วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

Mazda 2 Minor Change ปรับดีไซน์และออปชั่นสู้ศึก Eco Car Phase 2 ปลายปี

  Mazda เคลื่อนไหวรับศึกอีโคคาร์เฟส 2 ปลายปี ด้วยการเปิดตัว Mazda 2 Minor Change ที่มีการปรับปรุงดีไซน์ภายนอกใหม่ในรอบเกือบ 5 ปี ปรับการตกแต่งภายในและเพิ่มออปชั่นหลายประการ


  านดีไซน์ภายนอกของ Mazda 2 Minor Change จะปรับไปตามแนวทางของ Mazda ยุคใหม่ โดยด้านหน้าได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Mazda 3 และ 6 โฉมล่าสุด มากับโคมไฟหน้าทรงใหม่ที่เรียวขึ้น  ทุกรุ่นจะได้ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED มีออกแบบรายละเอียดกระจังหน้าใหม่ และกันชนหน้าดีไซน์ใหม่พร้อมไฟตัดหมอกดีไซน์เป็นแนวนอน ส่วนด้านท้ายมีการปรับรายละเอียดไฟท้ายใหม่และกันชนท้ายใหม่ (ยกเว้นตัวถัง Sedan ที่ยังเป็นไฟท้ายโคมเดิม)

     ทางด้านล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วมีการเปลี่ยนลายใหม่ให้หรูขึ้น ส่วนล้อขนาด 15 นิ้วและล้อกระทะพร้อมฝาครอบยังคงลวดลายเดิมไม่เปลี่ยนแปลง 

  ภายในห้องโดยสารยังคงเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือการปรับปรุงการตกแต่งใหม่ ซึ่งจะแตกต่างกันในแต่ละเกรด ระบบอินโฟเทนเมนต์สำหรับรุ่นล่างจะเป็นวิทยุ FM/AM MP3 แบบธรรมดา นอกนั้นจะเป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วที่ปรับให้รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto รวมถึงการรองรับ Mazda Connect ด้วย

  ขุมพลังเครื่องยนต์ยังคงเหมือนเดิมทุกประการคือ
- เครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D 1.5 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตรที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที 
- เครื่องยนต์เบนซิน  SKYACTIV-G 1.3 ลิตร พละกำลัง 93 แรงม้าที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ทั้งหมดส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

    Mazda 2 Minor Change เป็นรถรุ่นที่ 3 ที่จำหน่ายในไทย ที่มีการติดตั้ง "G-Vectoring Control Plus" หรือ GVC Plus ที่ปรับปรุงและพัฒนาต่อยอดจากระบบ GVC เดิม ช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุลโดยเฉพาะทางโค้ง หรือสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้น
ขณะรถเข้าโค้ง : เครื่องยนต์จะลดแรงบิดลงเล็กน้อยให้เหมาะสมกับลักษณะของโค้ง ทำให้น้ำหนักรถถ่ายมายังล้อหน้าซึ่งเป็นล้อที่ควบคุมรถ ทำให้ล้อหน้ายึดเกาะถนนมากขึ้น เข้าโค้งได้ดีและแม่นยำขึ้น
ขณะรถอยู่ในโค้ง : ระบบจะคืนแรงบิดให้สู่สภาวะปกติเพื่อให้ควบคุมการถ่ายน้ำหนักตัวรถให้อยู่ในสภาพสมดุลทั้งหน้าและหลัง ทำให้การแก้พวงมาลัยในโค้งเกิดขึ้นน้อยที่สุด
ขณะรถออกจากโค้ง : ระบบจะตรวจการหมุนพวงมาลัยของคนขับเพื่อคำนวณการเบรกเพียงเล็กน้อยที่ล้อหน้าฝั่งนอกโค้ง เพื่อให้รถกลับคู่ทางตรงได้ง่ายขึ้น

  ระบบความปลอดภัยนั้น หลักๆที่มีการเพิ่มก็คือ "กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา" เท่านั้น นอกนั้นก็ยังคงเหมือนเดิม แต่ก็ถือว่ามีมาให้ครบ ซึ่งจะประกอบไปด้วย
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ (Push Start Button)
  • กุญแจนิรภัย (Immoblizer) และสัญญาณกันขโมย (Burglar Alarm) 1.3 C/1.3 C Sports ขึ้นไป
  • ใหม่! ระบบแสดงภาพ 360 องศารอบทิศทาง (360 View Monitor) เฉพาะรุ่น 1.3 SP/1.3 SP Sports และ XDL/XDL Sports
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) เฉพาะรุ่น 1.3 SP/1.3 SP Sports และ XDL/XDL Sports
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) เฉพาะรุ่น 1.3 SP/1.3 SP Sports และ XDL/XDL Sports
  • ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเบรก BA
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control)
  • ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Signal System)
  • พวงมาลัยยุบตัวตามการทำงานของถุงลมนิรภัยและแป้นเบรกแบบยุบตัวได้
  • ระบบช่วยออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist)
  • เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด เฉพาะรุ่น 1.3 SP/1.3 SP Sports และ XDL/XDL Sports
  • เซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด รุ่น 1.3 C/1.3 C Sports ขึ้นไป
  • กล้องมองหลัง รุ่น 1.3 S/1.3 S Sports ขึ้นไป
  • จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
  • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter)
  • เข็มขัดนิรภัยด้านหลัง ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง
  • คานเหล็กเสริมกันกระแทกด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง

  สีตัวถังมีทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีแดง Soul Red Cystral, สีเทา Machine Gray, สีเทา Polymetal Gray (สีใหม่ เฉพาะรุ่น Hatchback), สีขาว Ceramic Metallic (สีใหม่), สีขาว Snowflake White Pearl, สีเงิน Sonic Silver, สีน้ำตาล Titanium Flash และ สีดำ Jet black

   Mazda 2 Minor Change จะมีการจัดการเรียกชื่อรุ่นย่อยใหม่ ซึ่งเปลี่ยนจาก Standard, High และ High Plus เป็น E, C, S และ SP แทน โดยจะมีรุ่นย่อยทั้งหมด 7 รุ่นเท่ากันทั้งซีดานและแฮตซ์แบ็ค (ในตัวแฮตซ์แบ็คจะมีคำว่า Sports ต่อท้าย) ดังต่อไปนี้
เครื่องยนต์เบนซิน
* 1.3 E/1.3 E Sports 546,000 บาท (Standard เดิม ราคาเพิ่ม 16,000 บาท)
* 1.3 C/1.3 C Sports 602,000 บาท (High เดิม ราคาเพิ่ม 12,000 บาท)
* 1.3 S/1.3 S Sports 627,000 บาท (High Connect เดิม ราคาเพิ่ม 7,000 บาท)
* 1.3 S Leather/1.3 S Sports Leather 648,000 บาท
* 1.3 SP/1.3 SP Sports 690,000 บาท (High Plus เดิม ราคาเพิ่ม 20,000 บาท)
เครื่องยนต์ดีเซล* XD/XD Sports 782,000 บาท
* XDL/XDL Sport 799,000 บาท (XD High Plus L เดิม เพิ่ม 10,000 บาท)


ข้อมูลสเปคและออปชั่น Mazda 2 Minor Change



* มิติตัวถังภายนอก Hatchback : ยาว 4,065 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,495 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,570 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 143 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 4.7-4.9 เมตร น้ำหนักรถ 1,051-1,160 กิโลกรัม


* มิติตัวถังภายนอก Sedan : ยาว 4,340 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,495 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,570 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 143 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 4.7-4.9 เมตร น้ำหนักรถ 1,070-1,174 กิโลกรัม

* ระบบเบรกหน้า : ดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน / เบรกหลัง : ดรัมเบรก (ดิสก์เบรกในตัวดีเซล)

* ระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียนพร้อมพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบไฟฟ้า EPAS

* ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทและเหล็กกันโคลง / ระบบกันสะเทือนหลังแบบกึ่งอิสระทอร์ชั่นบีม


เบนซิน
1.3 E/1.3 E Sports 546,000 บาท 

เทคโนโลยี

  • Skyactic-Vehicle Dynamics ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง G-Vectoring Control Plus (GVC Plus)
  • ระบบช่วยประหยัดน้ำมัน i-STOP และประหยัดพลังงาน i-ELOOP
  • สวิตซ์ Drive Selection


อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก
  • ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED
  • ระบบไฟหน้าปรับระดับอัตโนมัติ (Auto Leveling System) 
  • กระจกหน้าแบบลดเสียงรบกวน
  • สปอยเลอร์หลัง
  • เสาอากาศแบบฝังกระจก (เฉพาะตัวถัง Sedan)
  • เสาอากาศแบบติดหลังคา (เฉพาะตัวถัง Hatchback)
  • ที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง (เฉพาะตัวถัง Hatchback)
  • ล้อกระทะพร้อมฝาครอบขนาด 15x5J พร้อมยาง 185/65 R15
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน
  • เบาะผ้าสีดำ/สีเทา
  • แผงคอนโซลหน้าสีดำด้าน
  • วัสดุตกแต่งกรอบช่องแอร์สีดำ
  • เบาะนั่งคนขับปรับระดับสูง-ต่ำ และพนักพิงศีรษะเบาะนั่งด้านหน้า-หลังปรับสูง-ต่ำ
  • ช่องใส่เอกสารหลังเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า
  • วัสดุตกแต่งคอนโซลและมือจับประตูด้านในสีเงิน
  • มาตรวัดรอบเครื่องยนต์แบบดิจิตอล
  • จอแสดงผลข้อมูลสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและข้อมูลการขับขี่
  • ระบบปรับอากาศแบบธรรมดา
  • ช่องเก็บของและที่วางขวดน้ำที่ประตูคู่หน้าและบริเวณคอนโซลกลาง
  • กระจกไฟฟ้าและระบบ Jam Projection ที่ตำแหน่งคนขับ
  • ไฟอ่านหนังสือคู่หน้าแยกตำแหน่ง (Map Light) พร้อมไฟในห้องโดยสาร
  • พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง (Telescopic)
  • แผงบังแดด พร้อมกระจก และไฟสำหรับผู้โดยสารคู่หน้า
  • แผ่นปิดห้องสัมภาระด้านท้าย (เฉพาะตัวถัง Hatchback)
  • วิทยุ FM/AM พร้อมเครื่องเล่น MP3
  • ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านบลูทูธ (Bluetooth)
  • ลำโพง 4 ตำแหน่ง
  • สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
  • ช่องเชื่อมต่อ USB และ AUX
  • ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V
ระบบความปลอดภัย
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ (Push Start Button)
  • กุญแจนิรภัย (Immoblizer) และสัญญาณกันขโมย (Burglar Alarm)
  • ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเบรก BA
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control)
  • ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Signal System)
  • พวงมาลัยยุบตัวตามการทำงานของถุงลมนิรภัยและแป้นเบรกแบบยุบตัวได้
  • ระบบช่วยออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist)
  • จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
  • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter)
  • เข็มขัดนิรภัยด้านหลัง ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง
  • คานเหล็กเสริมกันกระแทกด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง
1.3 C/1.3 C Sports 602,000 บาท (เพิ่มเงิน 56,000 บาทจากรุ่น 1.3 E/1.3 E Sports)
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก (เพิ่มเติมจากรุ่น 1.3 E/1.3 E Sports)
  • ระบบไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ
  • กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว
  • ที่ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบหน่วงเวลา พร้อมฟังก์ชั่นตรวจจับน้ำฝนอัตโนมัติ
  • ล้ออัลลอยขนาด 15x5J พร้อมยาง 185/65 R15
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน (เพิ่มเติมจากรุ่น 1.3 E/1.3 E Sports)
  • เบาะผ้าสีน้ำตาล
  • แผงคอนโซลหน้าสีดำเงา
  • วัสดุตกแต่งกรอบช่องแอร์สีเงิน/บรอนซ์
  • พนักพิงเบาะนั่งด้านหลังแยกปรับพับ 60:40
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
  • หน้าจอสี Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้วและปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander
  • รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto
  • ระบบจดจำเสียง (Voice Recognition)
  • ลำโพง 6 ตำแหน่ง
  • ช่องใส่ SD Card (สำหรับระบบนำทาง Navigator)
ระบบความปลอดภัย (เพิ่มเติมจากรุ่น 1.3 E/1.3 E Sports)
  • ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry)
  • เซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด
1.3 S/1.3 S Sports 627,000 บาท (เพิ่มเงิน 25,000 บาทจากรุ่น 1.3 C/1.3 C Sports)
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก (เพิ่มเติมจากรุ่น 1.3 C/1.3 C Sports)
  • ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวันแบบ LED Signature (Daytime Running Lamp)
  • กระจังหน้าสีดำเปียโน
  • กันชนหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม
  • ปลายท่อไอเสียโครเมียม
  • เสาอากาศแบบครีบฉลาม (เฉพาะตัวถัง Hatchback)
  • ล้ออัลลอยขนาด 15x5J พร้อมยาง 185/65 R15 รมดำ
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน (เพิ่มเติมจากรุ่น 1.3 C/1.3 C Sports)
  • เบาะผ้าสีน้ำเงิน
  • แผงคอนโซลหน้าหนังสีน้ำเงิน
  • วัสดุตกแต่งกรอบช่องแอร์สีเงินซาติน/บรอนซ์
  • พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังสีดำ
  • วัสดุตกแต่งคอนโซลและมือจับประตูด้านในสีเงินซาติน
  • หน้าจอ Active Driving Display แสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี
  • ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control)
  • มาตรวัดรอบเครื่องยนต์แบบอนาล็อก
ระบบความปลอดภัย (เพิ่มเติมจากรุ่น 1.3 C/1.3 C Sports)
  • กล้องมองหลัง
1.3 S Leather/1.3 S Sports Leather 648,000 บาท (เพิ่มเงิน 21,000 บาทจากรุ่น 1.3 S/1.3 S Sports)
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก (เพิ่มเติมจากรุ่น 1.3 S/1.3 S Sports)
  • ไม่มีอะไรต่างจากรุ่น 1.3 S/1.3 S Sports
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน (เพิ่มเติมจากรุ่น 1.3 S/1.3 S Sports)
  • เบาะหนังสีเทาและผ้า Grand Luxe Suede สีดำ
  • แผงคอนโซลหน้าหนังสีเทา
  • วัสดุตกแต่งกรอบช่องแอร์สีเงินซาติน/ขาว
  • วัสดุตกแต่งคอนโซลและมือจับประตูด้านในสีเงิน
ระบบความปลอดภัย
  • ไม่มีอะไรต่างจากรุ่น 1.3 S/1.3 S Sports
1.3 SP/1.3 SP Sports 690,000 บาท (เพิ่มเงิน 42,000 บาทจากรุ่น 1.3 S Leather/1.3 S Sports Leather)
เทคโนโลยี (เพิ่มเติมจากรุ่น 1.3 S Leather/1.3 S Sports Leather)
  • ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก (เพิ่มเติมจากรุ่น 1.3 S Leather/1.3 S Sports Leather)
  • ล้ออัลลอยขนาด 15x5J พร้อมยาง 185/65 R15 ปัดเงา
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน (เพิ่มเติมจากรุ่น 1.3 S Leather/1.3 S Sports Leather)
  • ไม่มีอะไรต่างจากรุ่น 1.3 S Leather/1.3 S Sports Leather
ระบบความปลอดภัย (เพิ่มเติมจากรุ่น 1.3 S Leather/1.3 S Sports Leather)
  • ระบบแสดงภาพ 360 องศารอบทิศทาง (360 View Monitor)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) 
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
  • เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด
ดีเซล
XD/XD Sports 782,000 บาท


เทคโนโลยี

  • Skyactic-Vehicle Dynamics ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง G-Vectoring Control Plus (GVC Plus)
  • ระบบช่วยประหยัดน้ำมัน i-STOP และประหยัดพลังงาน i-ELOOP
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก
  • ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED
  • ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวันแบบ LED Signature (Daytime Running Lamp)
  • ระบบไฟหน้าปรับระดับอัตโนมัติ (Auto Leveling System) 
  • ระบบไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ
  • กระจกหน้าแบบลดเสียงรบกวน
  • กระจังหน้าสีดำเปียโน
  • กันชนหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม
  • กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว
  • ปลายท่อไอเสียโครเมียม
  • สปอยเลอร์หลัง
  • เสาอากาศแบบฝังกระจก (เฉพาะตัวถัง Sedan)
  • เสาอากาศแบบครีบฉลาม (เฉพาะตัวถัง Hatchback)
  • ที่ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบหน่วงเวลา พร้อมฟังก์ชั่นตรวจจับน้ำฝนอัตโนมัติ
  • ล้ออัลลอยขนาด 16x5.5J พร้อมยาง 185/60 R16
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน
  • เบาะหนังสีเทาและผ้า Grand Luxe Suede สีดำ
  • แผงคอนโซลหน้าหนังสีเทา
  • วัสดุตกแต่งกรอบช่องแอร์สีเงินซาติน/ขาว
  • เบาะนั่งคนขับปรับระดับสูง-ต่ำ และพนักพิงศีรษะเบาะนั่งด้านหน้า-หลังปรับสูง-ต่ำ
  • ช่องใส่เอกสารหลังเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า
  • พนักพิงเบาะนั่งด้านหลังแยกปรับพับ 60:40
  • พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังสีดำ
  • วัสดุตกแต่งคอนโซลและมือจับประตูด้านในสีเงินซาติน
  • หน้าจอ Active Driving Display แสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี
  • ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control)
  • มาตรวัดรอบเครื่องยนต์แบบอนาล็อก
  • จอแสดงผลข้อมูลสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและข้อมูลการขับขี่
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
  • ช่องเก็บของและที่วางขวดน้ำที่ประตูคู่หน้าและบริเวณคอนโซลกลาง
  • กระจกไฟฟ้าและระบบ Jam Projection ที่ตำแหน่งคนขับ
  • ไฟอ่านหนังสือคู่หน้าแยกตำแหน่ง (Map Light) พร้อมไฟในห้องโดยสาร
  • พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง (Telescopic)
  • แผงบังแดด พร้อมกระจก และไฟสำหรับผู้โดยสารคู่หน้า
  • แผ่นปิดห้องสัมภาระด้านท้าย (เฉพาะตัวถัง Hatchback)
  • หน้าจอสี Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้วและปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander
  • รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto
  • ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านบลูทูธ (Bluetooth)
  • ระบบจดจำเสียง (Voice Recognition)
  • ลำโพง 6 ตำแหน่ง
  • สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
  • ช่องเชื่อมต่อ USB และ AUX
  • ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V
  • ช่องใส่ SD Card (สำหรับระบบนำทาง Navigator)
ระบบความปลอดภัย
  • ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry) 
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ (Push Start Button)
  • กุญแจนิรภัย (Immoblizer) และสัญญาณกันขโมย (Burglar Alarm)
  • ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเบรก BA
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control)
  • ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Signal System)
  • พวงมาลัยยุบตัวตามการทำงานของถุงลมนิรภัยและแป้นเบรกแบบยุบตัวได้
  • ระบบช่วยออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist)
  • จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
  • เซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด
  • กล้องมองหลัง
  • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter)
  • เข็มขัดนิรภัยด้านหลัง ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง
  • คานเหล็กเสริมกันกระแทกด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง
* XDL/XDL Sports 799,000 บาท (เพิ่มเงิน 17,000 บาทจากรุ่น XD/XD Sports)




เทคโนโลยี (เพิ่มเติมจากรุ่น XD/XD Sports)

  • ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก (เพิ่มเติมจากรุ่น XD/XD Sports)
  • ไม่มีอะไรต่างจากรุ่น XD/XD Sports
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน (เพิ่มเติมจากรุ่น XD/XD Sports)
  • ไม่มีอะไรต่างจากรุ่น XD/XD Sports
ระบบความปลอดภัย (เพิ่มเติมจากรุ่น XD/XD Sports)
  • ระบบแสดงภาพ 360 องศารอบทิศทาง (360 View Monitor)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) 
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
  • เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด
 ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ
  

วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

All-New Honda City มาดใหม่ซับคอมแพกต์ซีดานยอดนิยมพร้อมเครื่อง 1.0 ลิตรเทอร์โบ

   สิ้นสุดการรอคอยสำหรับแฟนๆชาวไทย เมื่อ Honda Thailand ได้ทำการเปิดตัว All-New Honda City เป็นครั้งแรกในโลกเมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา ไฮไลต์คงหนีไม่พ้นการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตรเทอร์โบ พร้อมปรับปรุงตัวรถให้ผ่านเงื่อนไข Eco Car Phase 2 ทำให้สามารถทำราคาใกล้เคียงหรือถูกกว่าเดิมได้แม้จะได้เทคโนโลยีเพิ่มก็ตาม


   ดีไซน์ภายนอกถูกออกแบบให้สวยและทันสมัยขึ้น ด้านหน้าก็จะมีกลิ่นอายของ Honda ยุคใหม่หลากหลายรุ่น ไฟหน้าทุกรุ่นจะได้เป็นโปรเจคเตอร์ ยกเว้นรุ่นท็อปสุดจะได้ไฟหน้าแบบ LED แต่ด้านท้ายคงจะเป็นจุดที่สวยที่สุดเพราะได้ไฟท้ายแบบ LED ในทุกรุ่นย่อย รายละเอียดไฟท้ายชวนให้นึกถึง BMW 3-Series รหัสตัวถัง G20 โฉมล่าสุด

ขนาดตัวรถถือว่าใหญ่ขึ้นเกือบทุกมิติ ด้วยขนาดความยาว 4,553 มิลลิเมตร กว้าง 1,748 มิลลิเมตร สูง 1,467 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,589 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 135 มิลลิเมตร เทียบกับโฉมก่อนหน้า City ใหม่จะยาวขึ้น 113 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 53 มิลลิเมตร เตี้ยลง 4-10 มิลลิเมตร ฐานล้อสั้นลง 11 มิลลิเมตร
   ภายในห้องโดยสารออกแบบให้ทันสมัยขึ้น เลย์เอาท์คอนโซลจะเหมือนกับ Honda Fit/Jazz ที่เพิ่งเปิดตัวในญี่ปุ่น มาพร้อมพวงมาลัย 3 ก้านชุดเดียวกับ Accord โฉมล่าสุด เสริมความหรูด้วยการบุนุ่มและเดินด้ายตะเข็บจริงบนคอนโซลหน้ารวมทั้งฐานเกียร์ วัสดุหุ้มเบาะนั่งก็จะมีทั้งผ้า หนังและหนังสังเคราะห์ รวมทั้งหนังกลับ แล้วแต่รุ่นย่อย


   ระบบอินโฟเทนเมนต์ในรุ่นบนจะติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พิเศษในรุ่นท็อปจะรองรับการเชื่อมต่อ "Honda Connect" โดยโหลดและติดตั้งผ่านสมาร์ทโฟนได้ ซึ่งมีฟังก์ชั่นหลักๆดังนี้
- My Service ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ แจ้งเตือนกำหนดการเข้ารับบริการครั้งต่อไป และนัดหมายล่วงหน้า
- Airbag Deployment ประสานงานให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นเมื่อเกิดกรณีถุงลมทำงาน
- Geo Fence & Speed Alert กำหนดขอบเขตการขับขี่และการแจ้งเตือนความเร็ว
- Driving Behavior พฤติกรรมการขับขี่และบันทึกการเดินทาง
- Security Alarm แจ้งเตือนเมื่อเกิดความผิดปกติในรถยนต์
- Find My Car แสดงพิกัดรถยนต์ผ่านแอพพลิเคชั่น
- Wifi เชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายจากรถยนต์
- Remote Vehicle Control การสั่งการทำงานของรถยนต์ ล็อคและปลดล็อคเครื่องยนต์ สตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดสัญญาณไฟ


   ทางด้านขุมพลังที่เป็นไฮไลต์ ซึ่งมาทดแทนเครื่องเบนซิน 1.5 ลิตรเดิม ทุกรุ่นจะติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร DOHC 3 สูบ 12 วาล์ว VTEC TURBO พละกำลังสูงสุด 122 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,500 รอบ/นาที ทุกรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยทำได้ที่ 23.8 กม./ลิตร

ระบบความปลอดภัยของรถจะมีดังนี้
  • ถุงลมคู่หน้า
  • ถุงลมด้านข้างคู่หน้า
  • ม่านถุงลมด้านข้าง เฉพาะรุ่น RS
  • ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า
  • ระบบป้องกันล้อล็อคและระบบกระจายแรงเบรก ABS & EBD
  • ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA
  • สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS
  • กล้องมองภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ รุ่น SV และ RS
  • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ
  • เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง
  • เข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
  • ระบบกุญแจนิรภัย Immoblizer พร้อมสัญญาณกันขโมย
  • ระบบล็อคประตูรถอัตโนมัติ (Auto Door Lock By Speed)
  • จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX & Child Anchor
  • กุญแจแบบ Wave Key
  • ไฟเบรกดวงที่ 3

   สีตัวถังมีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีแดง Ignite Red Metallic (เฉพาะรุ่น RS), สีขาวมุก Platinum White Pearl (เฉพาะรุ่น SV และ RS, เพิ่มเงิน 10,000 บาท), สีดำ Crystal Black Pearl (เพิ่มเงิน 6,000 บาท), สีเงิน Lunal Silver Metallic, สีเทา Modern Steel Metallic และสีขาว Taffeta White (เฉพาะรุ่น S และ V)

มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย ได้แก่
- S CVT ราคา 579,500 บาท (ถูกลง 9,500 บาท)
- V CVT ราคา 609,000 บาท (ถูกลง 40,000 บาท)
- SV CVT ราคา 665,000 บาท (V+ เดิม ถูกลง 24,000 บาท)
- RS CVT ราคา 739,000 บาท (SV เดิม ถูกลง 12,000 บาท)

   โปรโมชั่นพิเศษตอนนี้ หากลูกค้าจองรถระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 – 31 ธันวาคม 2562 และรับรถภายในวันที่ 31 มกราคม 2563 รับนาฬิกา Fitbit Smart Tracker รุ่น Charge 3 สี Graphite/Black มูลค่า 6,490 บาท

ข้อมูลสเปคและออปชั่น All-New Honda City มิติตัวถังภายนอก ยาว 4,553 มิลลิเมตร กว้าง 1,748 มิลลิเมตร สูง 1,467 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,589 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 135 มิลลิเมตร ความจุถังน้ำมัน 40 ลิตร
* ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พิเนียน พร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPS) รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5 เมตร
* ระบบเบรกหน้าดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน / ระบบเบรกหลังแบบดรัมเบรก
* ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทอิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง / ระบบกันสะเทือนหลังทอร์ชั่นบีม

รุ่น S CVT ราคา 579,500 บาท

อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก
  • ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์
  • ระบบเปิดไฟหน้าอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์
  • ไฟ LED Daytime Running Lights
  • ไฟท้ายแบบ LED
  • กระจังหน้าแบบโครเมียม
  • มือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ
  • กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ
  • ระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลา
  • เสาอากาศแบบครีบฉลาม
  • ไล่ฝ้ากระจกหน้า-หลัง
  • ล้อกระทะพร้อมฝาครอบขนาด 15 นิ้ว (15x6J) พร้อมยาง 185/60R15
  • ยางอะไหล่ T135/80D15
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน
  • ภายในสีดำ
  • เบาะผ้า
  • เบาะนั่งคนขับปรับระดับสูง-ต่ำได้
  • ระบบปรับอากาศแบบธรรมดา
  • กุญแจรีโมทพร้อมสวิตซ์เปิดฝากระโปรงท้าย
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ One Push Ignition System
  • ระบบ Idle Stop พร้อมสวิตซ์เปิด-ปิด
  • พวงมาลัยปรับระดับ 4 ทิศทาง
  • หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ (Multi-Information Display)
  • ไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด (Eco Indicator)
  • ปุ่ม ECON
  • ช่องจ่ายไฟสำรองด้านหน้า 1 ตำแหน่ง
  • กระจกมองหลังแบบตัดแสง
  • แผงบังแดดพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดด้านคนขับ
  • ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า
  • ช่องเก็บของหลังเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า
  • ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร
  • ราวมือจับ 3 ตำแหน่ง
  • ไฟส่องสว่างห้องสัมภาระท้าย
  • ระบบเครื่องเสียงวิทยุ
  • ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย Bluetooth
  • พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
  • ช่องต่อ USB 1 ตำแหน่ง
  • ลำโพง 4 ตัว
ระบบความปลอดภัย
  • ถุงลมคู่หน้า
  • ถุงลมด้านข้างคู่หน้า
  • ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า
  • ระบบป้องกันล้อล็อคและระบบกระจายแรงเบรก ABS & EBD
  • ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA
  • สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS
  • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ
  • เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง
  • เข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
  • ระบบกุญแจนิรภัย Immoblizer พร้อมสัญญาณกันขโมย
  • ระบบล็อคประตูรถอัตโนมัติ (Auto Door Lock By Speed)
  • จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX & Child Anchor
  • กุญแจแบบ Wave Key
  • ไฟเบรกดวงที่ 3

รุ่น V CVT ราคา 609,000 บาท (เพิ่มเงิน 20,500 บาทจากรุ่น S CVT)อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก (เพิ่มเติมจากรุ่น S CVT)
  • กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัว
  • ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว (15x6J) พร้อมยาง 185/60R15
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน (เพิ่มเติมจากรุ่น S CVT)
  • มือเปิดประตูด้านในแบบโครเมียม
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
  • ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ Honda Smart Key System
  • หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ (Multi-Information Display) พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีขาว
  • พนักเท้าแขนด้านหน้า
ระบบความปลอดภัย (เพิ่มเติมจากรุ่น S CVT)
  • ไม่มีอะไรแตกต่างจากรุ่น S CVT
รุ่น SV CVT ราคา 665,000 บาท (เพิ่มเงิน 56,000 บาทจากรุ่น S CVT)
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก (เพิ่มเติมจากรุ่น V CVT)
  • ล้ออัลลอยปัดเงาดำขนาด 15 นิ้ว (15x6J) พร้อมยาง 185/60R15
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน (เพิ่มเติมจากรุ่น V CVT)
  • สีภายในทูโทน ไอเวอรี่/ดำ
  • เบาะหุ้มหนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์
  • วัสดุตกแต่งคอนโซลแบบ Piano Black
  • หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วแบบ Advance Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto
  • รองรับการเชื่อมต่อด้วย Smartphone
  • รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri
  • ช่องต่อ USB 2 ตำแหน่ง
ระบบความปลอดภัย (เพิ่มเติมจากรุ่น V CVT)
  • กล้องมองภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ
รุ่น RS CVT ราคา 739,000 บาท (เพิ่มเงิน 74,000 บาทจากรุ่น SV CVT)

อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก (เพิ่มเติมจากรุ่น SV CVT)
  • ไฟหน้าแบบ LED
  • กันชนหน้าและกระจังหน้าสไตล์สปอร์ตแบบ RS
  • สปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Back
  • ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED
  • กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ต
  • ล้ออัลลอยปัดเงาดำขนาด 16 นิ้ว (16x6J) พร้อมยาง 185/55R15
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน (เพิ่มเติมจากรุ่น SV CVT)
  • สีภายในดำ
  • เบาะหุ้มหนังแท้/หนังกลับ/ผ้าและวัสดุหนังสังเคราะห์ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
  • ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
  • หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ (Multi-Information Display) พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีแดง
  • ช่องจ่ายไฟสำรองด้านหน้า 1 ตำแหน่งและด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
  • แผงบังแดดพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า
  • พนักเท้าแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว
  • ราวมือจับ 4 ตำแหน่ง
  • ลำโพง 8 ตำแหน่ง
  • รองรับการเชื่อมต่อ Honda Connect
ระบบความปลอดภัย (เพิ่มเติมจากรุ่น SV CVT)
  • ม่านถุงลมด้านข้าง
 ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ
  

Like Box