วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2562

ส่อง Nissan Micra เพิ่มรุ่นย่อยใหม่ระดับท็อปและขุมพลังใหม่ในตลาดยุโรป

  หนึ่งในรถสวยๆดีๆที่เมืองไทยไม่ยอมเอามาขาย Nissan Micra ซึ่งล่าสุดในตลาดยุโรปมีการปรับเปลี่ยนขุมพลังใหม่และเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ "N-Sport" ที่ถือเป็นตัวท็อปสุดในรุ่น

  พูดถึงเรื่องเครื่องยนต์กันก่อน ได้มีการนำเสนอเครื่องยนต์บล็อกใหม่ IG-T 100 ความจุ 1.0 ลิตรที่มาแทนที่เครื่องยนต์ 0.9 ลิตรเดิม ที่มากับพละกำลัง 90 แรงม้า (PS) เครื่องตัวใหม่นี้จะมากับพละกำลังทั้งหมด 100 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิดสูงสุด 160 นิวตัน-เมตร ทาง Nissan ยังอ้างว่าเครื่องบล็อกใหม่นี้มีอัตราการปล่อย CO2 ลดลงและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นกว่าเครื่องเดิมอีกด้วย

    Micra IG-T 100 ใหม่จะมาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 5 สปีดเป็นมาตรฐานแต่จะมีเกียร์อัตโนมัติ XTronic CVT เป็นออปชั่นเสริมให้เลือกอีกด้วย

  นอกจากเครื่องใหม่แล้ว Micra ยังมีการเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ระดับท็อปสุดในชื่อ N-Sport ซึ่งทาง Nissan ระบุว่าในรุ่นย่อยนี้ได้มีการยกระดับความสปอร์ตมากขึ้นกว่ารุ่นย่อยอื่นๆ โดยมากับแชสซีส์ที่ปรับปรุงใหม่และติดตั้งขุทพลังใหม่ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ DIG-T ขนาด 1.0 ลิตร มากับพละกำลังสูงสุด 117 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 180 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

   Nissan ยังระบุว่าเครื่องยนต์เบนซิน DIG-T ขนาด 1.0 ลิตรนั้นไม่ใช่เครื่องยนต์ IG-T ที่เอามาปรับแต่งใหม่ให้แรงขึ้น ถือเป็นเครื่องยนต์ใหม่เลยที่มีการพัฒนาพร้อมกับ Daimler ซึ่งพัฒนาไปพร้อมๆกับขุมพลัง 1.3 ลิตรเทอร์โบ 4 สูบที่เพิ่งแนะนำใน Qashqai

  เครื่อง DIG-T ตัวนี้ยังมากับ "อัตราเร่งที่ดีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด" เมื่อเทียบกับเครื่อง IG-T 100 แรงม้า เครื่อง DIG-T มากับแรงบิดสูงสุดที่รอบต่ำเพียง 1,750 รอบต่อนาที (เมื่อเทียบกับ 160 นิวตัน-เมตรที่ 2,750 รอบต่อนาทีในรุ่น IG-T 100) ผลที่ได้คือเครื่อง DIG-T สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 9.9 วินาทีเท่านั้น ซึ่งเร็วกว่ารุ่น IG-T ที่ทำได้ 10.9 วินาที

  Micra N-Sport ยังมากับความสูงที่ต่ำลงอีก 10 มม. พร้อมกับการปรับจูนช่วงล่างและพวงมาลัยใหม่ให้ตอบสนองดีขึ้นเพื่อให้ Micra รุ่นท็อปสุดพิเศษคันนี้มีคล่องแคล่วและมีความสนุกสนานขณะขับขี่

   สำหรับดีไซน์ภายนอกนอกของ Micra N-Sport ใหม่นั้นมากับแผงกันกระแทกด้านข้างและฝาครอบกระจกมองข้างสีดำเงา , ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วสีดำเงา , กระจกประตูหลังสีทึบขึ้นที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวและปลายท่อไอเสียโครเมียม ส่วนการตกแต่งภายในจะมากับเบาะหนัง Alcantara , Keyless Entry , เพดานห้องโดยสารสีดำ และช่องระบบปรับอากาศตกแต่งด้วยสีขาว ฯลฯ

   Nissan Micra รุ่นปรับใหม่จะเริ่มจำหน่ายในยุโรปเดือนกุมภาพันธ์นี้พร้อมๆกับรุ่นย่อยใหม่ N-Sport และแน่นอนว่าเมืองไทยไม่มีรุ่นนี้มาขายครับ

ที่มา Carscoops

ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ
  

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2562

ทีเซอร์แรก Toyota Tacoma Minor Change 2020 ก่อนเปิดตัวที่มะกัน 7 ก.พ. นี้

  กระบะมิดไซส์ของตลาดอเมริกันอย่าง Toyota Tacoma เตรียมที่จะเปิดตัวรุ่นใหม่ในเร็วๆนี้ ซึ่งล่าสุดทางค่ายยักษ์ใหญ่ Toyota ได้เผยภาพทีเซอร์แรกของ Toyota Tacoma รุ่นใหม่ปี 2020 ออกมาให้เห็นกันแล้ว ก่อนจะมีการเปิดตัวในวันที่ 7 ก.พ. นี้

  จากภาพจะมีการเปิดเผยในส่วนด้านหน้าที่มาพร้อมกับโคมไฟหน้าใหม่แบบ Full LED รวมทั้งกระจังหน้าใหม่ที่ได้รับการออกแบบให้มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

  แม้ว่าทาง Toyota จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียดชัดเจนมากนัก แต่เมื่อดูจากภาพก็ทราบชัดเจนว่า Tacoma รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวยังคงสร้างขึ้นบนพื้นฐานของโฉมปัจจุบันที่เปิดตัวเมื่อช่วงปี 2015 ที่ผ่านมานั่นเอง สรุปง่ายๆก็คือเป็นรุ่น Minor Change นั่นเอง ส่วนภายในห้องโดยสารนั้นก็คาดว่าจะมีการเพิ่มเติมเทคโนโลยีใหม่ๆเหมือน Toyota ยุคใหม่หลายๆรุ่น

   Toyota Tacoma Minor Change 2020 จะเปิดตัวภายในงาน Chicago Auto Show 2019 ที่จะเริ่มขึ้นวันที่ 7 ก.พ. นี้ ในเวลา 11.00 น. ตามเขตเวลาตะวันออก (วันที่ 7 ก.พ. 23.00 น. ตามเวลาไทย)

  นอกจากนี้ 2020 Tacoma จะถูกเพิ่มจำนวนการผลิตที่โรงงานซานอันโตนิโออีกด้วย เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการรถกระบะมิดไซส์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยยอดขายของ Tacoma รุ่นปัจจุบันนั้นสามารถเอาชนะคู่แข่งอย่าง Chevrolet Colorado และ GMC Canyon ได้อีกด้วย

ที่มา Carscoops

ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ
  

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2562

เผยโฉม Isuzu D-Max STEALTH 2 ประตู พร้อมเพิ่มทางเลือกเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร

  หลังจากเมื่อปลายปี 2018 ที่ผ่านมา ค่าย Isuzu ได้นำแนะนำ D-Max รุ่นพิเศษ "STEALTH" ในรุ่น Hi-Lander 4 ประตู ซึ่งได้เสียงตอบรับค่อนข้างดีทีเดียว ว่ากันว่าจากแผนเดิมที่ Isuzu จะผลิตรุ่นนี้จำกัดจำนวน กลายเป็นว่าตอนนี้ถูกผลิตในแบบรุ่นปกติเลย และล่าสุดในปีนี้ค่าย Isuzu ได้ต่อยอดความสำเร็จด้วยการแนะนำ D-Max STEALTH รุ่น Hi-Lander 2 ประตู รวมทั้งเพิ่มเติมขุมพลัง 3.0 ลิตรเข้ามาอีกด้วย

  การตกแต่งภายนอกและภายในก็จะเป็นไปในทิศทางเดียวกับ D-Max STEALTH เวอร์ชั่น 4 ประตู ซึ่งจะประกอบด้วยดังนี้
 * กระจังหน้าสีดำเงา/สีขาว พร้อม Stealth Line ดีไซน์ต่อเนื่องรับกับไฟหน้าและสเกิร์ตหน้า
 * กรอบไฟตัดหมอกสีดำ/สีขาว พร้อมเส้น Stealth Line ที่สเกิร์ตด้านหน้า
 * ล้ออัลลอยแบบทูโทน 18 นิ้ว
 * กันชนท้ายสีดำเงา
 * ภายในห้องโดยสาร Stealth Black Package ตกแต่งด้วยสีทูโทนดำ-เบจ
 * เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีดำตกแต่งด้วยตะเข็บสีขาว
 * สัญลักษณ์ Stealth ที่แผงข้างประตู



  ทางด้านระบบความบันเทิงก็ยังคงพร้อมสรรพเหมือนเคย ด้วยการติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนต์ ISUZU iCONNECT พร้อม Built-in Navigator หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว มีระบบ Air Mirroring รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย กับสมาร์ทโฟน ผ่าน Wi-Fi Dongle

  ขุมพลังของรถจะมีทางเลือกทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่
- เครื่องยนต์ดีเซลรหัส RZ4E-TC 1.9 ลิตร พละกำลัง 150 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตรที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีดพร้อม Genius Sport Shift และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบ Rev Tronic
- เครื่องยนต์ดีเซลรหัส 4JJ1-TCX 3.0 ลิตร พละกำลัง 177 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบ Rev Tronic

  ระบบความปลอดภัยของรถจะติดตั้ง
- ไฟ LED Daytime Running Lights
- ไฟตัดหมอกหน้า
- ไฟเลี้ยวแบบ LED ที่กระจกมองข้าง
- ไฟเบรกดวงที่ 3
- ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก BOS (เฉพาะรุ่น 1.9 Z-Prestige AT ทุกตัวถัง)
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESC (เฉพาะรุ่น 1.9 Z-Prestige MT ตัว 4 ประตู/AT ทุกตัวถัง)
- ระบบป้องกันการลื่นไถล TCS (เฉพาะรุ่น 1.9 Z-Prestige MT ตัว 4 ประตู/AT ทุกตัวถัง)
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA (เฉพาะรุ่น 1.9 Z-Prestige MT ตัว 4 ประตู/AT ทุกตัวถัง)
- กล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะ
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
- ระบบป้องกันล้อล็อค ABS พร้อม EBD และ BA
- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ที่เบาะนั่งด้านหลัง
- สัญญาณกันขโมย

 Isuzu D-Max STEALTH มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีขาวมุกเอเวอร์เรสต์ และ สีดำออสเตรเลียนโคล มีให้เลือกทั้งหมด 8 รุ่นย่อย แบ่งตามตัวถังดังนี้ 
Hi-Lander 2 ประตู
- 1.9 Z-Prestige 6MT ราคา 854,000 บาท (รุ่นย่อยใหม่)
- 1.9 Z-Prestige 6AT ราคา 894,000 บาท (รุ่นย่อยใหม่)
- 3.0 Z-Prestige 5MT ราคา 879,000 บาท (รุ่นย่อยใหม่)
Hi-Lander 4 ประตู
- 1.9 Z DVD MT ราคา 887,000 บาท
- 1.9 Z-Prestige MT ราคา 957,000 บาท
- 1.9 Z-Prestige AT ราคา 999,000 บาท
- 3.0 Z-Prestige MT ราคา 983,000 บาท (รุ่นย่อยใหม่)
- 3.0 Z-Prestige AT ราคา 1,028,000 บาท (รุ่นย่อยใหม่)

   Isuzu D-Max STEALTH รุ่น 2 ประตูและรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตรจะเปิดตัวและลงโชว์รูมอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป



ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ
  

Toyota Land Cruiser Heritage Edition ราชัน SUV เวอร์ชั่นพิเศษจำนวนจำกัด 1,200 คัน

  Land Cruiser ราชาแห่งรถเอสยูวีของค่าย Toyota ที่มีชื่อเสียงสั่งสมยาวนานกว่า 60 ปีแล้ว แต่แท้จริงแล้วถ้านับจากรถ SUV รุ่นบุกเบิกอย่าง BJ ก่อนที่จะมาเป็น Land Cruiser จนถึงวันนี้ก็ใกล้จะครบ 70 ปีแล้วในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์นี้ทางค่ายสามห่วงจึงแนะนำ Toyota Land Cruiser Heritage Edition ก่อนนำไปเปิดตัวภายในงาน Chicago Auto Show 2019 ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้

  Toyota Land Cruiser Heritage Edition จะมากับล้ออัลลอย BBS ขนาด 18 นิ้วลายพิเศษเฉพาะรุ่นนี้ กระจังหน้าได้รับการดีไซน์ใหม่โดยเน้นแถบสีดำบริเวณช่วงกลางกระจังหน้า เช่นเดียวกับโคมไฟหน้าและไฟตัดหมอกยังมีการรมดำภายในโคมอีกด้วย เช่นเดียวกับกระจกมองข้างที่มีการตกแต่งเล็กน้อยและใช้โทนสีดำ บริเวณช่วงเสาท้ายรถยังมีการติดโลโก้ Toyota Land Cruiser ที่มีดีไซน์สุดคลาสสิกอีกด้วย อีกจุดที่สำคัญคือรถคันนี้ไม่ได้รับการติดตั้งบันไดข้างมาให้เพื่อ "เสริมความสมบูรณ์แบบของการเดินทางในระยะยาวเต็มวัน"

  เช่นเดียวกับภายในห้องโดยสารที่ได้รับการตกแต่งใหม่ ด้วยเบาะที่หุ้มหนังสีดำที่เดินด้ายตะเข็บสีบรอนซ์ ซึ่งก็ตกแต่งด้วยรูปแบบนี้รอบคันรถเช่นกัน นอกจากนี้ยังมากับพรมปูพื้นแบบพิเศษและถาดท้ายรถที่ห้องสัมภาระท้าย โดยรุ่นพิเศษ Heritage Edition จะมีให้เลือกแค่ 5 ที่นั่งเท่านั้น อยากได้ 7 ที่นั่งต้องไปซื้อรุ่นปกติ สำหรับสีตัวถังจะมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ Midnight Black Metallic และสีขาวมุก Blizzard Pearl

   ขุมพลังของรถยังคงติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 5.7 ลิตร V8 พละกำลังสูงสุด 381 แรงม้า ส่งกำลังไปยังระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full Time ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด 

   Toyota Land Cruiser Heritage Edition จะผลิตจำนวนจำกัดแค่ 1,200 คันและเริ่มวางขายในตลาดสหรัฐในช่วงฤดูร้อนหรือกลางปีนี้

ที่มา Motor1
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ
  

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2562

แอบถ่ายรถทดสอบ All-New Rolls-Royce Ghost อัครมหายานยนต์หรูรุ่นน้อง

  สำหรับค่าย Rolls-Royce หากใครคิดว่า Phantom ราคาแพงเกินเอื้อมถึงก็ยังมีน้องเล็กที่ราคาย่อมเยากว่าอย่าง Ghost ให้เป็นทางเลือก (แต่มันก็แพงสำหรับคนทั่วไปอยู่ดี) ซึ่ง Ghost โฉมปัจจุบันนั้นก็เปิดตัวตั้งแต่ปี 2009 แล้ว และปรับโฉมในปี 2014 จนถึงตอนนี้ก็ 10 ปีแล้ว ดังนั้นน่าจะได้เวลาสำหรับการเปลี่ยนโฉมใหม่หมดจดกันแล้ว

  ล่าสุดก็มีคนสามารถจับภาพรถทดสอบ All-New Rolls-Royce Ghost ได้แล้ว ซึ่งจากภาพจะเห็นการทรวดทรงการออกแบบนั้นก็ยังคงรักษาสไตล์เดิมๆไว้ แต่ด้านหน้าจะมากับแนวการออกแบบใหม่เหมือนที่เห็นใน Phantom มากับทรงไฟหน้าที่เรียวบางลงกว่าเดิม พร้อมกระจังหน้าที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่ารุ่นปัจจุบัน

  ช่วงเสา A ของรถออกแบบให้มีความโน้มเอียงมากกว่าเดิม ต่อเนื่องไปถึงด้านท้ายที่ออกแบบให้มีความนุ่มนวลอ้อนช้อยกว่าเดิมและยังส่งผลต่ออากาศพลศาสตร์ที่ดีขึ้นอีกด้วย

  คาดว่า All-New Rolls-Royce Ghost จะสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดเหมือนที่ใช้ใน Phantom และ Cullinan และคาดว่าจะติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 6.75 ลิตร V12 เช่นเดียวกัน  ส่วนเวอร์ชั่นพลังงานไฟฟ้านั้นทางค่ายก็กำลังพิจารณากันอยู่

  All-New Rolls-Royce Ghost อาจจะมีการเปิดตัวภายในช่วงปีนี้หรืออย่างช้าก็ต้นปีหน้าเลย

ที่มา Motor1
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ
  

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2562

ชมภาพ Spyshot ครั้งแรก All-New Isuzu D-Max โฉมใหม่ ปี 2020

  เชื่อว่าหลายคนคงเฝ้าจับตากระบะ Isuzu D-Max เจเนเรชั่นใหม่ที่จะมีการเปิดตัวในช่วงปี 2020 นี้ และที่สำคัญคือทาง Mazda จะพัฒนากระบะ BT-50 เจเนเรชั่นใหม่ภายใต้พื้นฐานเดียวกับ D-Max ใหม่อีกด้วย ซึ่งดูเหมือนตอนนี้เราน่าจะได้เห็นความเคลื่อนไหวล่าสุดที่ชัดเจนมากขึ้นแล้ว

  ล่าสุดมีช่างภาพฝั่งยุโรปจับภาพรถที่คาดว่าจะเป็น All-New Isuzu D-Max เจเนเรชั่นที่ 3 ขณะกำลังวิ่งทดสอบท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเย็นบริเวณใกล้ๆกับคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย

ภาพหลุดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

  จากที่เห็นในภาพรถทดสอบดังกล่าวนั้นจะพบกว่าดีไซน์ด้านหน้าจะมากับโคมไฟหน้าทรงใหม่ที่มีความเรียวมากขึ้นกว่าเดิม และกระจังหน้าทรงใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ่น เมื่อดูดีๆแล้วจะพบว่าทั้งไฟหน้าและกระจังหน้าเป็นอันเดียวกับภาพหลุดในไทยเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมานี้เลย ที่สำคัญคือในส่วนฝากระโปรงหน้านั้นได้มีการออกแบบให้เป็นสองชั้นเหมือนกระบะรุ่นอื่นๆในไทยอีกด้วย เช่นเดียวกับในส่วนซุ้มล้อของรถก็ได้มีการออกแบบให้มีความโค้งมากยิ่งขึ้นและลดความนูนลง

  กระบะท้ายของรถดูเหมือนว่าจะมีการออกแบบให้มีขนาดใหญ่ขึ้น รวมทั้งออกแบบกันชนท้ายใหม่ให้ปีนง่ายขึ้นเหมือนกระบะคู่แข่งรุ่นอื่นๆ และดูเหมือนว่าไฟท้ายรถยังคงเอาไฟเดิมมาใส่ทดสอบอยู่เพื่อไม่ให้เห็นทรวดทรงไฟท้ายใหม่ที่แท้จริง

  แต่สิ่งที่แปลกใจก็คือเมื่อสังเกตจากทรวดทรงโครงสร้างตัวถังรถนั้นจะพบว่า ไม่มีความแตกต่างจากรุ่นปัจจุบันเลยแม้แต่น้อย ซึ่งก็มีความเป็นไปได้คือ 
1. อาจจะเป็นการ Test Mule หรือการทดสอบโดยนำโครงสร้างตัวถังโฉมปัจจุบันมาครอบทับงานวิศวกรรมใหม่ แต่การดีไซน์โครงสร้างตัวถังอาจจะไม่ต่างจากรุ่นเดิมมากนัก เห็นได้จากกระบะท้ายใหม่ที่ใส่เข้ากับโครงตัวถังได้พอดี
2. เป็นการเปลี่ยนโฉมใหม่แต่ยังใช้โครงสร้างตัวถังรุ่นเดิมอยู่ อาจจะใช้แพลตฟอร์มใหม่ (หรือของเดิมต่อยอดให้ดีขึ้น) แถมยังลงทุนออกแบบกระจกบานหลังให้มีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย
3. หรือแย่สุดก็คงเป็นแค่การ Big Minor Change ธรรมดา ใช้แพลตฟอร์มเดิม ยืดอายุตลาดตัวถังปัจจุบันออกไปอีก อันนี้น่าจะเป็นไปได้ยากเพราะข่าวก็บอกกันโครมๆว่าปี 2020 เจเนเรชั่นใหม่มาแน่

  สำหรับเรื่องขุมพลังก็คงเป็นปริศนาต่อไป แต่ก็เป็นไปได้ว่าที่ในเจเนเรชั่นใหม่อาจจะมีเครื่องดีเซลบล็อกใหม่ตระกูล RZ ที่จะมาแทนที่ 3.0 ลิตรบล็อกเดิม ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตรน่าจะยังคงได้อยู่ต่อเพราะอยู่ในตลาดได้แค่ 3 ปีกว่าๆเท่านั้น แต่อาจจะปรับปรุงพละกำลังความแรงขึ้นก็เป็นได้

  เอาเป็นว่าต้องรอติดตามความคืบหน้าต่อไปครับว่า All-New Isuzu D-Max จะมีรูปโฉมเป็นอย่างไร จะมีข่าวอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ต้องรอดู

  
ภาพจาก motor.es

ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ
  

Nissan X-Trail Minor Change เตรียมเปิดตัวในไทยวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้

  สิ้นสุดการรอคอยสำหรับ Nissan X-Trail Minor Change ที่มีการเปิดตัวในเมืองไทยวันที่ 4 ก.พ. นี้ นับว่าเป็นเวลา 4 ปี 2 เดือนที่อยู่ในตลาดนับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในไทยตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย. 2557 จนกระทั่งในตลาดโลกมีการเปิดตัวรุ่นปรับโฉม Minor Change ตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน 2559 แล้ว แต่มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มา อย่างน้อยก็ไม่ได้มาตอน Model Change แล้วแบบ Teana

     ภายนอกออกแบบชุดกันชนและกระจังหน้าใหม่แบบ V-Shape อันเป็นเอกลักษณ์ค่ายนี้ โคมไฟหน้าทรงใหม่แบบ Projector พร้อมไฟ Daytime Running Lights ในโคม และออกแบบรายละเอียดไฟตัดหมอกใหม่ให้ดูดีขึ้น ส่วนด้านท้ายมีการออกแบบรายละเอียดโคมไฟท้ายใหม่แบบ LED และกันชนท้ายใหม่ เช่นเดียวกับล้ออัลลอยที่มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 17 และ 19 นิ้วแล้วแต่รุ่นย่อย

    ภายในห้องโดยสารมีการตกแต่งภายในให้ดูหรูหราและดูแพงยิ่งขึ้น มากับพวงมาลัย 3 ก้านทรงใหม่ที่ดูสปอร์ตกว่าเดิม ออกแบบรายละเอียดฐานเกียร์ใหม่และหุ้มหนังบริเวณตัวเกียร์เช่นกัน มีการบุวัสดุนุ่มและเดินด้ายตะเข็บบริเวณคอนโซลหน้า และตกแต่งโทนสีใหม่ภายในห้องโดยสารให้หรูหรามากขึ้นอีก

คาดว่าขุมพลังใน Nissan X-Trail Minor Change จะมีให้เลือก 3 แบบเช่นเคย ได้แก่
  เครื่องเบนซินรหัส MR20DD ความจุ 2.0 ลิตร  Direct Injection 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว พละกำลังสูงสุด 144 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที 

- ขุมพลังไฮบริด เครื่องเบนซินรหัส MR20DD ความจุ 2.0 ลิตร  4 สูบ พละกำลัง 144 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบซิงโครนัส กำลังสูงสุด 41 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 160 นิวตัน-เมตร รวมพละกำลังทั้งระบบ 179 แรงม้า
- เครื่องยนต์เบนซินรหัส QR25DE ความจุ 2.5 ลิตร  4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว พละกำลังสูงสุด 171 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 233 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ทุกเครื่องยนต์ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT พร้อม Manual Mode 


   ระบบความปลอดภัยของรถก็มีการนำเสนอระบบใหม่ๆเข้ามา เช่น ชุดระบบเตือนระหว่างการขับขี่ในเลน และไม่ให้ออกนอกเลน Lane Departure Warning (LDW) and Lane Departure Prevention (LDP) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน adaptive cruise control (ICC) และ ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถค้นหน้าเบรกกะทันหันและตรวจจับคนเดินเท้า Forward Emergency Braking with Pedestrian Detection

นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ProPilot ที่ระบบจะช่วยควบคุมทั้งคันเร่ง เบรค และพวงมาลัยได้อัตโนมัติ ใช้ได้ทั้งขณะที่ขับขี่บนทางหลวงหรือบริเวณที่มีการจราจรหนาแน่น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Intelligent Park Assist และยังมีระบบความปลอดภัยอย่างกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา กุญแจรีโมทควบคุมการเปิด-ปิดฝาท้าย ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ  ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ซึ่งในไทยจะมีระบบเหล่านี้เข้ามาหมดหรือไม่ตอนนี้ยังไม่ทราบชัดเจน ต้องรอติดตามต่อไป

   สุดท้ายต้องรอติดตามว่า Nissan X-Trail Minor Change จะมีสเปค ออปชั่น และราคาน่าดึงดูดมากน้อยแค่ไหน หากมีความคืบหน้าจะมารายงานให้ทราบกันอีกครั้งครับ

Like Box