ดีไซน์ภายนอกนั้นมีกลิ่นอายความเป็นรุ่นเดิมสูงมากโดยเฉพาะเส้นสายด้านข้าง คาดว่า All-New Suzuki Swift ใหม่จะยังคงสร้างบนพื้นฐานของ Swift รุ่นเดิม แต่มีการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูสวยและทันสมัยยิ่งขึ้น ดีไซน์ด้านหน้ามากับชุดโคมไฟทรงใหม่ พร้อมกระจังหน้าทรงใหม่ที่ดูใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ออกแบบชุดกันชนหน้าให้เข้ากับกระจังหน้าใหม่ โดยเฉพาะในรุ่น RS ที่สวมชุดแต่งรอบคันนั้น มีบริเวณด้านหน้าที่แอบนึกถึง Jaguar F-Type
ในส่วนของเส้นสายด้านข้างนั้นอย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่ามีความใกล้เคียงรุ่นเก่าค่อนข้างมาก แต่ในส่วนของประตูหลังนั้นได้รับการออกแบบใหม่โดยการติดตั้งมือจับประตูบริเวณกรอบกระจกประตู ทำให้แนวเสา C กลายเป็นแบบ Floating Roof
ด้านท้ายของรถมากับไฟท้ายชุดใหม่ที่ดูทันสมัยมากขึ้น ฝากระโปรงหลังเปลี่ยนใหม่ให้ดูมิติกว่าเดิม รวมทั้งกันชนท้ายที่ดูมีมิติมากขึ้นเช่นกัน
ภายในห้องโดยสารมีการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าภายนอก มากับช่องแอร์ใหม่แบบทรงกลมที่ดูทันสมัย ตกแต่งด้วยวัสดุภายในที่ดูพรีเมียมขึ้นกว่าเดิม หน้าปัดของรถออกแบบใหม่ให้ดูสปอร์ตกว่าเดิม พร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ตรงกลาง พวงมาลัย 3 ก้านใหม่ดูดีขึ้นแต่ก็ทำให้แอบนึกถึงพวงมาลัยของ Mazda
ทางด้านขุมพลังนั้น ในตลาดญี่ปุ่นจะมีทางเลือกเครื่องยนต์ 3 แบบ ด้วยกัน ได้แก่
- เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร DualJet พละกำลัง91 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 118 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และ เกียร์อัตโนมัติ CVT
- ขุมพลังไฮบริดแบบ Mild Hybrid (SHVS) มากับเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร K12C บวกกับชุด ISG (Integrated Starter Generator) และมอเตอร์ไฟฟ้า WA05A 3.1 แรงม้า ที่ 1,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 50 นิวตันเมตร ที่ 100 รอบ/นาที แบตเตอรี่ Lithium-ion Battery ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT
- เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร BoosterJet พละกำลังสูงสุด 102 แรงม้าที่ 5,550 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 1,700 – 4,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
สำหรับระบบความปลอดภัยนั้นทางค่าย Suzuki ได้ทำการติดตั้งระบบใหม่ๆหลายระบบด้วยกัน เช่น ระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อใกล้ชน Collision-Mitigation System (ครั้งแรกของ Suzuki) , เซ็นเซอร์หน้ารถ Dual Sensor Brake Support ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ High-Beam Assist และ Adaptive Cruise Control
Suzuki Swift เจเนเรชั่นใหม่ในญี่ปุ่นจะมีทางเลือกทั้งหมด 6 รุ่นย่อยด้วยกัน ได้แก่ รุ่นเริ่มต้น XG , XL , Hybrid ML , Hybrid RS และ RSt โดยมีราคาเริ่มต้นราวๆ 1,343,520 เยน (411,970 บาท) ครับ ส่วนเมืองไทยน่าจะเปิดตัวอย่างช้าราวๆต้นปี 2018 หรือเร็วสุดๆก็ปลายปี 2017 และน่าจะมาในฐานะอีโคคาร์เฟส 2 ครับ
ที่มา Carscoops
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย