Nissan GT-R รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2020 นั้นเพิ่งมีการแนะนำในสหรัฐฯช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาซึ่งจะมีให้เลือก 4 รูปแบบที่แตกต่างกัน ได้แก่ GT-R Premium, รุ่นครบรอบ 50 ปี 50th Anniversary Edition, Track Edition และ NISMO
การจำหน่ายนั้นมีขึ้นในวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมาโดยมีราคาอยู่ที่ 113,540 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,485,000 บาทไทย) ในรุ่น Premium ในขณะที่รุ่นพิเศษฉลองครอบรอบ 50 ปี (50th Anniversary Edition) โดยมีการเพิ่มเกียร์แบบพิเศษพร้อมตกแต่งสติ๊กเกอร์รอบคัน บวกราคาเพิ่มอีก 8,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 261,000 บาทไทย)
ทั้งสองรุ่นดังกล่าวติดตั้งเทอร์โบชาร์จที่มีการปรับปรุงใหม่ มาพร้อมล้อใหม่ขนาด 20 นิ้ว, ท่อไอเสียไทเทเนียม, ระบบช่วยตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation, ระบบสร้างเสียงเครื่ิองยนต์ Active Sound Enhancement และอีกหลายรายการ นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งภายในระดับพรีเมี่ยมด้วยโทนสี "Hai Gray" ด้วยการตัดเย็บภายในด้วยมือ
สำหรับ GT-R 50th Anniversary Edition จะมากับสีตัวถังสีน้ำเงิน Bayside Blue ตัดกับลายสติ๊กเกอร์สีขาว นอกจากนี้ยังสีตัวถังสีขาว Pearl White พร้อมสติ๊กเกอร์แดงหรือจะเลือกสีเงิน Super Silver พร้อมแถบสติ๊กเกอร์สีขาว ภายในตกแต่งด้วยโทนสีเทาพร้อมพวงมาลัยทรงเอกลักษณ์, ตกแต่งหัวเกียร์ใหม่, พนักพิงศีรษะตกแต่งด้วย Alcantara พร้อมทั้งมีที่บังแดดและเบาะนั่งแบบ Embossed Seat ด้วย
สำหรับ GT-R Track Edition จะวางขายให้กับลูกค้าแดนมะกันตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคมนี้ ในราคาเริ่มต้นที่ 145,540 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4,467,000 บาทไทย) โดยมีการล้อ Nismo ขนาด 20 นิ้ว, สปอยเลอร์หลังคาร์บอนไฟเบอร์ และ เบรกทำจากคาร์บอนเซรามิก ห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีแดงและดำและมาพร้อมเบาะนั่ง Recaro แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ Track Edition จะใช้ขุมพลังบล็อกเดียว Nismo นั่นคือเครื่องยนต์เบนซิน 3.8 ลิตร V6 เทอร์โบคู่ พละกำลังสูงสุดที่ 600 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 652 นิวตันเมตร ส่วนรุ่น Premium และ 50th Anniversary Edition จะมีพละกำลังที่ 565 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 633 นิวตันเมตร
ทางด้าน GT-R Nismo MY2020 จำหน่ายในสหรัฐฯแล้วด้วยราคาเริ่มต้นที่ 210,740 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,468,000 บาทไทย) รูปทรงภายนอกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีน้ำหนักตัวที่เบาลงราวๆ 20 กิโลกรัมจากการปรับปรุงชิ้นส่วนหลายชิ้น, เบรกที่อัพเกรดใหม่, ล้อ RAYS forged aluminum ขนาด 20 นิ้วที่เบาแต่แข็งแรงขึ้นพร้อมยาง Dunlop ที่มีดอกยางกว้างขึ้นและร่องยางน้อยลง เช่นเดียวกับระบบกันสะเทือนได้รับการปรับปรุงให้มีความเสถียรขึ้น เช่นเดียวกับพวงมาลัยที่ได้รับการปรับปรุงให้หักเลี้ยวแม่นยำมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังติดตั้งจานเบรกเซรามิกคาร์บอน Brembo ขนาดใหญ่ด้านหน้า 410 มิลลิเมตร และ 390 มิลลิเมตรที่ด้านหลัง ออกแบบให้มีความทนทานและแข็งแกร่งกว่าเดิม ด้วยน้ำหนักตัวที่เบาลง ส่งผลให้รถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาแค่ 2.5 วินาทีเท่านั้น
ที่มา Carscoops
------------------------------------------------------------------------------------------
สนใจออกรถ Mazda วันนี้ พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษ จัดหนักส่วนลด+ของแถม เพียงคุณแสดงตัวว่ากดติดตามเพจ Car News Update (แคปโพสต์ให้ดูด้วย) สามารถติดต่อและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line ID : anuntasooragath ครับ
------------------------------------------------------------------------------------------
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย