ยักษ์ใหญ่เยอรมันอย่าง Volkswagen ได้แนะนำ "Volkswagen ID.3" รถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วนคันแรกของค่ายที่มีการผลิตจำหน่ายจริง มีการพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ท MEB แบบ Modular สำหรับรถพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ
รถไฟฟ้าคันใหม่ของ VW จะมากับทางเลือก 3 ความจุแบตเตอรี่ ได้แก่ รุ่นพื้นฐาน 45kWh ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 330 กม. , รุ่นกลาง 58kWh ที่สามารถวิ่งได้ในระยะทาง 420 กม. และรุ่นท็อปสุด 77kWh ที่สามารถวิ่งได้สูงสุด 550 กม. จากการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม
กำลังของรถจะมาจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งบริเวณเพลาหลังโดยมีพละกำลังสูงสุด 201 แรงม้า รุ่นพื้นฐานะมีพละกำลัง 147 แรงม้า แต่ทั้งสองขุมพลังจะได้แรงบิดเท่ากันคือ 310 นิวตันเมตร
ด้วยการออกแบบที่ชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพทำให้ VW ID.3 มีขนาดตัวถังใกล้เคียง VW Golf แต่มีระยะฐานล้อยาวกว่าถึง 145 มิลลิเมตร โดยอยู่ที่ 2,765 มิลลิเมตร มีความจุสัมภาระที่ 380 ลิตร แลด้วยฐานล้อที่ยาวขนาดนี้ทำให้ทาง VW เคลมว่า ID.3 จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถกลุ่มคอมแพกต์คาร์ได้
การออกแบบภายในห้องโดยสารมาในแนวล้ำอนาคต มีการติดตั้งจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 10 นิ้วที่พัฒนาขึ้นใหม่ซึ่งยังมากับระบบ Infotainment ใหม่ของ VW ที่รองรับการอัปเดตข้อมูลแบบไร้สาย รวมทั้งยังมากับแผงหน้าปัดแบบดิจิตอลอรกด้งบ
การควบคุมต่างๆจะอยู่ในส่วนของปุ่มควบคุมแบบสัมผัสทั้ง 11 ปุ่มบนพวงมาลัยโดยที่ VW ยังคงเหลือเพียงกระจกไฟฟ้าและไฟฉุกเฉินที่ใช้งานโดยปุ่มควบคุมแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีระบบสั่งการด้วยเสียงซึ่งสามารถเริ่มต้นคำสั่งโดยกล่าวว่า “ Hello ID”
รุ่นพื้นฐานฐาน 45 kWh จะให้อุปกรณ์ชาร์จไฟขนาด 50kW เป็นมาตรฐาน แต่สามารถสั่งออปชั่นเป็น 100kW ได้ สำหรับรุ่นกลาง 58kWh จะได้อุปกรณ์ชาร์จ 100kW เป็นมาตรฐานโดยให้ระบุว่าเมื่อใช้เวลาชาร์จเพียง 30 นาทีจะสามารถวิ่งได้ในระยะทางถึง 250 กม. สำหรับรุ่นท็อปนั้นจะได้อุปกรณ์ชาร์จไฟขนาด 125kW
VW ได้เปิดรับจองล่วงหน้าแล้วสำหรับรุ่นพิเศษ 1st limited launch edition ของ ID.3 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงตอนนี้ ซึ่งมีผู้คนให้ความสนใจมากกว่า 30,000 คน 1st limited launch edition จะมีแบตเตอรี่ 58kWh เป็นมาตรฐาน และติดตั้งระบบนำทาง, วิทยุดิจิตอล DAB, เบาะนั่งและพวงมาลัยพร้อมฟังก์ชั่นปรับอุ่น, ที่วางแขนด้านหน้า, สายชาร์จ Mode 2 และล้อขนาด 18 นิ้วเป็นมาตรฐาน
ลูกค้าที่อยากได้ออปชั่นเพิ่มขึ้นก็ต้องไปเล่นรุ่น 1st Plus และท็อปสุด 1st Max ซึ่งจะมีออปชั่นและความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นไปอีกตามเกรดรุ่น โดยราคาเริ่มต้นนั้นจะอยู่ที่ไม่เกิน 30,000 ยูโร หรือประมาณไม่เกิน 1,004,000 บาท การผลิตจะเริ่มขึ้นในสิ้นปีนี้ และเริ่มส่งมอบรถล็อตแรกได้ในช่วงต้นปีหน้า
ที่มา Carscoops
รถไฟฟ้าคันใหม่ของ VW จะมากับทางเลือก 3 ความจุแบตเตอรี่ ได้แก่ รุ่นพื้นฐาน 45kWh ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 330 กม. , รุ่นกลาง 58kWh ที่สามารถวิ่งได้ในระยะทาง 420 กม. และรุ่นท็อปสุด 77kWh ที่สามารถวิ่งได้สูงสุด 550 กม. จากการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม
กำลังของรถจะมาจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งบริเวณเพลาหลังโดยมีพละกำลังสูงสุด 201 แรงม้า รุ่นพื้นฐานะมีพละกำลัง 147 แรงม้า แต่ทั้งสองขุมพลังจะได้แรงบิดเท่ากันคือ 310 นิวตันเมตร
ด้วยการออกแบบที่ชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพทำให้ VW ID.3 มีขนาดตัวถังใกล้เคียง VW Golf แต่มีระยะฐานล้อยาวกว่าถึง 145 มิลลิเมตร โดยอยู่ที่ 2,765 มิลลิเมตร มีความจุสัมภาระที่ 380 ลิตร แลด้วยฐานล้อที่ยาวขนาดนี้ทำให้ทาง VW เคลมว่า ID.3 จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถกลุ่มคอมแพกต์คาร์ได้
การออกแบบภายในห้องโดยสารมาในแนวล้ำอนาคต มีการติดตั้งจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 10 นิ้วที่พัฒนาขึ้นใหม่ซึ่งยังมากับระบบ Infotainment ใหม่ของ VW ที่รองรับการอัปเดตข้อมูลแบบไร้สาย รวมทั้งยังมากับแผงหน้าปัดแบบดิจิตอลอรกด้งบ
การควบคุมต่างๆจะอยู่ในส่วนของปุ่มควบคุมแบบสัมผัสทั้ง 11 ปุ่มบนพวงมาลัยโดยที่ VW ยังคงเหลือเพียงกระจกไฟฟ้าและไฟฉุกเฉินที่ใช้งานโดยปุ่มควบคุมแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีระบบสั่งการด้วยเสียงซึ่งสามารถเริ่มต้นคำสั่งโดยกล่าวว่า “ Hello ID”
รุ่นพื้นฐานฐาน 45 kWh จะให้อุปกรณ์ชาร์จไฟขนาด 50kW เป็นมาตรฐาน แต่สามารถสั่งออปชั่นเป็น 100kW ได้ สำหรับรุ่นกลาง 58kWh จะได้อุปกรณ์ชาร์จ 100kW เป็นมาตรฐานโดยให้ระบุว่าเมื่อใช้เวลาชาร์จเพียง 30 นาทีจะสามารถวิ่งได้ในระยะทางถึง 250 กม. สำหรับรุ่นท็อปนั้นจะได้อุปกรณ์ชาร์จไฟขนาด 125kW
VW ได้เปิดรับจองล่วงหน้าแล้วสำหรับรุ่นพิเศษ 1st limited launch edition ของ ID.3 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงตอนนี้ ซึ่งมีผู้คนให้ความสนใจมากกว่า 30,000 คน 1st limited launch edition จะมีแบตเตอรี่ 58kWh เป็นมาตรฐาน และติดตั้งระบบนำทาง, วิทยุดิจิตอล DAB, เบาะนั่งและพวงมาลัยพร้อมฟังก์ชั่นปรับอุ่น, ที่วางแขนด้านหน้า, สายชาร์จ Mode 2 และล้อขนาด 18 นิ้วเป็นมาตรฐาน
ลูกค้าที่อยากได้ออปชั่นเพิ่มขึ้นก็ต้องไปเล่นรุ่น 1st Plus และท็อปสุด 1st Max ซึ่งจะมีออปชั่นและความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นไปอีกตามเกรดรุ่น โดยราคาเริ่มต้นนั้นจะอยู่ที่ไม่เกิน 30,000 ยูโร หรือประมาณไม่เกิน 1,004,000 บาท การผลิตจะเริ่มขึ้นในสิ้นปีนี้ และเริ่มส่งมอบรถล็อตแรกได้ในช่วงต้นปีหน้า
ที่มา Carscoops
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย