดสอบออกมาวิ่งมากมาย แต่ถึงอย่างไรเราๆหลายคนก็เห็นภาพตัวเป็นๆกันแล้ว ทำให้หลายคนรอเก้อและคงคิดกันว่าเมื่อไหร่จะเปิดตัวซักที
   Toyota Yaris Eco Car คันนี้ต้องผ่านปัญหาอุปสรรคต่างๆมามากมาย ทั้งการเลื่อนการเปิดตัว ความไม่ลงรอยของเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนแผงประตู และนโยบายอีโคคาร์ เฟส 2 ที่กำลังจะตามมาครับ
   ถึงอย่างไรเราก็รู้ฤกษ์วันเปิดตัวกันแล้วก็คือ 22 ต.ค. ซึ่งก็อีกเดือนเดียวเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ดูจะช้า เพราะ ทางโรงงานเกตเวย์ 2 ซึ่งจะผลิตอีโคคาร์คันดังกล่าว ได้เปิดสายการผลิตแล้วเมื่อ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา คงเป็นเพราะจะระบาย Yaris เก่าออกก่อน แล้วจึงทำการเปิดตัวทีหลัง
   นอกเรื่องกันมามากพอ เรามาดูกันก่อนว่า Yaris Eco Car จะมีข้อมูลทางเทคนิคอะไรบ้าง ไปดูกัน
ภาพและข้อมูลจาก www.thaiyaris.com
ภาพจาก www.thaiyaris.com
     Toyota Yaris โฉมใหม่ หรือ Yaris Eco Car จะมีมิติตัวถังเมื่อเทียบกับโฉมปัจจุบัน มีความยาว 4,115 ม. (เดิม 3,800 มม. + 315 มม.) กว้าง 1,700 มม. (เดิม 1,695 มม. + 5 มม.) สูง 1,475 มม. (เดิม 1,520 มม. - 45 มม.) ความยาวฐานล้อ 2,550 มม. (เดิม 2,460 มม. + 90 มม.) หน้าตาของรถจะมาแนว Keen Look แนวการออกแบบในปัจจุบันของ Toyota ซึ่งจะคล้ายๆ Vios ครับ (ยังไงมันก็ใช้พื้นฐานร่วมกันอยู่แล้ว) หน้าตาได้รับการถ่ายทอดมาจาก Toyota Dear Qin Concept นะครับ ตัวรถจะออกแนวสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ลงตัว เหมาะกับพวกชอบแต่งซิ่งอย่างมากครับ ภายในนั้นก็เหมือนกับ Vios ทุกประการครับ ต่างกันแค่ไฟแสดงผลเป็นสีส้ม ของวีออสจะเป็นสีฟ้า
   Toyota Yaris ใหม่จะแบ่งเกรด 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น J Eco, J, E และ G ครับ
ภาพและข้อมูลจาก www.thaiyaris.com
ภาพและข้อมูลจาก www.thaiyaris.com
 - กระจังหน้า และไฟหน้า รุ่น J Eco และรุ่น J จะมากับกระจังหน้าสีดำ ไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ และโปรเจกเตอร์ตามลำดับ รุ่น E และ G จะมากับกระจังหน้าสีเงิน และไฟหน้าโปรเจกเตอร์
- มือจับประตู รุ่น J Eco จะมีมือจับประตูสีดำ รุ่น J และ E สีเดียวกับตัวรถ รุ่น G แบบโครเมียม
- ล้อแม็ก รุ่น J Eco จะเป็นล้อกระทะสีดำ รุ่น J ล้อกระทะพร้อมฝาครอบ 14 นิ้ว รุ่น E ล้อกระทะพร้อมฝาครอบ 15 นิ้ว และ รุ่น G ล้ออัลลอย 15 นิ้ว
- ไฟท้าย LED ทุกรุ่น ทุกรุ่นจะมีไฟเบรกดวงที่ 3 ยกเว้นรุ่น J Eco
  สีมีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สี Orange Metallic สี Red Mica Metallic สี Attitude Black Mica สี Grey Metallic สี Frozen Blue Metallic และ สี Super White 8iy[
 - แผงคอนโซลหน้า รุ่น G จะเป็นแผงคอนโซลหน้าสีเงิน นอกนั้นจะใช้วัสดุสีดำหมด เบาะผ้าทุกรุ่น
- หัวเกียร์รุ่น G จะหุ้มหนัง นอกนั้นเป็นแบบยูรีเทน
- วิทยุ รุ่น J Eco ไม่มีวิทยุ นอกนั้นติดตั้งให้หมด
ภาพจาก www.thaiyaris.com
- เบาะนั่งด้านหลัง รุ่น J Eco และ J จะพับได้อย่างเดียว ส่วนรุ่น E และ G จะพับได้แบบ 60 : 40
- ในรุ่น G ซึ่งเป็นรุ่นท็อปจะมีออฟชั่นครบ อาทิ ระบบ Smart Entry และ Pust Start ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่
- กระจกมองข้าง รุ่น J Eco จะเป็นสีดำ ปรับพับเอง นอกนั้นสีเดียวกับตัวรถ รุ่น E และ G มีไฟเลี้ยวมาให้ด้วย รุ่น E สามารถปรับด้วยไฟฟ้าได้ ส่วนรุ่น G ปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า
   ด้านเครื่องยนต์นั้นนะครับ ตามที่เคยคาดการณ์กันไว้ว่าจะใช้เครื่องตระกูล NR 1.2 ลิตร แล้วก็จริงซะด้วย ทุกรุ่นมากับเครื่องเบนซิน 3NR-FE 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ให้กำลังสูงสุด 86 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 106 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ทั้งหมดส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT-i พร้อม Shift Lock เพียงตัวเลือกเดียวเท่านั้นครับ ไม่มีเกียร์กระปุก ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลงครับ
     มาถึงจุดที่ใครๆหลายคนอยากรู้กันนั่นก็คือ ราคานั่นเองครับ ตอนนี้เราก็ยังไม่สามารถบอกได้เต็มปากครับว่าเท่าไหร่กันแน่ แต่จากที่ดูตามเว็บไซด์หลายเว็บโพสต์ข้อมูลกัน ทำให้เราพอจะรู้ราคาอย่างไม่เป็นทางการบ้าง ถึงอย่างไรก็ต้องรอการเปิดตัวจริงในเดือนหน้าครับ
   อันนี้เป็นราคาที่ได้มาจาก www.thaiyaris.com นะครับ (อยากชัวร์ 100% ต้องรอการเปิดตัวจริงๆครับ)
รุ่น J Eco ราคา 399,000 บาท รุ่น J ราคา 439,000 บาท รุ่น E ราคา 499,000 บาท และ รุ่น G ราคา 559,000 บาทครับ
ภาพ Yaris ถูกแอบถ่ายขณะพรางตัวอยู่ ภาพจากเพจ New Yaris Club
   จากราคาที่กล่าวมานี้ ราคาก็ไม่หนียี่ห้ออื่นออกไปมากนัก อาจแพงกว่ายี่ห้ออื่นบ้าง บางรุ่นถูกกว่าอีโคคาร์บางยี่ห้อด้วยซ้ำ แต่ความคิดเห็นผม รุ่น J Eco มัน Eco สมชื่อมันจริง ตัดออฟชั่นออกไปแบบสุดๆ มีแค่ล้อกระทะ ไม่มีวิทยุ กระจกมือหมุน รุ่น J ดูจะคุ้มขึ้นมาหน่อย ราคานั้น ความต่างของราคารุ่น E และ G ต่างกันแบบสุดๆถึง 60,000 บาท ก็ต้องเข้าใจว่าทางโตโยต้าจะจัดหนักรุ่นท็อปขนาดไหน ออฟชั่นครบทุกรุ่น สรุปรุ่นที่ผมคิดว่าคุ้มสุด คือ รุ่น E จัดออปชั่นแบบพอดีๆ บางออปชั่นในรุ่น G ก็ไม่จำเป็นเท่าไร ดังนั้น่าจะคุ้มสุดครับ
  การเปิดตัวก็อย่างที่ว่ากันไปแล้วหลายๆครั้ง ว่าจะเปิดตัวในวันที่ 22 ต.ค. ที่ CentralWorld แม้แต่ผู้ชมบางบ้านก็สามารถมีส่วนร่วมในการเปิดตัวได้ด้วยทางหน้าจอคอมของท่านเองครับ ซึ่งตอนนี้ก็มีการเริ่มถ่ายโฆษณากันแล้ว แน่นอนว่าการเปิดตัวครั้งนี้จะต้องทำให้ตลาดที่กำลังซบเซากลับมาร้อนเป็นไฟได้อีกครั้งแน่นอน และถ้า Toyota ตั้งราคาแบบที่กล่าวไว้ข้างบนละก็ ศึกการแข่งขัน Eco car จะต้องสนุกเร้าใจแน่นอนครับ
ขอบคุณภาพจาก www.thaiyaris.com และ แฟนเพจ New Yaris Club
Update ทุกความเคลื่อนไหวไปกับเรา ได้ที่ Facebook ข้างล่างนี้
 
และอีกหนึ่งแฟนเพจครับ New Cars Around The World Fan Page

Like Box