ค่ายสปอร์ตหน้ากบ Porsche Taycan (อ่านว่า ไทคานน์) รถพลังงานไฟฟ้าล้วนคันแรกของค่าย ที่จะมาท้าชนคู่แข่งสัญชาติอเมริกันอย่าง Tesla Model S จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง เชิญเลื่อนอ่านต่อได้เลยครับ
เบื้องต้น Taycan จะมีจำหน่ายในรุ่น Turbo และ Turbo S รุ่นที่มีพละกำลังน้อยกว่าทั้งสองรุ่นนี้จะตามมาในภายหลังซึ่งจะมาภายในช่วงปีนี้ ในขณะที่อีกหนึ่งรูปแบบตัวถังสไตล์ครอสโอเวอร์ Cross Turismo จะมีการเปิดตัวในช่วงปลายปีหน้า
ภายนอกของรถมากับด้านหน้าที่ดูกว้างแต่แบน แต่ยังคงกลิ่นอายการออกแบบ Porsche ไว้ครบ เส้นแนวหลังคาถูกออกแบบให้มีความโค้งมนทำให้ดูสปอร์ต ออกแบบประตูรถแบบไร้กรอบกระจก ต่อเนื่องไปถึงช่วงท้ายซึ่งมากับไฟท้ายลากยาวซ้ายจรดขวาพร้อมโลโก้ Porsche ที่มีลักษณะเป็นกระจกลากยากขนานไปกับไฟท้าย ด้วยการออกแบบที่ดูโค้งมนและมีความลาดเท ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานแค่ 0.22 เท่านั้น Porsche Taycan มีขนาดความยาว 4,963 มิลลิเมตร กว้าง 1,966 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อยาว 2,900 มิลลิเมตร
แซสซีส์ของ Porsche Taycan จะควบคุมผ่านระบบเครือข่ายส่วนกลาง (centrally-networked control system) ซึ่งจะมีการวิเคราะห์และควบคุมระบบแชสซีส์ทั้งหมดให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแบบเรียลไทม์ เช่น และยังมีระบบช่วงล่างแบบถุงลม Adaptive Air Suspension with Three-Chamber และระบบควบคุมการทำงานของโช้คอัพ PASM (Porsche Active Suspension Management) นอกจากนี้ยังมีออปชั่นเสริมคือ ระบบ Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) ลดอาการโคลงตัวรถด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ทำงานพร้อมกับระบบควบคุมแรงบิด Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus)
ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้โหมดการขับขี่ได้หลายโหมด มีทั้งแบบ Normal, Sport, Sport Plus และ Range นอกจากนี้แต่ละระบบสามารถตั้งค่าได้ตามต้องการ
ภายในห้องโดยสารของ Taycan มีการออกแบบที่ค่อนข้างสวยงามและล้ำสมัย มากับพวงมาลัยทรงคุ้นตาจาก Porsche 911 โฉมล่าสุดพร้อมหน้าปัดแบบดิจิตอล แดชบอร์ดกลางติดตั้งหน้าจอระบบ Infotainment ขนาด 10.9 นิ้ว อีกทั้งยังมีออปชั่นจอแสดงผลสำหรับผู้โดยสารมาให้ด้วย นอกจากนี้จะเห็นว่าปุ่มควบคุมบริเวณฐานคอนโซลกลางก็มาใช้แบบจอดิจิตอลสัมผัสด้วยเช่นกัน อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจ ลูกค้าสามารถเข้าถึงฟังก์ชั่นของรถยนต์ได้โดยการสั่งการด้วยเสียง เริ่มต้นด้วยคีย์เวิร์ด “Hey, Porsche” ตามด้วยคำสั่ง
ทางด้านขุมพลังนั้น ทั้ง Taycan Turbo และ Turbo S จะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่มีพละกำลังสูงสุด 625 แรงม้า (PS) เท่ากัน จะต่างตรงที่ Taycan Turbo สามารถสร้างพละกำลังสูงสุดได้ 680 แรงม้า (PS) เมื่อเปิดระบบ Overboost มีแรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร เมื่อเปิดระบบ Lauch Control จะสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.2 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ใน 10.6 วินาที ก่อนจะทะยานไปที่ความเร็วสูงสุด 260 กม./ชม.
ในขณะที่ Turbo S สามารถสร้างพละกำลังสูงสุดได้ 761 แรงม้า (PS) เมื่อเปิด Overboos เช่นกัน และมีแรงบิดมหาศาลถึง 1,050 นิวตัน-เมตร ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. พร้อมเปิด Launch Control ด้วยได้ในเวลาเพียง 2.8 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ใน 9.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 260 กม./ชม. เท่ากับรุ่น Turbo
ระบบส่งกำลังของรถไฟฟ้าทั่วไปจะเป็นเกียร์เดียว แต่ใน Taycan นั้นจะเป็น 2 เกียร์ เกียร์แรกจะมีหน้าที่ในการสร้างอัตราเร่งในขณะที่เกียร์ที่ 2 จะมีอัตราทดที่ยาวกว่าเสริมประสิทธิภาพขุมพลังและรักษากำลังเครื่องยนต์ไว้อย่างต่อเนื่อง
Taycan จะติดตั้งชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 93.4 kWh ของ Taycan พร้อมระบบไฟฟ้าแรงขับเคลื่อนสูง 800 โวลต์ สามารถชาร์จไฟได้ 80% ในเวลาเพียง 22 นาทีโดยมีระยะ 60 ไมล์ รองรับระบบการชาร์จไฟได้สูงสุด 270 กิโลวัตต์ ซึ่งหากใช้การชาร์จด่วนแค่ 5 นาทีก็สามารถวิ่งได้สูงสุดถึง 96 กิโลเมตร
แต่ถ้าใช้ระบบชาร์จไฟกระแสตรงแบบเร็ว 150 กิโลวัตต์ จะสามารถชาร์จไฟจนถึง 80% ใน 36 นาทีเท่านั้น ในขณะที่เต้าเสียบ 240 โวลต์ธรรมดาขนาด 9.6 กิโลวัตต์ต้องใช้เวลาชาร์จถึง 11 ชั่วโมง
Taycan Turbo สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดเมื่อชาร์จเต็ม 450 กิโลเมตร ในขณะที่ Turbo S สามารถวิ่งได้ 412 กม. ทั้งสองอ้างอิงตามมาตรฐาน Worldwide Harmonised Light Vehicle Test Procedure (WLTP)
Porsche Taycan Turbo S จะมากับราคาค่าตัวเริ่มที่ 187,610 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 5,754,000 บาทไทย) ในขณะที่ตัวถูกลงมา Taycan Turbo จะมีราคาเริ่มที่ 153,310 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 4,702,000 บาทไทย) คาดว่าทาง AAS Thailand ก็คงไม่พลาดที่จะนำมาจำหน่ายในไทยเช่นกัน
ที่มา Carscoops
เบื้องต้น Taycan จะมีจำหน่ายในรุ่น Turbo และ Turbo S รุ่นที่มีพละกำลังน้อยกว่าทั้งสองรุ่นนี้จะตามมาในภายหลังซึ่งจะมาภายในช่วงปีนี้ ในขณะที่อีกหนึ่งรูปแบบตัวถังสไตล์ครอสโอเวอร์ Cross Turismo จะมีการเปิดตัวในช่วงปลายปีหน้า
ภายนอกของรถมากับด้านหน้าที่ดูกว้างแต่แบน แต่ยังคงกลิ่นอายการออกแบบ Porsche ไว้ครบ เส้นแนวหลังคาถูกออกแบบให้มีความโค้งมนทำให้ดูสปอร์ต ออกแบบประตูรถแบบไร้กรอบกระจก ต่อเนื่องไปถึงช่วงท้ายซึ่งมากับไฟท้ายลากยาวซ้ายจรดขวาพร้อมโลโก้ Porsche ที่มีลักษณะเป็นกระจกลากยากขนานไปกับไฟท้าย ด้วยการออกแบบที่ดูโค้งมนและมีความลาดเท ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานแค่ 0.22 เท่านั้น Porsche Taycan มีขนาดความยาว 4,963 มิลลิเมตร กว้าง 1,966 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อยาว 2,900 มิลลิเมตร
แซสซีส์ของ Porsche Taycan จะควบคุมผ่านระบบเครือข่ายส่วนกลาง (centrally-networked control system) ซึ่งจะมีการวิเคราะห์และควบคุมระบบแชสซีส์ทั้งหมดให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแบบเรียลไทม์ เช่น และยังมีระบบช่วงล่างแบบถุงลม Adaptive Air Suspension with Three-Chamber และระบบควบคุมการทำงานของโช้คอัพ PASM (Porsche Active Suspension Management) นอกจากนี้ยังมีออปชั่นเสริมคือ ระบบ Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) ลดอาการโคลงตัวรถด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ทำงานพร้อมกับระบบควบคุมแรงบิด Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus)
ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้โหมดการขับขี่ได้หลายโหมด มีทั้งแบบ Normal, Sport, Sport Plus และ Range นอกจากนี้แต่ละระบบสามารถตั้งค่าได้ตามต้องการ
ภายในห้องโดยสารของ Taycan มีการออกแบบที่ค่อนข้างสวยงามและล้ำสมัย มากับพวงมาลัยทรงคุ้นตาจาก Porsche 911 โฉมล่าสุดพร้อมหน้าปัดแบบดิจิตอล แดชบอร์ดกลางติดตั้งหน้าจอระบบ Infotainment ขนาด 10.9 นิ้ว อีกทั้งยังมีออปชั่นจอแสดงผลสำหรับผู้โดยสารมาให้ด้วย นอกจากนี้จะเห็นว่าปุ่มควบคุมบริเวณฐานคอนโซลกลางก็มาใช้แบบจอดิจิตอลสัมผัสด้วยเช่นกัน อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจ ลูกค้าสามารถเข้าถึงฟังก์ชั่นของรถยนต์ได้โดยการสั่งการด้วยเสียง เริ่มต้นด้วยคีย์เวิร์ด “Hey, Porsche” ตามด้วยคำสั่ง
ทางด้านขุมพลังนั้น ทั้ง Taycan Turbo และ Turbo S จะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่มีพละกำลังสูงสุด 625 แรงม้า (PS) เท่ากัน จะต่างตรงที่ Taycan Turbo สามารถสร้างพละกำลังสูงสุดได้ 680 แรงม้า (PS) เมื่อเปิดระบบ Overboost มีแรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร เมื่อเปิดระบบ Lauch Control จะสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.2 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ใน 10.6 วินาที ก่อนจะทะยานไปที่ความเร็วสูงสุด 260 กม./ชม.
ในขณะที่ Turbo S สามารถสร้างพละกำลังสูงสุดได้ 761 แรงม้า (PS) เมื่อเปิด Overboos เช่นกัน และมีแรงบิดมหาศาลถึง 1,050 นิวตัน-เมตร ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. พร้อมเปิด Launch Control ด้วยได้ในเวลาเพียง 2.8 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ใน 9.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 260 กม./ชม. เท่ากับรุ่น Turbo
ระบบส่งกำลังของรถไฟฟ้าทั่วไปจะเป็นเกียร์เดียว แต่ใน Taycan นั้นจะเป็น 2 เกียร์ เกียร์แรกจะมีหน้าที่ในการสร้างอัตราเร่งในขณะที่เกียร์ที่ 2 จะมีอัตราทดที่ยาวกว่าเสริมประสิทธิภาพขุมพลังและรักษากำลังเครื่องยนต์ไว้อย่างต่อเนื่อง
Taycan จะติดตั้งชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 93.4 kWh ของ Taycan พร้อมระบบไฟฟ้าแรงขับเคลื่อนสูง 800 โวลต์ สามารถชาร์จไฟได้ 80% ในเวลาเพียง 22 นาทีโดยมีระยะ 60 ไมล์ รองรับระบบการชาร์จไฟได้สูงสุด 270 กิโลวัตต์ ซึ่งหากใช้การชาร์จด่วนแค่ 5 นาทีก็สามารถวิ่งได้สูงสุดถึง 96 กิโลเมตร
แต่ถ้าใช้ระบบชาร์จไฟกระแสตรงแบบเร็ว 150 กิโลวัตต์ จะสามารถชาร์จไฟจนถึง 80% ใน 36 นาทีเท่านั้น ในขณะที่เต้าเสียบ 240 โวลต์ธรรมดาขนาด 9.6 กิโลวัตต์ต้องใช้เวลาชาร์จถึง 11 ชั่วโมง
Taycan Turbo สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดเมื่อชาร์จเต็ม 450 กิโลเมตร ในขณะที่ Turbo S สามารถวิ่งได้ 412 กม. ทั้งสองอ้างอิงตามมาตรฐาน Worldwide Harmonised Light Vehicle Test Procedure (WLTP)
ที่มา Carscoops
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย