วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2560

BMW i3 LCI (Minor Change) ปรับโฉมเล็กน้อย และเพิ่มรุ่นใหม่ i3S

  ค่ายใบพัดฟ้าขาว BMW ได้ทำการเผยโฉม BMW i3 Minor Change หรือที่เรียกตามสไตล์ค่ายนี้ว่า LCI (Life Cycle Impulse) ก่อนมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Frankfurt Motor Show 2017 ช่วงเดือนกันยายนนี้

  BMW ยังได้นำการแนะนำรุ่นย่อยใหม่ "i3S" ที่มากับมอเตอร์ไฟฟ้าที่อัพเกรดจนมีกำลังสูงสุดที่ 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 269 นิวตัน-เมตร เพิ่มขึ้น 14 แรงม้า และ 20 นิวตัน-เมตรจากรุ่นธรรมดา นอกเหนือจากการอัพเกรดพละกำลังแล้ว ยังมีการติดตั้งช่วงล่างแบบสปอร์ตที่ช่วยลดความสูงรถขณะขับขี่ 0.5 นิ้ว และได้ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วที่มีความกว้างกว่ารุ่นปกติเล็กน้อย

   การเปลี่ยนแปลงภายนอกของ BMW i3 LCI จะมีการออกแบบกันชนหน้าใหม่และไฟตัดหมอกทรงใหม่ที่ดูทันสมัยขึ้น ส่วน i3S จะมีการติดตั้งคิ้วขอบพลาสติกสีดำรอบคันเพิ่มเติมและกันชนหน้าที่พ่นสีดำเพิ่มเติมจากรุ่น i3 ธรรมดา

  ภายในห้องโดยสารยังคงตกแต่งด้วยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยลูกค้าสามารถเลือกการตกแต่งด้วยลายไม้ Giga World และเบาะนั่งหุ้มหนังสีน้ำตาล Giga Brown หรือจะเป็นเบาะผ้าขนสัตว์สีเทา Carum Spice Grey ก็ได้ และแน่นอนว่ารถคันนี้จะมีการติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนต์ iDrive เวอร์ชั่นล่าสุดที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay ได้ด้วย

  BMW i3 LCI ยังคงกำลังไฟฟ้าและระยะทางการวิ่งเหมือนเดิม (ส่วนรุ่น i3S มีการปรับปรุงสมรรถนะตามที่บอกในย่อหน้าแรก) แต่ได้มีการปรับปรุงสายชาร์จใหม่ให้ชาร์จได้เร็วขึ้น 3 ชั่วโมง สำหรับ i3S สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 160 กม./ชม. แต่สำหรับรุ่น Range-Extender ที่มีการใช้กำลังเครื่องยนต์ขนาดเล็กเพิ่มเติม จากทำอัอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.7 วินาที และความเร็วสูงสุดยังคงเดิม นั่นหมายความว่า i3S จะมีอัตราเร่งไวกว่ารุ่นปกติ 0.8 วินาทีและมีความเร็วสูงสุดที่เพิ่มขึ้น 10 กม./ชม. 

 BMW i3 และ i3S ยังไม่มีการประกาศราคาออกมาครับ

ที่มา Carscoops

วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ข้อมูลคร่าวๆ All-New Mazda CX-5 ของมาเลเซีย มีทางเลือก 3 เครื่องยนต์ 5 รุ่นย่อย

   Mazda Malaysia ยังไม่ได้มีการเปิดตัว All-New Mazda CX-5 แต่ทว่าตอนนี้มีภาพของตัวรถเวอร์ชั่นมาเลเซีย (คันสีขาวด้านล่าง) รวมทั้งมีข้อมูลคร่าวๆและราคาค่าตัวมาให้ได้ชมกันแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นสัญญาณว่าคงจะใกล้มีการเปิดตัวในมาเลเซียแล้ว ส่วนเมืองไทยคาดว่าจะได้ยลโฉมต่อจากมาเลเซียอย่างเร็วที่สุดในช่วงปลายปีนี้ึีครับ


  All-New Mazda CX-5 เวอร์ชั่นมาเลเซียจะมีทางเลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ได้แก่
- เบนซิน 2.0 GL 2WD ราคา 136,405 ริงกิต หรือประมาณ 1,063,000 บาทไทย
- เบนซิน 2.0 GLS 2WD ราคา 136,405 ริงกิต หรือประมาณ 1,172,000 บาทไทย
- เบนซิน 2.5 GLS 2WD ราคา 164,886 ริงกิต หรือประมาณ 1,285,000 บาทไทย
- ดีเซล 2.2 GL 2WD ราคา 171,539 ริงกิต หรือประมาณ 1,337,000 บาทไทย
- ดีเซล 2.2 GLS 4WD ราคา 182,139 ริงกิต หรือประมาณ 1,420,000 บาทไทย

  ขุมพลังจะมีให้เลือก 3 แบบ  
- เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Skyactiv-G พละกำลัง 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร
- เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร Skyactiv-G พละกำลัง 192 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 257 นิวตัน-เมตร
- เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร Skyactiv-D พละกำลัง 173 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร
ทุกขุมพลังจะจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง G-Vectoring Control (GVC) มาเป็นมาตรฐาน

  และคราวนี้ลูกค้ามาเลเซียก็จะได้ใช้สีแดงเสียที ซึ่งก็น่าจะส่งผลต่อเมืองไทยด้วยเช่นกัน โดย 3 สีพรีเมี่ยม ได้แก่ สีแดง Soul Red Crystal, สีเทา Machine Grey และสีขาว Snowflake Pearl White ลูกค้าต้องจ่ายเงินเพิ่ม 2,000 ริงกิต หรือประมาณ 15,600 บาทไทย ส่วนรุ่น 2.0 GL ตัวล่างสุด สามารถสั่งเบาะหนังและระบบนำทางเพิ่มได้ในราคา 1,270 ริงกิต (ประมาณ 9,900 บาท) และ 2,900 ริงกิต (ประมาณ 22,608 บาท) ตามลำดับ


  ยังไม่มีสเปคออกมาให้รับชม แต่คาดว่ารุ่นล่างน่าจะติดตั้งไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ฮาโลเจน ส่วนรุ่นบนๆจะได้ไฟหน้าแบบ LED โดยรุ่นเบนซินน่าจะได้ระบบไฟหน้าแบบปรับมุมลำแสงอัตโนมัติตามการเลี้ยวของรถ  Adaptive Front-lighting System (AFS) แต่รุ่นดีเซลจะได้เป็นไฟหน้า LED อัจฉริยะ ปรับการทํางานของไฟสูง-ต่ำ แยกอิสระซ้าย-ขวาโดยอัตโนมัติได้ Adaptive LED Headlights (ALH) ส่วนล้ออัลลอยน่าจะมีทางเลือก 2 แบบคือ 17 และ 19 นิ้ว

  อุปกรณ์ที่ติดตั้งมาให้ในรถคร่าวๆก็จะมีพวงมาลัยม้ัลติฟังก์ชัน,เบาะหนังแท้,เบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto brake hold,ช่องปรับอากาศตอนหลัง,ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกโซนซ้าย-ขวา, จอ Head-Up Display , ระบบ MZD Connect , เบาะปรับไฟฟ้าด้านหน้า และ ที่วางแขนด้านหลังพร้อมช่องต่อ USB


  ระบบความปลอดภัยคาดว่าจะมีการติดตั้งระบบ i-Activsense มาให้ซึ่งจะประกอบด้วย
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Blind Spot Monitoring (BSM) 
ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ Smart City Brake Support ซึ่งระบบเหล่านี้จะมีให้ทุกรุ่น
ส่วนรุ่นดีเซลก็จะได้ระบบเหล่านี้เพิ่มเติมจากรุ่นเบนซิน
- ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง Smart City Brake Support (rear)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keep Assist (LKA)
- ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน Lane Departure Warning System (LDWS)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Attention Alert (DAA)
  
  และคาดว่าเมืองไทยน่าจะมีการเปิดตัว Mazda CX-5 โฉมใหม่อย่างเร็วที่สุดในงาน Motor Expo 2017 ช่วงวันที่ 30 พฤศจิกายน-11 ธันวาคมนี้ครับ

ที่มา oto.my / Paultan

Volkswagen T-Roc รถครอสโอเวอร์รุ่นเล็กคันใหม่ของค่าย

  ค่ายรถยักษ์ใหญ่เยอรมัน Volkswagen ได้ทำการเผยโฉมรถครอสโอเวอร์คันเล็กรุ่นใหม่ของค่ายอย่าง "All-New Volkswagen T-Roc" ซึ่งถูกวางตลาดในตำแหน่งที่ต่ำกว่า Volkswagen Tiguan ซึ่งจะทำให้รถคันนี้กลายเป็นรถอเนกประสงค์รุ่นเล็กสุดของค่าย

   ดีไซน์ด้านหน้าของรถค่อนข้างมีความสปอร์ต โดยมากับไฟหน้าทรงเรียวพร้อมไฟ LED Daytime Running Lights และตะแกรงกระจังหน้าแบบรังผึ้ง ตกแต่งซุ้มล้อด้วยสีดำรอบคันเพิ่มความบึกบึน ด้านข้างมากับเส้นโครเมี่ยมที่ลากจากเสา A ไปจนถึงเสา C รวมถึงช่วงหลังคาตั้งแต่เสา A จนถึง C มีการใช้สีแบบทูโทนตัดกับตัวถังของรถ ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดกับรถมากขึ้น ส่วนด้านท้ายมีการติดตั้งสปอยเลอร์มาให้ มากับไฟท้าย LED ทรงสวยงาม กันชนด้านท้ายมากับท่อไอเสียคู่

  ภายในห้องโดยสารรองรับผู้โดยสารได้ 5 คน มีดีไซน์ที่ดูสวยงามตามสไตล์ VW ติดตั้งฟีเจอร์ล้ำสมัยอย่างหน้าปัดแบบดิจิตอลมาให้ และระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ ลูกค้าจะได้พบกับพวงมาลัย 3 ก้านทรงคุ้นตา และห้องโดยสารที่สามารถรองรับการบรรทุกได้สูงสุด 1,290 ลิตร ลูกค้ายังสามารถเลือกโทนสีการตกแต่งภายในได้หลากหลายและมีตัวเลือกเบาะนั่งแบบสปอร์ตให้ด้วย

  Volkswagen T-Roc จะติดตั้งระบบความปลอดภัยเหล่านี้มาเป็นมาตรฐาน ซึ่งก็จะมีระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ Automatic Post-Collision Braking , ระบบช่วยหยุดรถฉุกเฉิน City Emergency Braking , ระบบเตือนการเปลี่ยนเลน Lane Assist ,  Front Assist with Pedestrian Monitoring ระบบตรวจจับคนเดินเท้าด้านหน้า ลูกค้ายังสามารถเลือกออปชั่นระบบความปลอดภัยเพิ่มเติมได้อีก ไม่ว่าจะเป็น  Adaptive Cruise Control, ระบบเตือนจุดอับขณะถอยหลัง Rear Traffic Alert, ระบบช่วยจอด Park Assist และระบบช่วยขับขี่ยามรถติด Traffic Jam Assist

   ขุมพลังนั้นจะมีทางเลือกที่แตกต่างกัน โดยจะมีเครื่องดีเซล 3 ทางเลือก และเบนซินอีก 3 ทางเลือก ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด DSG ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าจะมีมาให้เป็นมาตรฐานส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อจะมีมาให้เป็นออปชั่นเสริมที่ต้องจ่ายเพิ่ม

  Volkswagen T-Roc จะเปิดตัวและวางขายอย่างเป็นทางการในเยอรมันช่วงเดือนพฤศจิกายน ในราคาเริ่มต้นประมาณ 20,000 ยูโร หรือประมาณ 787,000 บาทไทย ไม่รวมภาษี

ที่มา Carscoops
  

วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Suzuki Ciaz/Alivio Minor Change เปิดตัวแล้วในจีน

  ค่าย Suzuki ในเมืองจีนได้ทำการปรับโฉมให้กับ Alivio หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ Ciaz โดยการปรับโฉมครั้งนี้มาในชื่อว่า "Alivio Pro" ซึ่งทำการเปิดตัวแล้วภายในงาน  Chengdu International Auto Show 2017 ที่กำลังจัดขึ้นในเฉินตู ประเทศจีนตอนนี้


   ดีไซน์ภายนอกมากับชุดกระจังหน้าทรงใหม่ที่เป็นตะแกรงโครเมี่ยมขนาดใหญ่ลากยาวจากฝากระโปรงลงมาถึงด้านล่างกันชนหน้า กันชนหน้าออกแบบใหม่ให้ดูทันสมัยและดูมีรายละเอียดซับซ้อนมากขึ้น ไฟตัดหมอกหน้าล้อมรอบด้วยขอบโครเมี่ยม ด้านท้ายมีการออกแบบกันชนใหม่แบบ Dual Tone เสริมด้วยโครเมี่ยมเพิ่มความหรูหรา นอกจากนี้ยังมากับล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วลายใหม่ที่ดูดีกว่าเดิม ในเวอร์ชั่นจีนนั้นยังมีหลังคาแบบซันรูฟมาให้เช่นกัน


  ห้องโดยสารยังคงการออกแบบเดิม แต่ตกแต่งบนคอนโซลหน้าด้วยวัสดุ Piano Black โทนสีของภายในจะเป็นสีเบจ นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงชุดหน้าจอสัมผัสตรงกลางใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม


  ในตลาดประเทศจีนนั้น Alivio Pro จะมากับขุมพลังเบนซินขนาด 1.6 ลิตร G-INNOTEC VVT มากับพละกำลัง 121 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 158 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด หรือ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และยังมี Paddle Shift มาให้ด้วย

  ในส่วนระบบความปลอดภัยคร่าวๆก็จะมีระบบเบรก ABS EBD ถุงลมนิรภัย 6 ใบ และกล้องมองหลัง

  ก็ต้องรอชมครับว่า Suzuki Ciaz ของไทยจะมีการปรับโฉมหน้าตาประมาณนี้หรือไม่ คาดว่าคนไทยอาจจะได้สัมผัสราวๆปี 2018 ครับ

ที่มา bitauto / autohome

วันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Isuzu D-Max Arctic Trucks AT35 เตรียมวางจำหน่ายในอังกฤษราคาเริ่มต้น 1,625,000 บาท

  ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้ว ผมได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับกระบะ Isuzu D-Max AT35 ที่ได้รับการตกแต่งให้ดูสมบุกสมบันมากกว่าเก่า ซึ่งทำการเปิดตัวครั้งแรกที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อ่านข่าวได้ที่ ชม Isuzu D-Max AT35 เปิดตัวแล้วในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และตอนนี้ก็มีการนำมาจำหน่ายในแดนผู้ดีอังกฤษแล้ว รายละเอียดก็อาจจะมีความแตกต่างบ้าง

   Isuzu D-Max Arctic Trucks AT35 จะเปิดตัวในเดือนตุลาคมนี้ที่ประเทศอังกฤษ ซึ้งตัวรถได้รับการออกแบบโดย Arctic Trucks  สำนักแต่งสัญชาติไอซ์แลนด์อันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับแต่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อให้มีความโหดมากขึ้น และตกแต่งภายในห้องโดยสารเพิ่มเติมด้วย

  ขุมพลังของกระบะสุดเท่คันนี้จะมากับเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร Twin-Turbo มากับพละกำลัง 160 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือ เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด

  ภายนอกมากับล้ออัลลอยสีดำขนาด 17 นิ้วหุ้มด้วยยางขนาดยักษ์ 35 นิ้ว (ลูกค้าเลือกออปชั่นพ่นล้อสีเงินได้) ทำให้มีระยะสูงสุดจากพื้นรถ 290 มิลลิเมตร รองรับการไต่เนินทางลาดชัน 36 องศา ความสามารถในการลากจูงของรถคันนี้อยู่ที่ 3.5 ตัน และสามารถบรรทุกของในกระบะท้ายได้ 1 ตัน

  Isuzu D-Max Arctic Trucks AT35 สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ D-Max 4 ประตูแบบเดียวเท่านั้น อุปกรณ์มาตรฐานที่ติดมากับรถก็จะมีกุญแจ Keyless Entry , ปุ่มสตาร์ท , หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว , วิทยุ DAB , รองรับการเชื่อม Apple CarPlay และ Android Auto , ระบบนำทางผ่านดาวเทียม

  ภายนอกจะมากับกระจกหน้าต่างสีเข้มขึ้น , ที่กันกระแทกด้านท้าย , โป่งล้อขนาดใหญ่ ภายในห้องโดยสารมีการตกแต่งเบาะนั่งและพรมปูพื้นด้วยสัญลักษณ์ Arctic Truck

   สีตัวถังมีทางเลือก ได้แก่ สีขาว Splash White, สีดำ Cosmic Black, สีเทา Obsidian Gray, สีแดง Venetian Red, สีเขียว Tundra Green, สีเงิน Titanium Silver และสีฟ้า Nautilus Blue โดย Isuzu D-Max Arctic Trucks AT35 วางจำหน่ายในอังกฤษในราคาเริ่มต้นที่ 37,995 ปอนด์ หรือประมาณ 1,625,000 บาทไทยครับ

  และที่ไทยไม่มีรุ่นนี้ขาย!!!

ที่มา Paultan

วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2560

MG3 Minor Change ปรับโฉมใหม่ครั้งใหญ่ในจีนแล้ว! เมืองไทยก็รอไปก่อน

  แบรนด์ MG ค่ายรถสัญชาติอังกฤษที่ปัจจุบันอยู่ภายใต้เงื้อมมือจีน ได้ฤกษ์แล้วสำหรับการเปิดตัว MG3 ใหม่ที่ได้รับการปรับโฉมภายนอกใหม่ครั้งใหญ่ในระดับ Big Minor Change เลยก็ว่าได้ มีการยกระดับดีไซน์ภายนอกและภายในห้องโดยสาร รวมทั้งระบบความปลอดภัยเพิ่มขึ้น


  รูปโฉมภายนอกโดยเฉพาะด้านหน้านั้นมีการออกแบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งยึดตามแนวการออกแบบยุคใหม่ของ MG นั่นเอง โดยดีไซน์ไฟหน้าและกระจังหน้าจะยกมาจากอเนกประสงค์รุ่นล่าสุดอย่าง MG ZS อันเป็นหน้าตาที่หลายคนชอบทักว่าคล้ายรถญี่ปุ่นหรือไม่ก็รถเกาหลีบางค่าย แต่ก็ต้องทำตัวให้ชินไว้เพราะหน้าแบบนี้คงจะได้เห็นใน MG รุ่นใหม่ๆหลายรุ่นที่จะตามมา แต่ถ้าไม่ยืดว่าคล้ายรุ่นนั้นรุ่นนี้ก็ถือว่ามีการออกแบบให้สวยงามกว่าเดิมมาก 
  ในส่วนด้านข้างก็ยังคงดีไซน์เดิมๆไม่เปลี่ยนแปลง มีการออกแบบล้อลายใหม่ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่ล้อกระทะขนาด 14 จนไปถึงล้อขนาด 16 นิ้ว ในส่วนด้านท้ายมีการออกแบบโคมไฟท้ายใหม่ให้ดูดียิ่งขึ้น ฝาท้ายออกแบบใหม่แทบทั้งดุ้นซึ่งทำให้ท้ายดูดีมิติมากขึ้น และยังมีปรับปรุงรายละเอียดกันชนท้ายใหม่ให้ดูดีขึ้นด้วย


  การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คงจะอยู่ที่ภายในห้องโดยสารที่มีการออกแบบคอนโซลใหม่แทบทั้งหมดจนไม่เหลือเค้าเดิมเลย ทำให้ดูมีความทันสมัยทัดเทียมคู่แข่งมากกว่าเดิม จะมากับพวงมาลัย 3 ก้านทรงใหม่เหมือน MG ZS ออกแบบช่องแอร์ด้านคนขับและผู้โดยสารดีไซน์ใหม่ (รู้สึกจะยกมาจาก ZS) ช่องแอร์ตรงกลางออกแบบใหม่เป็นแนวตั้ง ออกแบบปุ่มแอร์ใหม่โดยแอร์มีให้เลือกทั้งแบบมือหมุนธรรมดาและอัตโนมัติ ปุ่มต่างๆบนคอนโซลถูกจัดวางให้ใช้งานง่ายขึ้น รออกแบบหัวเกียร์และฐานเกียร์ใหม่ให้ดูดีกว่าเดิม และยังมีการออกแบบทรวดทรงเบาะนั่งใหม่ให้ดูดียิ่งขึ้นในรุ่นท็อปก็จะเป็นเบาะหนัง รุ่นรองลงมาก็จะเป็นเบาะผ้า


  และคราวนี้ MG ได้ทำการติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay หรือ Bluetooth ในรุ่นท็อปจะมีระบบนำทาง ระบบเชื่อมต่อ 4G/Wifi ได้ นอกจากนีี้ในรุ่นท็อปยังติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control มาให้ด้วย

  ขุมพลังในตลาดจีนมีทางเลือก 2 แบบ ได้แก่
- เครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร พละกำลัง 102 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 121 นิวตัน-เมตรที่ 5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด
- เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร พละกำลัง 117 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตรที่ 4,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด


 ระบบความปลอดภัยของรถที่ติดตั้งมาให้ ได้แก่
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบเสริมแรงเบรก BAS
- ระบบควบคุมการทรงตัว
- ระบบป้องกันการลื่นไถล
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
- ระบบเตือนแรงดันลมยาง
- ถุงลมนิรภัย 6 ใบ
- กล้องมองภาพด้านหลังและสัญญาณกะระยะ

ราคา MG3 Minor Change ในจีนมีราคาเริ่มที่ 59,800-93,800 หยวน หรือประมาณ 299,000-469,000 บาทไทย ไม่รวมภาษีครับ 

  มารอชมกันครับว่า MG3 Minor Change จะทำการเปิดตัวตอนไหนและเมื่อไหร่ 

ที่มา SAIC MG

Like Box