ดูจากโครงสร้างที่ยังมีบางจุดคล้ายรุ่นเดิม ก็เพราะว่ารุ่นนี้ยังคงถูกสร้างบนพื้นฐานของเจเนเรชั่นที่ 4 โดยการนำเส้นสายจากรุ่นเดิมมาขัดเกลาให้ดูมีมิติและสปอร์ตรวมทั้งแฝงไปด้วยความหรูหรามากขึ้นกว่าเดิม ภายนอกมากับโคมไฟหน้าชุดใหม่แบบ 2 ชั้นคล้ายๆ Toyota Vellfire กระจังหน้าทรงใหม่ที่ยังคงออกแบบในสไตล์ V-Motion แบบ Nissan รุ่นใหม่ๆหลายรุ่น
ออกแบบกันชนหน้าและกรอบไฟตัดหมอกให้ดูดีกว่าเดิมและรับกับด้านหน้ารถ เสา A ถูกทำให้เป็นสีดำกลมกลืนไปกับกระจกรถ รวมทั้งกระจกบานหน้าต่างด้านท้ายที่ออกแบบสไตล์ Floating Roof เชื่อมต่อเนื่องไปถึงฝาท้าย รวมทั้งมีการออกแบบโคมไฟท้ายใหม่ที่สั้นลงแต่ดูทันสมัยกว่าเดิม รวมทั้งโลโก้ด้านท้ายขนาดใหญ่สะดุดตา เสริมด้ายคิ้วขอบป้ายทะเบียนโครเมียมขนาดใหญ่เพิ่มความหรูหรา
Nissan ยังมีเกรดการตกแต่งของ Serena ใหม่ ตั้งแต่รุ่นพื้นฐานแบบคันสีน้ำเงิน และรุ่น Highway Star แบบคันสีแดงที่จะมีออกแบบกันชนหน้าและกระจังหน้าให้ดุดันและเกรี้ยวกราดกว่าเดิม โดยติดตั้งสเกิร์ตด้านข้าง หลังคาสีดำ ล้ออัลลอยปัดขอบเงาดำ และกระจกมองข้างสีดำ
ภายในห้องโดยสารมีการเปลี่ยนแปลงใหม่หมดไม่เหลือเค้ารุ่นเก่าเลย จากที่เชยๆ เปลี่ยนสู่ความทันสมัยและดูแพงกว่าเดิม มีกลิ่นอายการออกแบบจาก Renault มาบ้าง โดยมากับมาตรวัดแบบดิจิตอลทรงใหม่ที่จัดวางให้อ่านง่ายขึ้น พวงมาลัยใหม่ที่ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวกว่าเดิม ช่องแอร์ตรงกลางที่ถูกจัดวางตำแหน่งใหม่แบบแนวตั้ง และมีชุดหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง ปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศ ฐานเกียร์ ปุ่มระบบ electronic parking brake และปุ่มสตาร์ท
Nissan ยังบอกอีกว่า Serena โฉมใหม่เป็นรถมินิแวนที่มีความกว้างห้องโดยสารมากสุดในรถระดับเดียวกัน และในรุ่นบนๆจะมีฟังก์ชันเปิดฝาท้ายได้โดยยื่นเท้าเข้าไปใต้กันชนรถและต้องมีกุญแจรถอยู่ในกระเป๋ากางเกง
ไฮไลต์อื่นๆภายในห้องโดยสารก็คือเบาะนั่งแถวแรกและแถวที่สองจะเป็นแบบ Zero Gravity หรือเบาะหนังไร้แรงโน้มถ่วง ซึ่งช่วยเพิ่มความสบายและลดความปวดเมื่อยในการขับขี่เป็นเวลานานๆ
ขุมพลังของรถยังคงใช้บล็อกเดียวกับรุ่นเก่า S-Hybrid นั่นคือเครื่องยนต์เบนซิน MR20DD ความจุ 2.0 ลิตร มากับพละกำลัง 147 แรงม้า PS ที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 210 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT XTronic
ระบบความปลอดภัยของรถถือเป็นไฮไลต์สำคัญที่มีการติดตั้งระบบการขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ( Nissan’s autonomous drive technology) ที่ชื่อว่า ProPILOT โดยสามารถควบคุมคันเร่ง เบรก และพวงมาลัยอัตโนมัติ บนถนนที่มีการจราจรแน่นหนา และมี Intelligent Park สามารถช่วยจอดรถได้อัตโนมัติได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ระบบเตือนการเปลี่ยนเลน กล้องมองภาพรอบคันเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
Nissan ยังมีการปรับปรุงโครงสร้างความแข็งแรงรอบๆบริเวณฝาท้าย และปรับปรุงระบบกันสะเทือนบางส่วนโดยติดตั้งโช้คอัพขนาดใหญ่ ซึ่ง Nissan อ้างว่าจะช่วยในการตอบสนองในการขับรถเปลี่ยนเลนได้ดีขึ้น
Nissan Serena โฉมใหม่จะเริ่มขายในญี่ปุ่นปลายเดือนสิงหาคมนี้ ในราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 3 ล้านเยน หรือประมาณ 1.014 ล้านบาทไทย ส่วนเมืองไทยคงต้องรอการนำเข้าจากเกรย์มาร์เก็ดครับ
ที่มา Paultan
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย