ภายนอกนั้นจะคล้ายคลึงกับ Honda Accord Hybrid เวอร์ชั่นญี่ปุ่น ซึ่งรูปทรงด้านหน้ายังคงคล้าย Accord รุ่นปกติ แต่มีการปรับรายละเอียดให้แตกต่างในส่วนของไฟหน้าและไฟท้าย LED รวมถึงกระจังหน้าที่เติมแต่งสีฟ้าเข้าไป เพื่อเติมเต็มความแตกต่าง นอกจากนี้ยังมากับล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้วในรุ่นท็อปสุด ส่วนรุ่นรองจะใช้ล้อ 17 นิ้วลายเดิม
ภายในห้องโดยสารนั้นจะเหมือนกับ Accord รุ่นปกติเลย เพียงแต่จะเปลี่ยนมาตรวัดชุดใหม่ให้ล้ำสมัยกว่าเดิม ระบบเครื่องเสียงยังคงมากับหน้าจอสัมผัสขนาด 7.7 นิ้ว ซึ่งคราวนี้ถูกปรับปรุงให้รองรับ Apple CarPlay หรือเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน MirrorLink ได้อีกด้วย และยังมีทางเลือกการตกแต่งภายในห้องโดยสารใหม่ด้วยเบาะสีน้ำตาล ซึ่งจะมีให้เลือกเฉพาะรุ่น Hybrid Tech และสีตัวถังบางสีเท่านั้น และที่พลาดไม่ได้ก็คือระบบ Remote Start สตาร์ทรถด้วยกุญแจ จาก Accord รุ่นปกติ ก็มีมาให้ใน Hybrid ด้วยเช่นกัน
ทางด้านขุมพลังนั้น ใช้ระบบขับเคลื่อน Full Hybrid i-MMD หรือ Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว เทคโนโลยี ผสานงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว มากับพละกำลัง 145 แรงม้า ควบรวมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 1.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมงกำลังสูงสุด 184 แรงม้า รวมทั้งระบบ 215 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT
นอกจากนี้ Accord Hybrid ยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกหลายโหมด ได้แก่
- โหมดไฟฟ้า : EV Drive Mode สามารรถทำความเร็วสูงสุดได้ 120 กม.ชม.
- โหมดไฮบริด : Hybrid Drive Mode
- โหมดเครื่องยนต์ : Engine Drive Mode
- โหมดสปอร์ต : Sport Drive Mode
และหากยังแรงสะใจไม่พอ ผู้ขับขี่ยังสามารถเรียกกำลังเพิ่มเติมจากมอเตอร์ไฟฟ้าด้วยปุ่ม Sport บริเวณคันเกียร์ได้เช่นเดียวกันครับ
ทางด้านระบบความปลอดภัย ค่าย Honda จัดเต็มระบบความปลอดภัยมาให้ใน Accord Hybrid ในแพ็คเกจ Honda Sensing ที่มีเฉพาะรุ่น Hybrid Tech ได้แก่
- ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control (ACC)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า และตรวจจับคนเดินถนนด้วยกล้องและเรดาร์พร้อมระบบช่วยเบรก Collision Mitigation Braking System (CMBS)
- ระบบแจ้งเตือนและช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist System (LKAS)
- ระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ – Road Departure Mitigation (RDM) with Lane Departure Warning (LDW)
- ระบบแจ้งเตือนและช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist System (LKAS)
- ระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ – Road Departure Mitigation (RDM) with Lane Departure Warning (LDW)
นอกจากนี้ Accord Hybrid ยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆอีก ได้แก่
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD- ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA
- ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA
- สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS
- ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Honda LaneWatch
- กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ
- ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า Dual i-SRS,ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ (i-Side Airbag) ม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags)
- เสียงเตือนคนภายนอกรถ ขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า
- ระบบไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติ (Active Cornering Light)
Honda Accord Hybrid มีสีตัวถังให้เลือก 4 สีได้แก่ เทา Modern Steel Metallic, เงิน Lunar Silver Metallic, ดำ Crystal Black Pearl (เพิ่มเงิน 8,000 บาท) และขาว White Orchid Pearl (เพิ่มเงิน 12,000 บาท) มีให้เลือก 2 รุ่นย่อยเท่าเดิม และไฮไลต์เด็ดคือการปรับราคาลดลงในรุ่นท็อป 50,000 บาท
- Honda Accord Hybrid ราคา 1,659,000 บาท (ราคาเท่าเดิม)
- Honda Accord Hybrid Tech ราคา 1,859,000 บาท (ลดลง 50,000 บาท)
นอกจากนี้ Honda ยังรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พิเศษด้วย Privilege Package ขยายเวลาการรับประกันคุณภาพ หรือ Ultimate Care เพิ่ม 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร และฟรีค่าบำรุงรักษา (ค่าแรง/ค่าอะไหล่/เช็คระยะ) เป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร สำหรับผู้ที่ออกรถตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2559 นี้ด้วยครับ
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย