สิ้นสุดการรอคอยแล้วสำหรับสาวกค่าย Zoom Zoom เมื่อทาง Mazda Thailand ได้ทำการเปิดตัว All-New Mazda 3 ในไทยเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งได้ทำการยกระดับทั้งรูปโฉมและอัดเทคโนโลยีความปลอดภัยเข้ามาเต็มคันรถ
แนวการออกแบบของรถจะเป็น Kodo Design เจเนเรชั่นที่ 2 โดยจะมากับไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED ทุกรุ่นย่อยพร้อมไฟ LED Daytime Running Lights (เฉพาะตัวท็อป) พร้อมกระจังหน้าขนาดใหญ่ กว่าเดิม เส้นสายตัวรถที่ดูมีความโค้งมนและพลิ้วไหวมากขึ้น ทั้งตัวถัง Sedan 4 ประตู และ 5 ประตูที่เปลี่ยนมาเรียกว่า Fastback แทน Hatchback
คราวนี้ทาง Mazda ได้แยกการออกแบบระหว่างรุ่น Sedan 4 ประตูและ Fastback 5 ประตูให้แตกต่างแบบชัดเจนมากขึ้นเพื่อแยกภาพลักษณ์กันแบบชัดเจน ตัว Sedan จะเน้นแนวหรูหราส่วน Fastback จะเน้นสปอร์ต โดยประตูคู่หลังของทั้ง 2 ตัวถังไม่ได้ใช้ร่วมกันแบบรุ่นเก่าแล้ว เช่นเดียวกับไฟท้าย LED ทรงเรียวใหม่ที่ไม่ได้ใช้โคมร่วมกัน และทั้งในตัว Sedan และ Fastback มีการย้ายตำแหน่งติดป้ายทะเบียนมาไว้ที่กันชนท้ายแทน ออกแบบฝาท้ายให้ดูมีมิติมากขึ้น พร้อมไอเสียคู่แบบสปอร์ตพร้อมปลายท่อแบบโครเมียม ส่วนในตัวถัง Fastback มีการออกแบบเสา C ให้ใหญ่กว่าเดิม ล้ออัลลอยจะมีให้ตั้งแต่ขนาด 16 และ 18 นิ้วแล้วแต่รุ่นย่อย
มิติตัวถังภายนอกสำหรับรุ่น Fastback นั้นจะมีความยาว 4,460 มิลลิเมตร (สั้นลง 10 มิลลิเมตร) กว้าง 1,795 มิลลิเมตร สูง 1,435 มิลลิเมตร (เตี้ยลง 15-30 มิลลิเมตร) ระยะฐานล้อ 2,725 มิลลิเมตร (ยาวขึ้น 25 มิลลิเมตร) ระยะต่ำสุดจากพื้น 135 มิลลิเมตร (เตี้ยลง 20 มิลลิเมตร) รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.3 เมตร น้ำหนักรถ 1,382 กิโลกรัม (เบาลง 20 กิโลกรัม)
ทางด้านมิติตัวถังภายนอกรุ่น Sedan จะมีความยาว 4,660 มิลลิเมตร (ยาวขึ้น 80 มิลลิเมตร) กว้าง 1,795 มิลลิเมตร สูง 1,440 มิลลิเมตร (เตี้ยลง 10 มิลลิเมตร) ระยะฐานล้อ 2,725 มิลลิเมตร (ยาวขึ้น 25 มิลลิเมตร) ระยะต่ำสุดจากพื้น 135 มิลลิเมตร (เตี้ยลง 20 มิลลิเมตร) รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.3 เมตร น้ำหนักรถ 1,374 กิโลกรัม (หนักขึ้น 16 กิโลกรัม)
ข้อมูลสเปคและออปชั่น All-New Mazda 3
* มิติตัวถังภายนอก Fastback : ยาว 4,460 มิลลิเมตร กว้าง 1,795 มิลลิเมตร สูง 1,435 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,725 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 135 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.3 เมตร น้ำหนักรถ 1,382 กิโลกรัม
* มิติตัวถังภายนอก Sedan : ยาว 4,660 มิลลิเมตร กว้าง 1,795 มิลลิเมตร สูง 1,440 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,725 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 135 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.3 เมตร น้ำหนักรถ 1,374 กิโลกรัม
* ระบบเบรกหน้า : ดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน / เบรกหลัง : ดิสก์เบรก
* ระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียนพร้อมพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบไฟฟ้า EPAS
* ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทและเหล็กกันโคลง / ระบบกันสะเทือนหลังแบบกึ่งอิสระทอร์ชั่นบีม
แนวการออกแบบของรถจะเป็น Kodo Design เจเนเรชั่นที่ 2 โดยจะมากับไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED ทุกรุ่นย่อยพร้อมไฟ LED Daytime Running Lights (เฉพาะตัวท็อป) พร้อมกระจังหน้าขนาดใหญ่ กว่าเดิม เส้นสายตัวรถที่ดูมีความโค้งมนและพลิ้วไหวมากขึ้น ทั้งตัวถัง Sedan 4 ประตู และ 5 ประตูที่เปลี่ยนมาเรียกว่า Fastback แทน Hatchback
คราวนี้ทาง Mazda ได้แยกการออกแบบระหว่างรุ่น Sedan 4 ประตูและ Fastback 5 ประตูให้แตกต่างแบบชัดเจนมากขึ้นเพื่อแยกภาพลักษณ์กันแบบชัดเจน ตัว Sedan จะเน้นแนวหรูหราส่วน Fastback จะเน้นสปอร์ต โดยประตูคู่หลังของทั้ง 2 ตัวถังไม่ได้ใช้ร่วมกันแบบรุ่นเก่าแล้ว เช่นเดียวกับไฟท้าย LED ทรงเรียวใหม่ที่ไม่ได้ใช้โคมร่วมกัน และทั้งในตัว Sedan และ Fastback มีการย้ายตำแหน่งติดป้ายทะเบียนมาไว้ที่กันชนท้ายแทน ออกแบบฝาท้ายให้ดูมีมิติมากขึ้น พร้อมไอเสียคู่แบบสปอร์ตพร้อมปลายท่อแบบโครเมียม ส่วนในตัวถัง Fastback มีการออกแบบเสา C ให้ใหญ่กว่าเดิม ล้ออัลลอยจะมีให้ตั้งแต่ขนาด 16 และ 18 นิ้วแล้วแต่รุ่นย่อย
มิติตัวถังภายนอกสำหรับรุ่น Fastback นั้นจะมีความยาว 4,460 มิลลิเมตร (สั้นลง 10 มิลลิเมตร) กว้าง 1,795 มิลลิเมตร สูง 1,435 มิลลิเมตร (เตี้ยลง 15-30 มิลลิเมตร) ระยะฐานล้อ 2,725 มิลลิเมตร (ยาวขึ้น 25 มิลลิเมตร) ระยะต่ำสุดจากพื้น 135 มิลลิเมตร (เตี้ยลง 20 มิลลิเมตร) รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.3 เมตร น้ำหนักรถ 1,382 กิโลกรัม (เบาลง 20 กิโลกรัม)
ทางด้านมิติตัวถังภายนอกรุ่น Sedan จะมีความยาว 4,660 มิลลิเมตร (ยาวขึ้น 80 มิลลิเมตร) กว้าง 1,795 มิลลิเมตร สูง 1,440 มิลลิเมตร (เตี้ยลง 10 มิลลิเมตร) ระยะฐานล้อ 2,725 มิลลิเมตร (ยาวขึ้น 25 มิลลิเมตร) ระยะต่ำสุดจากพื้น 135 มิลลิเมตร (เตี้ยลง 20 มิลลิเมตร) รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.3 เมตร น้ำหนักรถ 1,374 กิโลกรัม (หนักขึ้น 16 กิโลกรัม)
ภายในห้องโดยสารออกแบบให้มีความเรียบร้อยมากขึ้นกว่าเดิม โดยออกแบบให้มีปุ่มน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยมาชุดหน้าปัดแบบวงกลม 3 วงซึ่งเป็นมาตรวัดดิจิตอลแบบ LCD TFT ขนาด 7 นิ้วพร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี MID (Multi Information Display) และได้หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า (Windshield Active Driving Display) ซึ่งมีมาให้ใน Mazda 3 ใหม่ทุกรุ่นย่อย
นอกจากนี้ทุกรุ่นจะได้ระบบ Infotainment หน้าจอสี Certer Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้วพร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชั่น Mazda Connect อีกทั้งยังรองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto อีกด้วย ทุกรุ่นจะได้ลำโพง 8 ตำแหน่ง ยกเว้นรุ่นท็อปสุดที่จะได้ระบบเครื่องเสียง Bose รอบทิศทางพร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง
การตกแต่งภายในของห้องโดยสารจะเน้นโทนสีดำเป็นหลัก มีการเดินด้ายตะเข็บจริงรอบคันรถ และตกแต่งด้วยวัสดุอะลูมิเนียมเพิ่มความหรูหรา สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆที่มีมาให้ ได้แก่ เบาะนั่งคนขับแบบปรับไฟฟ้า 10 ทิศทางพร้อมระบบบันทึกตำแหน่งได้ 2 ตำแหน่ง , ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง (รุ่น S ขึ่นไป)
ทางด้านขุมพลังนั้นยังคงไม่ได้ทำตลาดเครื่องใหม่ SKYACTIV-X แต่ยังได้เครื่องเดิมที่มีการปรับปรุงใหม่นั่นคือ เครื่องยนต ์เบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร DOHC แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT และระบบไอเสีย 4-2-1 พร้อมระบบ i-STOP พละกำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/ นาที (แรงบิดเพิ่มขึ้น 3 นิวตัน-เมตร) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE 6 สปีดพร้อม Manual Mode Activematic รองรับน้ำมันสูงสุด E85
All-New Mazda 3 ยังเป็นรุ่นแรกของ Mazda ที่จำหน่ายในไทยที่มาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง "G-Vectoring Control Plus" หรือ GVC Plus ที่ปรับปรุงและพัฒนาต่อยอดจากระบบ GVC เดิม ช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุลโดยเฉพาะทางโค้ง หรือสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้น
ขณะรถเข้าโค้ง : เครื่องยนต์จะลดแรงบิดลงเล็กน้อยให้เหมาะสมกับลักษณะของโค้ง ทำให้น้ำหนักรถถ่ายมายังล้อหน้าซึ่งเป็นล้อที่ควบคุมรถ ทำให้ล้อหน้ายึดเกาะถนนมากขึ้น เข้าโค้งได้ดีและแม่นยำขึ้น
ขณะรถอยู่ในโค้ง : ระบบจะคืนแรงบิดให้สู่สภาวะปกติเพื่อให้ควบคุมการถ่ายน้ำหนักตัวรถให้อยู่ในสภาพสมดุลทั้งหน้าและหลัง ทำให้การแก้พวงมาลัยในโค้งเกิดขึ้นน้อยที่สุด
ขณะรถออกจากโค้ง : ระบบจะตรวจการหมุนพวงมาลัยของคนขับเพื่อคำนวณการเบรกเพียงเล็กน้อยที่ล้อหน้าฝั่งนอกโค้ง เพื่อให้รถกลับคู่ทางตรงได้ง่ายขึ้น
ทางด้านระบบความปลอดภัยของรถนั้นก็ถือว่าจัดมาให้ค่อนข้างเต็มเหมือนเดิม โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry) พร้อมระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัฉริยะ (Push Start Button)
- กุญแจนิรภัย (Immoblizer) และสัญญาณกันขโมย (Burglar Alarm)
- ระบบแสดงภาพ 360 องศารอบทิศทาง (360 View Monitor) เฉพาะ 2.0 SP ทุกตัวถัง
- ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps) เฉพาะ 2.0 SP ทุกตัวถัง
- ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control) เฉพาะ 2.0 SP ทุกตัวถัง
- ใหม่! ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising Traffic Support) เฉพาะ 2.0 SP ทุกตัวถัง
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ใหม่! ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced SBS: Advanced Smart Brake Support) เฉพาะ 2.0 SP ทุกตัวถัง
- ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Rear Crossing) เฉพาะ 2.0 SP ทุกตัวถัง
- ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse) เฉพาะ 2.0 SP ทุกตัวถัง
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-keep Assist System) เฉพาะ 2.0 SP ทุกตัวถัง
- ระบบเตือนเมื่อรถเหวี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System) เฉพาะ 2.0 SP ทุกตัวถัง
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Itention Alert) เฉพาะ 2.0 SP ทุกตัวถัง
- ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control)
- ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Signal System)
- ถุงลมนิรภัย SRS รวม 7 ตำแหน่ง คู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และหัวเข่าด้านคนขับ
- พวงมาลัยยุบตัวตามการทำงานของถุงลมนิรภัยและแป้นเบรกแบบยุบตัวได้
- ระบบช่วยออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist)
- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
- เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด เฉพาะ 2.0 SP ทุกตัวถัง
- เซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด เฉพาะ 2.0 S ทุกตัวถัง
- เซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 6 จุด เฉพาะ 2.0 SP ทุกตัวถัง
- กล้องมองหลัง ยกเว้น 2.0 C ทุกตัวถัง
- สัญญาณเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัยหน้า-หลัง
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter)
- คานเหล็กเสริมกันกระแทกด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง
All-New Mazda 3 จะมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่
- สีแดง Soul Red Cystral
- สีเทา Machine Gray
- สีขาว Snowflake White Pearl
- สีดำ Jet black
- สีน้ำตาล Titanium Flash
- สีเงิน Sonic Silver
- สีเทา Polymetal Gray (เฉพาะรุ่น Fastback 5 ประตู)
- สีเทา Machine Gray
- สีขาว Snowflake White Pearl
- สีดำ Jet black
- สีน้ำตาล Titanium Flash
- สีเงิน Sonic Silver
- สีเทา Polymetal Gray (เฉพาะรุ่น Fastback 5 ประตู)
มีจำหน่ายทั้งหมด 6 รุ่นย่อย ได้แก่
Sedan
- 2.0 C ราคา 969,000 บาท
- 2.0 S ราคา 1,069,000 บาท
- 2.0 SP ราคา 1,198,000 บาท
Fastback
- 2.0 C Sports ราคา 969,000 บาท
- 2.0 S Sports ราคา 1,069,000 บาท
- 2.0 SP Sports ราคา 1,198,000 บาท
* มิติตัวถังภายนอก Fastback : ยาว 4,460 มิลลิเมตร กว้าง 1,795 มิลลิเมตร สูง 1,435 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,725 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 135 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.3 เมตร น้ำหนักรถ 1,382 กิโลกรัม
* มิติตัวถังภายนอก Sedan : ยาว 4,660 มิลลิเมตร กว้าง 1,795 มิลลิเมตร สูง 1,440 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,725 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 135 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.3 เมตร น้ำหนักรถ 1,374 กิโลกรัม
* ระบบเบรกหน้า : ดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน / เบรกหลัง : ดิสก์เบรก
* ระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียนพร้อมพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบไฟฟ้า EPAS
* ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทและเหล็กกันโคลง / ระบบกันสะเทือนหลังแบบกึ่งอิสระทอร์ชั่นบีม
รุ่น 2.0 C / 2.0 C Sports ราคา 969,000 บาท
เทคโนโลยี
เทคโนโลยี
- Skyactic-Vehicle Dynamics ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง G-Vectoring Control Plus (GVC Plus)
- ระบบช่วยประหยัดน้ำมัน i-STOP
- สวิตซ์ Drive Selection
- ระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก
- ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED / ไฟท้าย LED
- ระบบไฟหน้าปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Auto Leveling System) พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ
- กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พับอัตโนมัติ พร้อมไฟเลี้ยว
- กระจกมองข้างปรับมุต่ำลงอัตโนมัติ เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง
- กระจกไฟฟ้าขึ้น-ลงแบบอัตโนมัติ 4 บาน
- ท่อไอเสียคู่แบบสปอร์ต พร้อมปลายท่อโครเมียม
- สปอยเลอร์หลัง (เฉพาะตัวถัง Fastback)
- ที่ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบหน่วงเวลาพร้อมฟังก์ชั่นตรวจจับน้ำฝนอัตโนมัติ
- ที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง (เฉพาะตัวถัง Fastback)
- ล้ออัลลอยขนาด 16x6.5J พร้อมยางขนาด 205/60 R16
- ล้ออะไหล่ขนาด 16x5J
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน
- เบาะนั่งหุ้มหนังสีดำ
- เบาะนั่งแบบปรับไฟฟ้า 10 ทิศทางพร้อมระบบบันทึกตำแหน่งได้ 2 ตำแหน่ง (คนขับ)
- เบาะนั่งปรับระดับความสูง (คนขับและผู้โดยสาร)
- เบาะนั่งด้านหลังปรับพับได้แบบ 60:40
- พนักวางแขนผู้โดยสารด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ
- พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังสีดำ
- วัสดุตกแต่งคอนโซลและมือจับประตูด้านในสีเงิน
- หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า (Windshield Active Driving Display)
- มาตรวัดดิจิตอลแบบ LCD TFT พร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี MID (Multi Information Display)
- ระบบปรับอากาศแบบธรรมดา
- ที่วางแก้วน้ำที่คอนโซลกลาง
- ช่องเก็บของที่คอนโซลกลางพร้อมฝาปิด
- ที่วางขวดน้ำที่ประตูคู่หน้าและหลัง
- ไฟในห้องโดยสารพร้อมระบบไฟแบบหน่วงเวลา
- ไฟอ่านหนังสือคู่หน้าแยกตำแหน่ง (Map Light)
- ช่องเก็บแว่นตาบริเวณเหนือศีรษะ
- พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง (Telescopic)
- แผงบังแดด พร้อมกระจก และไฟสำหรับผู้โดยสารคู่หน้า
- ระบบ Infotainment หน้าจอสี Certer Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว
- ปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander
- รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto
- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านบลูทูธ (Bluetooth)
- ล่าโพง 8 ตำแหน่ง
- สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงและจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนพวงมาลัย
- ช่องเชื่อมต่อ USB รองรับ MP3 และ Video Playback
- ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V
ระบบความปลอดภัย
- ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry) พร้อมระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัฉริยะ (Push Start Button)
- กุญแจนิรภัย (Immoblizer) และสัญญาณกันขโมย (Burglar Alarm)
- ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control)
- ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Signal System)
- ถุงลมนิรภัย SRS รวม 7 ตำแหน่ง คู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และหัวเข่าด้านคนขับ
- พวงมาลัยยุบตัวตามการทำงานของถุงลมนิรภัยและแป้นเบรกแบบยุบตัวได้
- ระบบช่วยออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist)
- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
- สัญญาณเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัยหน้า-หลัง
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter)
- คานเหล็กเสริมกันกระแทกด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก (เพิ่มเติมจาก 2.0 C / 2.0 C Sports)
- ล้ออัลลอยขนาด 18x7.0J พร้อมยาง 215/45 R18
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน (เพิ่มเติมจาก 2.0 C / 2.0 C Sports)
- วัสดุตกแต่งคอนโซลและมือจับประตูด้านในสีเงินโครเมีนยม
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- ฝาปิดที่วางแก้วน้ำที่คอนโซลกลาง
ระบบความปลอดภัย (เพิ่มเติมจาก 2.0 C / 2.0 C Sports)
เทคโนโลยี
- ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์
ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift
- ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวันแบบ LED (Daytime Running Lamp)
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน (เพิ่มเติมจาก 2.0 S / 2.0 S Sports)
- กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
- ระบบเครื่องเสียง Bose รอบทิศทางพร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง
ระบบความปลอดภัย (เพิ่มเติมจาก 2.0 S / 2.0 S Sports)
- ระบบแสดงภาพ 360 องศารอบทิศทาง (360 View Monitor)
- ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
- ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising Traffic Support)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced SBS: Advanced Smart Brake Support)
- ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Rear Crossing)
- ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-keep Assist System)
- ระบบเตือนเมื่อรถเหวี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Itention Alert)
- เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด
- เซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 6 จุด
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย