ภายนอกมีการแพ็คเกจแอโรไดนามิกที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ โดยมากับลิ้นด้านหน้าดีไซน์ใหม่ กันชนหน้าใหม่ สเกิร์ตรอบคันใหม่ คิ้วประตูดีไซน์ใหม่เฉพาะ ดิฟฟิวเซอร์ (ครีบรีดอากาศ) กันชนท้ายขนาดใหญ่กว่าเดิมและกันชนท้ายใหม่
บริเวณด้านหลังถือเป็นจุดที่โดดเด่นเพราะเป็นตำแหน่งห้องเครื่อง ซึ่งมีการออกแบบที่ช่องระบายอากาศฝาท้ายและช่องบริเวณไฟท้ายใหม่ ด้านท้ายมีตะแกรงที่ระบายอากาศได้และระบบไอเสียไทเทเนียมแบบ 4 ท่อซึ่งเบากว่าเหล็กถึง 40% นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่น Airbrake พร้อมทั้งมีรูปแบบตั้งค่าให้เลือกมากมายโดยสามารถปรับลดแรงกดหรือลดแรงฉุดได้
นอกเหนือจากปีกหลังที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว 765LT ยังมีล้อฟอร์จที่มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษพร้อมสลักเกลียวทำจากไทเทเนียม หุ้มด้วยยาง Pirelli P Zero Trofeo R ล้อจะเป็นแบบ 10 ก้าน และยังมากับชุดเบรกคาร์บอนเซรามิกพร้อมคาลิเปอร์ที่ยกมาจากพี่ใหญ่ Senna
หากนั่นยังไม่น่าประทับใจพอ ลูกค้าสามารถเลือกแพ็คเกจ Track Brake ซึ่งมีผ้าเบรคและจานเบรกคาร์บอนเซรามิกจาก Senna โดยจานเบรกแผ่นหลังมีความแข็งแกร่งกว่าจานเบรกคาร์บอนเซรามิกทั่วไปถึง 60% และมีการนำความร้อนได้ดีขึ้น 4 เท่าเพื่อลดการสึกหรอและการซีดจาง
เข้ามาภายในห้องโดยสาร คุณจะพบกับหลายจุดที่ได้หั่นน้ำหนักลงไป ผู้ขับขี่จะพบเบาะนั่งที่ตัวเบาะทำจากคาร์บอนไฟเบอร์เสริมด้วย Alcantanra ที่มีน้ำหนักเบากว่าเบาะนั่งสปอร์ตใน 720S ถึง 18 กิโลกรัม หรือแม้กระทั่งระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียงก็ถูกถอดออก มีตาข่ายน้ำหนักเบาแทนที่ช่องเก็บสัมภาระที่แผงประตู อย่างไรก็ตามรายการเหล่านี้สามารถขอติดตั้งเพิ่มได้ และมีระบบ Infotainment พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกการปรับแต่งอีกมากมายให้เลือกตามชอบ
หนึ่งในออปชั่นที่น่าสนใจคือแผงกระจกสองชั้นด้านหลังเบาะที่ทำให้เห็นหัวใจสำคัญของรถ นั่นก็คือ เครื่องยนต์ V8 มันถูกรวมเข้ากับโครงคาร์บอนไฟเบอร์ของโมเดลและแปะเครื่องหมาย 765LT
ขุมพลังจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ 4.0 ลิตรที่ปรับแต่งใหม่ ทำให้มีพละกำลังสูงสุด 765 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 799 นิวตันเมตร ได้แรงม้าเพิ่มขึ้น 45 แรงม้า (PS) และแรงบิดเพิ่มขึ้น 30 นิวตันเมตรจาก 720S
การอัปเกรดขุมพลังไม่ได้จบเพียงเท่านี้ เพราะรุ่นนี้มากับระบบส่งกำลังแบบคลัตช์คู่ 7 สปีดที่ปรับปรุงใหม่ ช่วยให้เร่งดีขึ้นอีก 15% จาก 720S และทำเวลาต่อรอบได้เร็วที่สุดใน McLaren Super Series ทุกรุ่น
ตัวเกียร์ยังมีฟังก์ชั่นใหม่ “limit downshift” เมื่อผู้ขับขี่ต้องการลดเกียร์ลง แต่การเปลี่ยนเกียร์ฉับพลันจะทำให้รถ over-rev หรือรอบสูงเกินไป ฟังก์ชั่นนี้จะทำงานเมื่อความเร็วและรอบขณะขับขี่อยู่ในช่วงที่เหมาะสม
ในแง่ของประสิทธิภาพ 765LT สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาแค่ 2.7 วินาทีและ 0-200 กม./ชม.ใน 7.2 วินาที สามารถวิ่งควอเตอร์ไมล์ได้ในเวลาต่ำกว่า 10 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดทำได้ที่ 330 กม./ชม.
McLaren กล่าวว่ารถมีน้ำหนักน้อยกว่า 720s อยู่ที่ 79 กิโลกรัม และมีน้ำหนักไม่รวมของเหลวแค่ 1,229 กิโลกรัมเท่านั้น ความหลงใหลในการลดน้ำหนักของ McLaren ทำให้พวกเขาลดความหนาของกระจกหน้าต่างด้านข้างเป็นครั้งแรกในตัวพิเศษ LT ยุคใหม่ กระจกหน้ายิ่งบางกว่าในขณะที่ด้านหลังใช้วัสดุโพลีคาร์บอเนตน้ำหนักเบา
765LT ยังมากับช่วงล่างที่ปรับแต่งด้วยสปริงและโช้คอัพใหม่ รถรุ่นนี้มีระยะแทร็คด้านหน้าที่กว้างขึ้นตำแหน่งเบาะนั่งต่ำลง มีระบบแซสซีส์ Proactive Chassis Control II พร้อมซอฟต์แวร์ที่ได้รับการปรับปรุงซึ่งสัญญาว่าจะให้ "ความแม่นยำและการควบคุมที่ดียิ่งขึ้น" นอกจากนี้ระบบบังคับเลี้ยวยังได้รับการปรับอัตราทดไวขึ้นและปรับเพลาทอร์ชั่นบาร์ให้แข็งขึ้น
การผลิตของ McLaren 765LT จะจำกัดที่ 765 คัน และการเริ่มส่งมอบครั้งแรกจะมีขึ้นในเดือนกันยายน และยังไม่มีการประกาศราคาออกมา ณ ตอนนี้ ส่วนชาวไทยนั้นต้องรอดูว่าจะมีเข้ามาในไทยสักกี่คันครับ
ที่มา Carscoops
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย